Бесплатно

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Текст
0
Отзывы
iOSAndroidWindows Phone
Куда отправить ссылку на приложение?
Не закрывайте это окно, пока не введёте код в мобильном устройстве
ПовторитьСсылка отправлена
Отметить прочитанной
Шрифт:Меньше АаБольше Аа

บทที่ 20

ธอร์เดินไปพร้อมกับเจ้าชายรีส ผ่านประตูโค้งของปราสาท ไปสู่ถนนชนบทที่นำไปสู่ค่ายของกองทหารยุวชน ทหารยืนทำความเคารพเมื่อพวกเขาผ่านไป ทำให้ธอร์รู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นคนนอกอีก เขาคิดย้อนไปถึงสองสามวันก่อนหน้านี้ ตอนที่ทหารยามไล่เขาไปจากที่นี่ มันช่างเปลี่ยนแปลงไปมากและรวดเร็ว

ธอร์ได้ยินเสียงร้องแหลม เมื่อมองขึ้นไปเหนือศีรษะก็เห็นเอสโตฟีลีสบินวนอยู่และมองลงมา มันบินดิ่งลงมา ธอร์รู้สึกตื่นเต้น ยกข้อมือที่ยังถุงมือโลหะไว้ขึ้นมา แต่มันก็กลับบินขึ้นไปอีกครั้ง สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ยังอยู่ในสายตา เขานึกสงสัย มันเป็นสัตว์ที่ลึกลับและเขารู้สึกเชื่อมโยงกับมันอย่างที่ยากจะอธิบายได้

ธอร์และเจ้าชายรีสเดินต่อไปอย่างเงียบ ๆ เดินเร็วตรงไปยังค่ายทหาร ธอร์รู้ว่าพวกพี่น้องร่วมค่ายกำลังรอเขาอยู่ และสงสัยว่าเขาจะได้รับการต้อนรับแบบไหน จะมีการอิจฉาริษยาหรือไม่? พวกนั้นจะโกรธไหมที่เขาได้รับความสนใจทั้งหลายเหล่านี้? พวกนั้นจะล้อเลียนไหมที่เขาถูกหามข้ามหุบเขากลับมา? หรือว่าพวกนั้นจะยอมรับเขาในที่สุดหรือไม่?

ธอร์หวังว่าจะเป็นข้อหลัง เขาเหน็ดเหนื่อยในการพยายามเข้ากับคนอื่น และเพียงต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกองทหารยุวชน ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดคือการได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา

เมื่อมองเห็นค่ายทหารอยู่ไกล ๆ ใจธอร์ก็เริ่มคิดถึงอย่างอื่น

เจ้าหญิงเกว็นโดลิน

ธอร์ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้กับเจ้าชายรีสได้มากแค่ไหน เพราะเป็นเรื่องของพระพี่นางของพระองค์ แต่เขาก็ไม่อาจสลัดเรื่องของนางไปจากจิตใจได้ เขาหยุดคิดถึงการเผชิญหน้ากับอัลทัน พระญาติที่มาข่มขู่ไม่ได้ และสงสัยว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นจริงสักเพียงใด ส่วนหนึ่งของธอร์กลัวที่จะหารือเรื่องนี้กับเจ้าชายรีส ไม่อยากเสี่ยงที่จะทำให้ทรงกริ้วและต้องสูญเสียเพื่อนใหม่ไปเพราะพี่สาวของเขา แต่อีกส่วนหนึ่งก็อยากรู้ว่าทรงคิดอย่างไร

“อัลทันคือใคร?” ธอร์ถามขึ้นในที่สุดด้วยความลังเล

“อัลทันหรือ?” ทรงทวนคำ “ทำไมถึงถามถึงเขา?”

ธอร์ยักไหล่ ไม่แน่ใจว่าจะพูดอย่างไร

โชคดีที่เจ้าชายตรัสต่อ

“เขาเป็นตัวอันตราย เป็นญาติห่าง ๆ ลำดับที่สาม ทำไม? เขามาวุ่นวายหาเรื่อเจ้าหรือ?” แล้วทรงหรี่ตา “เกว็นหรือ? เรื่องนี้ใช่ไหม? ข้าน่าจะเตือนเจ้า”

ธอร์หันไปมองเจ้าชาย อยากรู้มากขึ้น

“ทรงหมายความว่าอย่างไร”

“เขาเป็นคนทราม ตามติดพี่สาวข้ามาตั้งแต่เดินได้ เขาคิดว่าจะได้แต่งงานกับนาง พระมารดาก็ดูเหมือนจะเห็นด้วย”

“แล้วพวกเขาจะแต่งกันไหม?” ธอร์ทูลถาม ประหลาดใจกับน้ำเสียงเร่งร้อนของตัวเอง

เจ้าชายรีสทอดพระเนตรเขาแล้วแย้มสรวล

“ตายล่ะ ๆ นี่เจ้าหลงรักนางใช่ไหม?” ทรงพระสรวลดัง “เร็วมากนะ”

ธอร์หน้าแดง หวังว่าจะไม่เป็นที่สังเกต

“จะแต่งหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของนางที่มีต่อเขา” เจ้าชายบอกในที่สุด “เว้นเสียแต่พวกเขาจะบังคับนาง แต่ข้ายังสงสัยว่าพระบิดาจะทรงทำเช่นนั้นหรือไม่”

“แล้วนางทรงรู้สึกอย่างไรกับเขา?” ธอร์ทูลถาม เกรงว่าเขาจะสอดรู้เกินไป แต่ก็จำเป็นต้องรู้

เจ้าชายยักไหล่ “ข้าว่าเจ้าต้องถามนางเอง ข้าไม่เคยคุยกับนางเรื่องนี้”

“แล้วพระบิดาของพระองค์จะบังคับนางหรือไม่?” ธอร์รุกเร้า “จะทรงทำเช่นนั้นจริง ๆ หรือไม่?”

“พระบิดาทรงทำได้ทุกสิ่งที่ทรงมีพระประสงค์ แต่นั่นเป็นเรื่องระหว่างพระองค์กับเกว็น”

เจ้าชายรีสหันมาทอดพระเนตรธอร์

“ทำไมถึงมีคำถามพวกนี้? นี่เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน?”

ธอร์หน้าแดง ไม่แน่ใจว่าจะทูลตอบอย่างไร

“ไม่มีอะไร” เขาทูลตอบในที่สุด

“ไม่มี!” เจ้าชายทรงพระสรวล “ฟังดูมีเยอะเลยสำหรับข้า!”

ทรงพระสรวลดังขึ้น และธอร์รู้สึกอาย นึกสงสัยว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ว่าเจ้าหญิงทรงชอบเขา เจ้าชายรีสทรงเอื้อมมาจับบ่าเขาไว้แน่น

“ฟังนะ เพื่อนยาก” ตรัสบอก “สิ่งหนึ่งที่เจ้ามั่นใจได้เลยเกี่ยวกับเกว็นคือ นางรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และนางต้องได้สิ่งที่ต้องการ เป็นเช่นนั้นเสมอ นางเป็นคนที่มีจิตใจมุ่งมั่น เช่นเดียวกับพระบิดา ไม่มีใครบังคับให้นางทำอะไร หรือชอบใครได้ หากนางไม่ต้องการ อย่าห่วงไปเลย ถ้านางเลือกเจ้า เชื่อข้า นางจะบอกให้เจ้ารู้ ตกลงไหม?”

ธอร์พยักหน้า รู้สึกดีขึ้นเหมือนเช่นเคย หลังจากที่ได้พูดกับเจ้าชาย

เขาเงยหน้ามองประตูบานใหญ่ของค่ายทหารที่อยู่ตรงหน้า และต้องประหลาดใจที่เห็นเด็กหนุ่มหลายคนยืนอยู่หน้าประตู ราวกับกำลังคอยพวกเขา และยิ่งประหลาดใจมากขึ้นที่เห็นพวกนั้นยิ้มให้และส่งเสียงโห่ร้องยินดีเมื่อเห็นทั้งสอง พวกเขารีบวิ่งมาหา คว้าไหล่ธอร์ โอบแขนรอบ ๆ ตัวเขาและดึงเข้าไปข้างใน ธอร์ประหลาดใจขณะที่ถูกพาเข้าไปภายในห้อมล้อมไปด้วยความปรารถนาดีจากคนอื่น ๆ

“เล่าเรื่องหุบเขาให้พวกเราฟังหน่อย มันเป็นอย่างไรที่อีกด้านหนึ่ง?” คนหนึ่งถาม

“สัตว์ประหลาดหน้าตาเป็นยังไง? ตัวที่เจ้าฆ่ามันน่ะ?” อีกคนถาม

“ข้าไม่ได้ฆ่ามัน” ธอร์ประท้วง “อีเร็คต่างหาก”

“ข้าได้ยินว่าเจ้าช่วยชีวิตเอลเด็นไว้” อีกคนพูด

ข้าได้ยินว่าเจ้าโจมตีเจ้าสัตว์ประหลาดซึ่ง ๆ หน้า โดยไม่มีอาวุธจริง ๆ เลย”

“เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราแล้ว!” คนหนึ่งตะโกนขึ้น แล้วคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงโห่ร้องยินดี ต้อนเขาไปด้วย ราวกับเป็นพี่น้องที่หายหน้าไปนาน

ธอร์ไม่อยากเชื่อ ยิ่งได้ยินคำพูดของพวกเขา ธอร์ก็ยิ่งรู้ว่าพวกนั้นคงจะมีเหตุผล บางทีเขาคงจะ

กล้าหาญ เขาเองไม่เคยคิดเรื่องนี้ เป็นครั้งแรกในระยะหนึ่งที่เริ่มรู้สึกดีกับตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นเพราะในที่สุดเขาก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเด็กหนุ่มเหล่านี้ เขารู้สึกว่าความตึงเครียดบนบ่าคลายลง

ธอร์ถูกต้อนไปยังสนามฝึกหลัก ตรงหน้าเขาคือทหารยุวชนอีกหลายสิบคนพร้อมด้วยทหารกองรบเงินอีกหลายสิบนาย ทั้งหมดก็โห่ร้องขึ้นเมื่อเห็นเขา ต่างเข้ามาหาตบหลังตบไหล่เขา

คอล์คก้าวมาข้างหน้า ทำให้คนอื่น ๆ เงียบเสียงลง ธอร์รู้สึกยินดีเพราะคอล์คไม่เคยพูดอย่างอื่นนอกจากคำดูหมิ่น แต่ตอนนี้ธอร์ต้องประหลาดกับสายตาที่เขามองมา มีแววที่แตกต่างไป แม้เขาจะยังไม่ยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้หน้าบูดบึ้ง และธอร์สาบานได้ว่าเขาเห็นแววตาชื่นชมในดวงตาของคอล์ค

คอล์คก้าวเข้ามา ยกเข็มกลัดเล็ก ๆ รูปเหยี่ยวสีดำขึ้นติดหน้าอกธอร์

เข็มกลัดเครื่องหมายของกองทหารยุวชน ธอร์ได้รับการยอมรับแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้เป็นหนึ่งในนี้

“ธอร์กรินแห่งจังหวัดทางใต้ แห่งอาณาจักรตะวันตก” คอล์คกล่าวอย่างจริงจัง “เราขอต้อนรับเจ้าสู่

กองทหารยุวชน”

พวกเด็กหนุ่มโห่ร้องขึ้น แล้วกรูกันเข้ามาโอบล้อมเขา แล้วเหวี่ยงเขาไปทางโน้นทีทางนี้ที

ธอร์ไม่สามารถรับรู้เรื่องทั้งหมดนี้ เขาพยายามที่จะไม่รับทั้งหมด อยากจะสนุกสนานกับช่วงเวลานี้ก่อน ณ ตอนนี้มีสถานที่ที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งในที่สุด

คอล์คหันไปหาเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ

“เอาล่ะ เจ้าหนู สงบกันได้แล้ว” เขาสั่ง “วันนี้เป็นวันพิเศษ ไม่มีคราด การขัดเงาหรือขี้ม้า ตอนนี้เป็นเวลาฝึกจริง ๆ แล้ว วันนี้เป็นวันฝึกอาวุธ”

บรรดาเด็กหนุ่มโห่ร้องยินดีขึ้นอีก แล้วเดินตามคอล์คข้ามสนามฝึกไปยังอาคารทรงกลมขนาดใหญ่ที่สร้างจากไม้โอ๊ค มีประตูทองแดงแวววาว ธอร์เดินไปพร้อมกับคนอื่น ๆ มีเสียงพึมพำตื่นเต้นดังไปทั่ว เจ้าชายรีสทรงอยู่ข้างเขา และโอคอนเนอร์ที่เข้ามาสมทบ

“นึกว่าจะไม่ได้เห็นเจ้าเป็น ๆ อีกแล้ว” โอคอนเนอร์บอก พลางยิ้มและตบบ่าเขา “ครั้งหน้า รอให้ข้าตื่นก่อนได้ไหม?

ธอร์ยิ้มตอบ

“อาคารนั้นคืออะไรหรือ?” ธอร์ทูลถามเจ้าชาย เมื่อเดินใกล้เข้าไป มีหมุดโลหะขนาดใหญ่ตอกอยู่ทั่วประตู เป็นสถานที่ที่น่าประทับใจ

“โรงอาวุธ” เจ้าชายตรัสบอก “เป็นที่ที่พวกเขาใช้เก็บอาวุธทั้งหมดของพวกเรา นาน ๆ ทีเขาถึงจะให้พวกเราได้เห็น หรือแม้แต่ได้ฝึกกับพวกเขาบางคน ขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องการสอนเรื่องอะไร”

ท้องของธอร์บิดเขม็งเมื่อเห็นเอลเด็นเดินเข้ามาหา ธอร์ระวังตัว คาดหวังคำขู่ แต่ครั้งนี้กลับต้องประหลาดใจ เอลเด็นมองมาด้วยความซาบซึ้ง

“ข้าต้องขอบใจเจ้า” เขาบอกอย่างนอบน้อม “ที่ช่วยชีวิตข้าไว้”

ธอร์ตะลึง เขาไม่คิดว่าจะเอลเด็นจะทำเช่นนี้

“ข้าเข้าใจผิดเรื่องเจ้า” เอลเด็นพูดต่อ “เป็นเพื่อนกันนะ?” เขาถาม

ยื่นมือออกมาให้

ธอร์ไม่ใช่คนคิดแค้น เขายื่นมือออกไปจับอย่างยินดี

“เพื่อนกัน” ธอร์บอก

“ข้าจะยึดถือคำนั้นอย่างจริงจัง” เอลเด็นบอก “ข้าจะคอยระวังหลังให้เจ้า และข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้า”

แล้วเขาก็หันหลังรีบกลับไปรวมกับคนอื่น ๆ

ธอร์แทบจะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขาแปลกใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

“ข้าว่าเขาก็ไม่เลวร้ายเสียทีเดียว” โอคอนเนอร์บอก “บางทีเขาอาจจะใช้ได้ก็ได้”

พวกเขาเดินไปถึงโรงอาวุธ ประตูบานใหญ่เหวี่ยงเปิดออก ธอร์เดินเข้าไปด้วยความเกรงขาม เขาเดิน

ช้า ๆ แหงนคอมองสำรวจภายในอาคารรูปกลมอันกว้างใหญ่ ซึมซาบมันไว้ทั้งหมด มีอาวุธมากมายนับร้อย อาวุธที่เขาไม่เคยรู้จักแขวนอยู่ตามผนัง เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น วิ่งดูอาวุธ เลือกหยิบ ทดลองถือ และสำรวจตรวจสอบมัน ธอร์ทำตามคนอื่น ๆ รู้สึกเหมือนเด็กในร้านขายขนม

เขารีบเข้าไปที่ง้าวเล่มใหญ่ ยกมันขึ้นจากขาตั้งไม้ด้วยสองมือ และรู้สึกถึงน้ำหนักของมัน มันใหญ่โตและลงน้ำมันอย่างดี คมมีดทื่อและบิ่น เขาสงสัยว่ามันเคยฆ่าใครมาก่อนหรือไม่ในสนามรบ

ธอร์วางมันลงแล้วหยิบด้ามไม้ ที่มีลูกเหล็กกลมโยงติดไว้ด้วยโซ่ยาว เขาถือด้ามไม้และแตะลูกเหล็กหนามที่ห้อยอยู่ปลายโซ่ เจ้าชายรีสกำลังถือขวานอยู่ข้าง ๆ เขา ส่วนโอคอนเนอร์กำลังทดสอบน้ำหนักของหอกยาว ทำท่าแทงไปในอากาศ จินตนาการว่าเป็นศัตรู

“ทุกคนฟัง!” คอล์คตะโกน ทุกคนหันไปหา

“วันนี้พวกเราจะเรียนการต่อสู้กับศัตรจากระยะไกล มีใครที่นี่บอกข้าได้ว่าจะใช้อาวุธอะไรได้บ้าง? อะไรที่จะฆ่าคนได้จากระยะสามสิบก้าว?”

“ธนูและลูกศร” ใครบางคนตะโกนขึ้น

“ถูกต้อง” คอล์คตอบ “มีอะไรอีก?”

“หอก!” บางคนตะโกนบอก

“อะไรอีก? มีอย่างอื่นนอกจากอาวุธพวกนั้น บอกมาสิ”

“หนังสติ๊ก” ธอร์เสริม

“อะไรอีก?”

ธอร์พยายามคิด แต่นึกไม่ออก

“มีดซัด” เจ้าชายรีสตะโกนบอก

“อะไรอีก?”

คนอื่น ๆ ลังเล ไม่มีใครนึกออกอีก

“ยังมีการขว้างค้อน” คอล์คตะโกน “ขว้างขวาน มีหน้าไม้ ไม้แหลมก็สามารถขว้างได้ ดาบก็เช่นกัน”

คอล์คเดินไปรอบ ๆ มองดูใบหน้าของเด็กหนุ่ม ที่ยืนฟังอย่างตั้งใจ

“ยังไม่หมดเท่านั้น ก้อนหินธรรมดาจากบนพื้นก็เป็นเพื่อนเจ้าได้ ข้าเคยเห็นคนที่ตัวใหญ่เหมือนวัว วีรบุรุษสงคราม ถูกฆ่าด้วยก้อนหินที่ขว้างโดยทหารที่ชำนาญ ทหารมักจะไม่นึกว่าเกราะก็เป็นอาวุธได้เช่นกัน ถุงมือก็ถอดออกไปขว้างใส่หน้าศัตรูได้ มันจะช่วยหยุดศัตรูที่อยู่ห่างไปสองสามฟุตได้ ในตอนนั้นพวกเจ้าก็สามารถสังหารศัตรูได้ โล่ของเจ้าก็ใช้ขว้างได้”

คอล์คหยุดหายใจ

“มันสำคัญอย่างมากเวลาที่เจ้าเรียนการต่อสู้ เจ้าต้องไม่เรียนแค่การต่อสู้ในระยะระหว่างเจ้ากับคู่ต่อสู้ พวกเจ้าต้องขยายการต่อสู้ให้อยู่ในระยะที่กว้างขึ้น คนส่วนใหญ่ต่อสู้ในระยะสามก้าว นักรบที่เก่งสู้ด้วยระยะสามสิบก้าว เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับ!” ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน

“ดีมาก วันนี้ เราจะฝึกทักษะการขว้าง สำรวจไปรอบ ๆ ห้อง แล้วหยิบอาวุธที่ขว้างได้ เลือกหยิบมาคนละชิ้น แล้วออกไปข้างนอกภายในสามสิบวินาที ไปได้!”

 

ทั้งห้องเกิดโกลาหลขึ้น ธอร์วิ่งไปตามผนัง มองหาอาวุธที่จะหยิบ เขาชนและผลักกันวุ่นวายกับเด็กหนุ่มคนอื่นที่กำลังตื่นเต้น จนในที่สุดเขาก็เห็นสิ่งที่ต้องการและหยิบมันมา มันเป็นขวานซัดอันเล็ก โอคอนเนอร์หยิบมีดสั้น เจ้าชายรีสทรงหยิบดาบ แล้วทั้งสามก็วิ่งออกไปที่สนามพร้อมกับคนอื่น ๆ

พวกเขาตามคอล์คไปที่อีกด้านของสนาม ซึ่งมีโล่นับสิบอันเรียงรายอยู่

เด็กหนุ่มทั้งหมด ถืออาวุธของตัวเอง รวมกันอยู่รอบคอล์คอย่างคาดหวัง

“พวกเจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้” เขาตะโกนบอก ชี้ไปที่เส้นบนพื้นดิน “และเล็งไปที่โล่พวกนั้นตอนที่ขว้างอาวุธของพวกเจ้า แล้วให้วิ่งไปที่โล่ หยิบอาวุธชนิดอื่นมาฝึกขว้าง ห้ามใช้อาวุธเดิม และเล็งไปที่โล่เสมอ สำหรับคนที่ขว้างไม่โดนโล่ เจ้าต้องวิ่งรอบสนามหนึ่งรอบ เริ่มได้!”

เด็กหนุ่มเข้าแถว หล่นชนไหล่ อยู่หลังเส้นบนพื้นดิน และเริ่มขว้างอาวุธของพวกเขาไปที่โล่ ซึ่งน่าจะอยู่ห่างไปสามสิบก้าว ธอร์เข้าแถวรวมกับคนอื่น ๆ เด็กหนุ่มข้างเขา เงื้อมือและขว้างหอก พลาดไปนิดเดียว

เด็กหนุ่มคนนั้นหันหลังแล้วเริ่มวิ่งไปรอบสนาม ขณะนั้นเองทหารนายหนึ่งก็วิ่งไปขนาบข้างและสวมเสื้อคลุมเกราะห่วงโซ่ลงบนไหล่เขา ถ่วงน้ำหนักลงไป

“วิ่งโดยสวมเสื้อนี่ด้วย เจ้าหนู” เขาสั่ง

เด็กหนุ่มที่ถูกถ่วงน้ำหนัก เหงื่อแตก วิ่งต่อไปในความร้อน

ธอร์ไม่อยากขว้างพลาด เขาเงื้อมืออย่างตั้งใจ แล้วขว้างขวานออกไป เขาหลับตาและหวังว่ามันจะเข้าเป้า และโล่งอกที่ได้ยินเสียงกระแทกฝังเข้าไปในโล่หนัง เขาเกือบจะพลาด มันโดนเข้าที่มุมด้านล่าง แต่อย่างน้อยเขาก็ขว้างโดน รอบ ๆ ตัวเขามีหลายคนที่พลาดเป้า และต้องออกไปวิ่ง คนที่ขว้างโดนต้องวิ่งออกไปที่โล่ เพื่อหยิบอาวุธชนิดใหม่

ธอร์ไปถึงโล่ และพบมีดสั้นผอมยาวเล่มหนึ่งซึ่งเขาหยิบมา แล้ววิ่งกลับไปต่อแถวขว้าง

พวกเขาขว้างกันอยู่หลายชั่วโมง จนธอร์ปวดแขนไปหมด และเขาต้องวิ่งรอบสนามอยู่หลายรอบ

ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ รอบตัว มันเป็นการออกกำลังกายที่น่าสนใจ การขว้างอาวุธหลาย ๆ แบบ เพื่อให้ชินกับความรู้สึกและน้ำหนักของลักษณะอาวุธและคมมีดที่ต่างกัน ธอร์รู้สึกว่าเขาทำได้ดีขึ้นและเริ่มชินมากขึ้นจากการขว้างแต่ละครั้ง แต่ความร้อนก็ทำให้ทรมานและทำให้เหนื่อย เหลือเด็กหนุ่มเพียงสิบ

กว่าคนที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าโล่ ขณะที่ส่วนใหญ่ออกไปวิ่งรอบสนาม มันยากเกินไปที่จะขว้างเข้าเป้าได้หลายครั้ง ด้วยอาวุธที่แตกต่างกัน การวิ่งรอบสนามและความร้อนยิ่งทำให้ความแม่นยำเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น ธอร์หอบหายใจ ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน ตอนที่เขารู้สึกว่ากำลังจะล้ม ทันใดนั้นคอล์คก็ก้าวเข้ามา

“พอได้!” เขาตะโกน

บรรดาเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งรอบสนามวิ่งกลับมา ทรุดลงนอนบนพื้นหญ้า หอบหายใจแรง พลางถอดเสื้อคลุมโซ่หนัก ๆ ออก ธอร์ก็เช่นกัน เขานั่งลงบนพื้นหญ้า แขนล้าและเหงื่อออกท่วม ทหารบางนายถือถังน้ำเข้ามารอบ ๆ แล้ววางลงบนพื้น เจ้าชายรีสเอื้อมไปหยิบมาดื่ม แล้วส่งต่อให้โอคอนเนอร์ที่ดื่มแล้วส่งมาให้ธอร์ ธอร์ดื่มและดื่ม จนน้ำหยดลงมาตามคางลงไปถึงหน้าอก น้ำช่างน่าอัศจรรย์ เขาหายใจแรงขณะที่ส่งคืนไปให้เจ้าชาย

“จะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน?” เขาถาม

เจ้าชายสั่นพระพักตร์ พลางหอบ “ข้าไม่รู้”

“ข้าสาบานเลยว่าพวกเขากำลังพยายามฆ่าเรา” มีเสียงดังขึ้น ธอร์หันไปเห็นเอลเด็น ที่เดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ ธอร์ประหลาดใจที่เห็นเขา เห็นได้ว่าเขาอยากเป็นเพื่อนด้วยจริง ๆ มันช่างประหลาดที่เห็นเขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแบบนี้

“เจ้าหนู!” คอล์คตะโกน เดินช้า ๆ ไประหว่างพวกเขา “ตอนนี้มีพวกเจ้าหลายคนที่เริ่มพลาดเป้า ในเวลาบ่ายแบบนี้ เจ้าได้เห็นแล้วว่า มันจะยิ่งยากขึ้นเมื่อพวกเจ้าเหนื่อย นั่นล่ะคือประเด็น ระหว่างการต่อสู้ เจ้าจะไม่สดชื่น เจ้าจะเหนื่อย การสู้รบบางครั้งต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะตอนโจมตีปราสาท และตอนที่เจ้าเหน็ดเหนื่อยที่สุด เป็นตอนที่เจ้าจะต้องขว้างให้แม่นยำที่สุด เจ้ามักจะถูกบังคับให้ขว้างอาวุธที่ไม่จำเป็น เจ้าต้องเชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิด และความเหน็ดเหนื่อยทุกระดับ เข้าใจไหม?”

“ครับ” พวกเขาตะโกนตอบ

“บางคนสามารถขว้างมีดหรือหอก แต่กลับพลาดเวลาใช้ค้อน หรือขวาน พวกเจ้าคิดว่าจะรอดชีวิตได้ด้วยการขว้างอาวุธชนิดเดียวได้ไหม?”

“ไม่ครับ”

“พวกเจ้าคิดว่านี่เป็นแค่เกมหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ”

คอล์คหน้าบึ้งตึงขณะที่เดินไป และเตะหลังเด็กหนุ่มหลายคนที่เขาเห็นว่านั่งหลังไม่ตรงพอ

“พวกเจ้าพักกันพอแล้ว” เขาบอก “ยืนขึ้น!”

ธอร์ลุกขึ้นยืนพร้อมคนอื่น ขาของเขาอ่อนแรง ไม่แน่ใจว่าจะยืนได้อีกนานแค่ไหน

“มีสองด้านในการต่อสู้ระยะไกล” คอล์คบอกต่อ “พวกเจ้าสามารถขว้าง ศัตรูของเจ้าก็ขว้างได้เหมือนกัน เขาอาจจะไม่ปลอดภัยที่ระยะสามสิบก้าว พวกเจ้าก็เหมือนกัน เจ้าต้องเรียนรู้การป้องกันตัวเองในระยะสามสิบก้าว เข้าใจไหม?”

“ครับ!”

“การป้องกันตัวเองจากอาวุธที่ขว้างมา พวกเจ้าต้องไม่เพียงระวัง และรวดเร็วในการก้มหรือกลิ้งหรือหลบ แต่ยังต้องช่ำชองการป้องกันตัวเองด้วยโล่ใหญ่

คอล์คชี้ไปยังทหารที่นำโล่ขนาดใหญ่และหนักออกมา ธอร์ประหลาดใจ มันใหญ่เกือบจะเป็นสองเท่าของเขา

“มีใครอาสาไหม?” คอล์คถาม

กลุ่มเด็กหนุ่มนิ่งเงียบ ลังเล และโดยไม่ได้คิด ธอร์ก็ยกมือขึ้นในขณะนั้น

คอล์คพยักหน้า ธอร์รีบวิ่งไปข้างหน้า

“ดีมาก” คอล์คบอก “อย่างน้อยพวกเจ้าคนหนึ่งก็โง่พอจะอาสา ข้าชอบความกล้าของเจ้า เจ้าหนู เป็นการตัดสินใจที่โง่ แต่ก็ดี”

ธอร์เริ่มสงสัยว่าเขาตัดสินใจโง่ ๆ หรือไม่ ตอนที่คอล์คส่งโล่เหล็กหนัก ๆ ให้ เขารัดมันไว้กับแขนข้างหนึ่ง และไม่อยากเชื่อว่ามันจะหนักขนาดนั้น เขาแทบจะยกมันไม่ขึ้น

“ธอร์ หน้าที่ของเจ้าคือวิ่งจากสนามด้านนี้ไปยังปลายอีกด้าน โดยไม่บาดเจ็บ เห็นห้าสิบคนที่นั่งอยู่หน้าเจ้าไหม?” คอล์คถามธอร์ “พวกเขาทั้งหมดจะขว้างอาวุธใส่เจ้า อาวุธจริง ๆ เจ้าเข้าใจใช่ไหม? ถ้าเจ้าไม่ใช้โล่ป้องกัน เจ้าอาจจะตายก่อนที่จะไปถึงอีกด้าน”

ธอร์มองกลับมาอย่างไม่อยากเชื่อ คนอื่น ๆ เงียบกริบ

“นี่ไม่ใช่เกม” คอล์คบอกต่อ “นี่คือเรื่องจริงจัง การต่อสู่เป็นเรื่องจริงจัง เป็นเรื่องของความเป็นความตาย เจ้ายังอยากจะเป็นอาสาสมัครอยู่ไหม?”

ธอร์พยักหน้า ตัวแข็งด้วยความกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา เขาเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วตอนนี้ ไม่ใช่ต่อหน้าทุกคน

“ดีมาก”

คอล์คชี้ไปที่เจ้าหน้าที่ ซึ่งก้าวเข้ามาแล้วเป่าแตร

“วิ่ง!” คอล์คตะโกน

ธอร์ยกโล่หนักขึ้นด้วยสองมือ ยึดไว้มั่น ขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงแรงกระแทกดังก้อง รุนแรงจนกะโหลกสะเทือน มันจะต้องเป็นค้อนเหล็กแน่ มันไม่เจาะโล่แต่กระแทกแรงจนสะเทือนไปทั้งตัว เขาเกือบทำโล่หลุดมือ แต่บังคับตัวเองให้ยึดไว้แล้วไปต่อ

ธอร์เริ่มวิ่ง โซเซไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยถือโล่ไว้ด้วย ขณะที่อาวุธต่าง ๆ พุ่งผ่านเขาไป ธอร์พยายามเบียดตัวเองให้อยู่ภายในโล่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โล่คือสายชีวิตของเขา ขณะที่วิ่งไปเขาเรียนรู้วิธีที่จะหลบอยู่หลังมัน

ลูกธนูพุ่งผ่านเขาไป คลาดไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด ธอร์เก็บคางแน่นขึ้น วัตถุหนักอีกอันกระแทกเข้ากับโล่ และกระแทกเขาอย่างแรงจนเซถอยหลังไปหลายฟุต และล้มลงบนพื้น แต่ธอร์ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งต่อ ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด ในที่สุดเขาก็ไปถึงอีกฟากของสนามพลางหอบหายใจ

“วางอาวุธ!” คอล์คตะโกน

ธอร์วางโล่ลง เหงื่อท่วม เขายิ่งกว่าดีใจที่ไปถึงอีกฟากได้ เขาไม่รู้ว่าจะทนแบกโล่ได้อีกนานเท่าไร

ธอร์รีบกลับมารวมกับคนอื่น หลายคนมองเขาอย่างชื่นชม เขาสงสัยว่าตัวเองรอดมาได้อย่างไร

“เยี่ยมมาก” เจ้าชายรีสทรงกระซิบบอก

“มีใครจะอาสาอีกไหม?” คอล์คถามขึ้น

เกิดความเงียบสนิทในกลุ่มเด็กหนุ่ม หลังจากที่เห็นธอร์ ไม่มีใครอยากจะลอง

ธอร์รู้สึกภูมิใจ เขาไม่แน่ใจว่าจะอาสาหรือไม่หากรู้ว่าต้องทำอะไร แต่ตอนนี้มันผ่านไปแล้ว และเขาดีใจที่ทำได้

“ดี ถ้าอย่างนั้นข้าจะอาสาให้พวกเจ้าเอง” คอล์คตะโกน “เจ้า! ซาเด็น” เขาเรียก ชี้ไปที่ใครคนหนึ่ง

เด็กหนุ่มที่โตกว่า ร่างผอม ก้าวไปข้างหน้าดูหวาดกลัว

“ข้าหรือ?” ซาเด็นถามเสียงสั่น

คนอื่น ๆ หัวเราะเขา

“แน่นอน จะใครเสียอีก?” คอล์คบอก

“ข้าเสียใจ ใต้เท้า แต่ข้าไม่อยากทำ”

เกิดความเงียบอย่างน่ากลัวในหมู่ทหารยุวชน

คอล์คเข้ามาใกล้เขา หน้าตาบูดบึ้ง

“เจ้าไม่ต้องทำสิ่งที่อยากทำ” คอล์คคำราม “เจ้าทำสิ่งที่ข้าบอกให้ทำ”

ซาเด็นยืนตัวแข็ง ดูหวาดกลัวแทบตาย

“เขาไม่ควรมาที่นี่” เจ้าชายทรงกระซิบบอกธอร์

ธอร์หันไปหา “ทรงหมายความว่าอย่างไร?”

“เขามาจากครอบครัวขุนนาง ถูกส่งมาที่นี่ แต่เขาไม่ได้อยากมา เขาไม่ใช่นักรบ คอล์ครู้ดี ข้าว่าพวกเขาพยายามจะจัดการเขา ข้าว่าพวกเขาอยากให้ซาเด็นออกไป”

“ข้าขอโทษ ใต้เท้า แต่ข้าทำไม่ได้” ซาเด็นบอกน้ำเสียงหวาดกลัว

“เจ้าทำได้” คอล์คตะโกน “และเจ้าจะต้องทำ!”

เกิดความตึงเครียดนิ่งสนิท

ซาเด็นก้มหน้ามองพื้น คอตกด้วยความละอาย

“ข้าขอโทษ ใต้เท้า ให้ข้าทำอย่างอื่นเถอะ ข้ายินดีจะทำให้”

คอล์คหน้าแดง กระแทกเท้าเข้ามาหาจนกระทั่งอยู่ห่างเพียงไม่กี่นิ้ว

“ข้าจะให้เจ้าทำอย่างอื่น เจ้าหนู ข้าไม่สนใจว่าครอบครัวของเจ้าคือใคร นับจากนี้ไป เจ้าจะวิ่ง วิ่งไปรอบสนามจนกว่าจะหมดแรง และเจ้าจะไม่กลับมาจนกว่าจะอาสาใช้โล่ เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม?”

ซาเด็นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่พยักหน้า

นายทหารเดินเข้ามา ใส่เสื้อคลุมโซ่ให้ซาเด็น แล้วทหารอีกคนก็นำอีกตัวมาคลุมให้ ธอร์ไม่รู้ว่าเขาทนรับน้ำหนักของมันได้อย่างไร แค่ตัวเดียวก็วิ่งแทบไม่ไหวแล้ว

คอล์คง้างขาแล้วเตะเข้าที่ก้นซาเด็นอย่างแรงจนหน้าคะมำ แล้วเริ่มออกวิ่งไปรอบสนาม ธอร์รู้สึก

เห็นใจเขา ขณะที่มองเขาโซเซไปรอบ ๆ ธอร์อดสงสัยไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะรอดในกองทหารยุวชนหรือไม่

ทันใดนั้นมีเสียงแตรดังขึ้น ธอร์หันไปเห็นขบวนทหารม้าเข้ามา มีทหารกองรบเงินสิบกว่านายมาด้วย ถือหอกยาวและสวมหมวกเหล็กประดับด้วยขนนก พวกเขามาหยุดอยู่ตรงหน้ากองทหารยุวชน

“เพื่อเป็นเกียรติแก่วันอภิเษกของพระธิดา และเป็นเกียรติแก่เทศกาลครีษมายัน พระราชาประกาศให้บ่ายวันนี้เป็นวันล่าสัตว์!”

เด็กหนุ่มทุกคนรอบตัวธอร์โห่ร้องอย่างยินดี พวกเขาลุกขึ้นวิ่งไปพร้อมกัน วิ่งตามม้าที่เลี้ยวไป แล้ววิ่งข้ามสนามไป

“เกิดอะไรขึ้น?” ธอร์ทูลถามเจ้าชายรีส ขณะที่เริ่มวิ่งตามคนอื่นไป

เจ้าชายแย้มสรวลกว้าง

“พระเจ้ามาโปรด” ทรงตรัสบอก “เราได้หยุดวันนี้! เราจะไปล่าสัตว์กัน!”

บทที่ 21

ธอร์วิ่งไปตามเส้นทางในป่าพร้อมกับคนอื่น ถือหอกที่ถูกส่งมาให้เขาเพื่อไปล่าสัตว์ ข้าง ๆ เขาคือ เจ้าชายรีส โอคอนเนอร์ และเอลเด็น พร้อมด้วยเด็กหนุ่มอีกอย่างน้อยห้าสิบคนจากกองทหารยุวชน เบื้องหน้าของพวกเขาคือทหารกองรบเงินนับร้อยนายบนหลังม้า ในชุดเกราะเบา บางคนถือหอกสั้น แต่ส่วนใหญ่มีคันธนูและลูกศรคล้องอยู่บนหลัง แล้วที่วิ่งอยู่ระหว่างพวกเขาคือเด็กติดตามและผู้รับใช้อีกหลายสิบคน

ราชาแม็คกิลทรงม้านำอยู่ด้านหน้า ทรงผึ่งผายและองอาจเหมือนเช่นเคย มีรอยแย้มสรวลอย่างตื่นเต้นบนพระพักตร์ มีเจ้าชายเคนดริคและเจ้าชายกาเร็ธพระโอรสขนาบสองข้าง ธอร์ประหลาดใจที่เห็นเจ้าชาย

ก็อดฟรีย์ด้วย เด็กรับใช้หลายสิบคนวิ่งอยู่ระหว่างพวกเขา มีสองสามคนเงยหน้าเป่าแตรยาวที่ทำจากงาช้าง คนอื่น ๆ กำลังดึงสุนัขที่กำลังเห่าหอน กระสับกระส่ายอยากวิ่งให้ทันพวกม้า มันช่างโกลาหล ขณะที่คนกลุ่มใหญ่เคลื่อนขบวนเข้าไปในป่า พวกเขากระจายออกไปทุกทิศ ธอร์ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะไปไหนหรือต้องตามกลุ่มไหนไป

อีเร็คขี่ม้าผ่านเข้ามาใกล้ ธอร์และคนอื่น ๆ ตัดสินใจตามเขาไป ธอร์วิ่งไปพร้อมกับเจ้าชายรีส

“เราจะไปไหนกัน?” เขาทูลถามเจ้าชายรีส วิ่งไปพลางหอบไปพลาง

“ลึกเข้าไปในป่า” เจ้าชายตรัสตอบ “ทหารของพระราชาต้องการนำวันเวลาที่เห็นคุณค่าของเกมนี้กลับมา”

“ทำไมทหารกองรบเงินบางคนขี่ม้า บางคนเดินเท้า?” โอคอนเนอร์ทูลถามเจ้าชาย

“พวกที่ขี่ม้าจะล่าสัตว์ที่ฆ่าง่าย เช่น กวางหรือพวกสัตว์ปีก” เจ้าชายรีสตรัสตอบ “พวกเขาจะใช้ธนู ส่วนพวกที่เดินเท้าจะเล็งพวกสัตว์ที่อันตรายกว่า เช่น หมูป่าหางเหลือง”

ธอร์ทั้งตื่นเต้นและกังวลเมื่อได้ยินชื่อสัตว์ตัวนั้น เขาเคยเห็นตัวหนึ่งเติบโตขึ้นมา มันเป็นสัตว์ที่อันตรายและน่ากลัว เล่ากันว่าสามารถฉีกคนเป็นสองซีกได้หากถูกยั่วยุเพียงเล็กน้อย

“พวกนักรบที่อายุมากที่สุดจะอยู่บนหลังม้า ไล่ล่าพวกกวางและนก” อีเร็คบอก พลางมองลงมา “ส่วนพวกหนุ่ม ๆ จะเดินเท้า ไปล่าสัตว์ที่ใหญ่กว่า แน่นอนว่าพวกเจ้าต้องสมบูรณ์พร้อม”

“นั่นเป็นสาเหตุที่เราอนุญาตให้พวกเจ้ามาล่าสัตว์ในวันนี้” คอล์คซึ่งกำลังวิ่งไปพร้อมกับคนอื่น ๆ อยู่

ไม่ห่างนัก ตะโกนบอกมา “มันเป็นการฝึกสำหรับเจ้าด้วย พวกเจ้าจะต้องเดินเท้าตลอดการล่า วิ่งตามม้าให้ทัน ตอนที่ไป เราจะแยกเป็นกลุ่มย่อย ๆ แล้วแต่ละคนจะกระจายกันออก แต่ละคนต้องล่าสัตว์ของตัวเอง ต้องหาสัตว์ที่ดุร้ายที่สุดที่จะหาได้ และพวกเจ้าต้องสู้กับมันจนตาย มันเป็นการฝึกทหารอย่างหนึ่งเหมือนกัน ได้ทั้งความแข็งแรง ไม่หวาดกลัวและไม่ยอมแพ้คู่ต่อสู้ ไม่ว่ามันจะตัวใหญ่หรือดุร้ายแค่ไหน ไปได้แล้ว!” เขาตะโกน

ธอร์วิ่งเร็วเช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่น ๆ วิ่งแข่งกันให้ทันม้าที่กำลังฝ่าเข้าไปในป่า เขาไม่รู้เลยว่าควรไปทางไหน แต่เขาคิดว่าถ้าตามรีสกับโอคอนเนอร์ไปคงจะเป็นการดี

“ลูกศร เร็ว!” อีเร็คตะโกนลงมา

ธอร์รีบขยับตัว วิ่งไปข้างม้าของอีเร็ค คว้าลูกศรจากกระบอกที่อานม้าแล้วส่งให้เขา อีเร็คประทับมันเข้ากับคันธนูขณะที่ขี่ม้า ลดความเร็วลง และเล็งนิ่งไปที่บางสิ่งในป่า

“ปล่อยหมา!” เขาตะโกน

เด็กรับใช้คนหนึ่งปล่อยสุนัขที่กำลังเห่า มันพุ่งเข้าไปในพุ่มไม้ ธอร์ประหลาดใจที่เห็นนกตัวใหญ่บินขึ้นมา ตอนนั้นเองอีเร็คก็ปล่อยลูกศรออกไป

เป็นการยิงที่แม่นยำทะลุเข้าที่คอของนก มันหล่นลงมาตายทันที ธอร์ประหลาดใจที่อีเร็คมองเห็นมัน

“นก!” อีเร็คตะโกน

ธอร์วิ่งไปคว้านกที่นอนตายตัวยังอุ่น มีเลือดไหลจากลำคอ แล้ววิ่งกลับมาหาอีเร็ค เขาผูกมันไว้ที่อานม้าของอีเร็คเพื่อแขวนมันไว้ขณะที่เขาขี่ม้าไป

รอบตัวธอร์ มีอัศวินหลายคนบนหลังม้ากำลังทำสิ่งเดียวกัน ไล่นกให้บินขึ้นแล้วยิง เพื่อให้เด็กติดตามไปเก็บมา ส่วนใหญ่ใช้ลูกศร บางคนใช้หอก เจ้าชายเคนดริคหยิบหอกขึ้นมา เล็งแล้วขว้างไปที่กวางตัวหนึ่ง มันเข้าเป้าอย่างแม่นยำ ทะลุเข้าไปที่ลำคอของกวาง มันล้มลงตายเหมือนกัน

ธอร์ประหลาดใจกับเกมการล่าที่เกิดขึ้นมากมายในป่า จำนวนของสัตว์ที่พวกเขาจะนำกลับบ้าน มันคงจะพอเลี้ยงคนในราชสำนักไปได้หลายวันทีเดียว

 

“ท่านเคยทรงล่าสัตว์มาก่อนไหม?” ธอร์ทูลถามเจ้าชายรีส พ้นจากการถูกเหยียบโดยทหารที่กำลังวิ่งผ่านไปได้อย่างหวุดหวิด มันยากที่จะได้ยินกัน ท่ามกลางเสียงเห่าของสุนัข เสียงแตร และเสียงตะโกน เสียงหัวเราะ เสียงโห่ร้องฉลองชัยชนะ เมื่อพวกเขาล้มสัตว์ได้ตัวแล้วตัวเล่า

เจ้าชายรีสทรงแย้มสรวลกว้างขณะที่กระโดดข้ามท่อนไม้ แล้ววิ่งต่อไป

“หลายครั้ง! แต่เป็นเพราะพระบิดาของข้า ปกติพวกเขาจะไม่ให้เราเข้าร่วมการล่าสัตว์จนกว่าจะถึงอายุที่เหมาะสม มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แม้ดูเหมือนจะไม่มีใครผ่านไปได้โดยไม่บาดเจ็บ มีมากกว่าหนึ่งคนที่บาดเจ็บหรือตายตอนไล่ล่าหมูป่า”

เจ้าชายรีสทรงหอบหายใจขณะที่วิ่งไป “แต่ข้ามักจะขี่ม้า” เขาบอก “ข้าไม่เคยได้เดินเท้ากับกองทหารยุวชนมาก่อน ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ล่าหมูป่ามาก่อน นี่เป็นครั้งแรกของข้า!”

ทันใดนั้นป่าก็เปลี่ยนไป มีทางแยกเป็นสิบสายทอดตัวยาวไปตรงหน้า แต่ละคนแยกกันไปตามเส้นทาง มีเสียงแตรดังขึ้นอีก แล้วขบวนใหญ่ก็แตกออกเป็นกลุ่มย่อย

ธอร์เกาะติดอยู่กับอีเร็ค มีเจ้าชายรีสและโอคอนเนอร์ร่วมด้วย พวกเขาเลี้ยวไปตามทางแคบ ๆ ที่โค้งต่ำลงไป พวกเขาวิ่งและวิ่ง ธอร์กระชับหอกแน่นขณะที่กระโดดข้ามลำธารสายเล็ก ๆ กลุ่มเล็กของพวกเขาประกอบด้วยอีเร็คและเจ้าชายเคนดริคบนหลังม้า ธอร์ เจ้าชายรีส โอคอนเนอร์และเอลเด็นเดินเท้า มีด้วยกันทั้งหมดหกคน และขณะที่ธอร์เลี้ยว เขาสังเกตเห็นเพื่อนอีกสองคนจากกองทหารยุวชนวิ่งตามมาด้านหลัง มาร่วมกลุ่มด้วย ทั้งสองมีรูปร่างสูงใหญ่และบึกบีน มีเส้นผมหยักศกสีเหลืองอมแดงปรกตา และมีรอยยิ้มกว้าง พวกเขาน่าจะแก่กว่าธอร์สองสามปี และเป็นฝาแฝดกัน

“ข้าชื่อคอนวอล” คนหนึ่งบอกธอร์

“ส่วนข้าชื่อคอนเวน”

“พวกเราเป็นพี่น้องกัน” คอนวอลบอก

“ฝาแฝด!” คอนเวนเสริม

“หวังว่าเจ้าจะไม่ว่าอะไรที่เรามาร่วมกลุ่มด้วย” คอนวอลบอกธอร์

ธอร์เคยเห็นพวกเขาในค่ายทหารยุวชน แต่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขายินดีที่ได้พบสมาชิกใหม่ โดยเฉพาะคนที่เป็นมิตรกับเขา

“ข้ายินดีที่พวกเจ้ามาร่วมด้วย” ธอร์ตะโกนบอก

“ยิ่งหลายคนยิ่งดี” เจ้าชายรีสทรงตะโกนบอก

“ข้าได้ยินว่าหมูป่าในป่านี้ตัวใหญ่มาก” คอนวอลเสนอความเห็น

“และอันตรายด้วย” คอนเวนกล่าวเสริม

ธอร์มองไปยังหอกยาวที่ทั้งคู่ถืออยู่ ยาวกว่าของเขาราวสามเท่า และสงสัย เขาสังเกตเห็นทั้งสองคนมองที่หอกสั้นของเขา

“หอกนั่นยาวไม่พอ” คอนวอลบอก

“หมูป่าพวกนี้มีเขี้ยวใหญ่ เจ้าต้องหาอะไรที่ยาวกว่านั้น” คอนเวนบอก

“เอาของข้าไป” เอลเด็นบอก วิ่งเข้ามาหาธอร์และยื่นหอกของเขาให้

“ข้ารับของเจ้าไม่ได้หรอก” ธอร์บอก “แล้วเจ้าจะใช้อะไร?”

เอลเด็นยักไหล่ “ข้าไม่เป็นไรหรอก”

ธอร์สัมผัสถึงความมีน้ำใจของเขาได้ และยินดีกับมิตรภาพของพวกเขาในตอนนี้

“หยิบของข้าไปเล่มหนึ่ง” มีเสียงสั่ง

ธอร์เงยหน้าขึ้นเห็นอีเร็คขี่ม้ามาข้าง ๆ และชี้ไปที่อานม้า ซึ่งมีหอกยาวอยู่สองเล่ม

ธอร์เอื้อมไปหยิบหอกยาวจากอานม้า รู้สึกซาบซึ้งที่ได้มา มันหนักกว่าและค่อนข้างจะทุลักทุเลที่ต้องวิ่งไปด้วยถือไปด้วย แต่เขาก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และดูเหมือนเขาจะต้องการมัน

พวกเขาวิ่งและวิ่งจนกระทั่งลมหายใจร้อนผ่าวอยู่ในปอด ธอร์ไม่รู้ว่าเขาจะไปได้อีกไกลแค่ไหน เขาตื่นตัว มองไปรอบ ๆ หาร่องรอยของสัตว์ เขารู้สึกปลอดภัยเมื่อมีคนเหล่านี้อยู่รอบ ๆ และรู้สึกว่าจะไม่แพ้เมื่อมีหอกยาว แต่เขาก็ยังระวังตัวอย่างเต็มที่ ธอร์ไม่เคยล่าหมูป่ามาก่อน และไม่รู้เลยว่าจะต้องพบกับอะไร

ขณะที่ปอดของเขาร้อนผ่าว ป่าก็เปิดสู่ที่โล่งอย่างน่ายินดี อีเร็คและเจ้าชายเคนดริคดึงม้าให้หยุด ธอร์คิดว่าคงจะได้รับอนุญาตให้พัก พวกเขาทั้งแปดคนยืนอยู่ในที่โล่งในป่า เด็กหนุ่มที่เดินเท้าหอบหายใจ อีเร็คและเจ้าชายเคนดริคลงจากหลังม้า ม้าเองก็หอบแต่ไม่มีเสียง มีเพียงเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ เสียงคนนับร้อยวิ่งแข่งกันผ่านป่าเงียบหายไปแล้ว ซึ่งธอร์ตระหนักว่าพวกเขาคงจะต้องอยู่ห่างจากคนอื่น ๆ มาก

เขามองไปรอบที่โล่งพลางหอบหายใจ

“ข้าไม่เห็นร่องรอยของสัตว์อะไรเลย” ธอร์ทูลเจ้าชายรีส “ท่านล่ะ?”

เจ้าชายรีสส่ายพระพักตร์

“หมูป่าเป็นสัตว์ฉลาด” อีเร็คบอก ก้าวไปข้างหน้า “มันจะไม่ค่อยแสดงตัว บางครั้งมันจะเป็นฝ่ายเฝ้ามองเจ้า และอาจจะรอจนเจ้าไม่ทันระวังตัว แล้วจึงพุ่งเข้าใส่ จงเตรียมพร้อมไว้เสมอ”

“ระวัง!” โอคอนเนอร์ตะโกน

ธอร์หันไป ทันใดนั้นมีสัตว์ขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาในที่โล่งอย่างจู่โจม ธอร์ผงะ คิดว่าถูกหมูป่าจู่โจม โอคอนเนอร์ส่งเสียงตะโกน ขณะที่เจ้าชายรีสหันไปและขว้างหอกใส่มัน แต่พลาดเป้า สัตว์ตัวนั้นบินขึ้นไปในอากาศ ตอนนั้นเองที่ธอร์เห็นว่ามันคือไก่งวง บินหายลับไปหลังต้นไม้

พวกเขาต่างหัวเราะ คลายความเครียดลง โอคอนเนอร์หน้าแดง ขณะที่เจ้าชายรีสวางพระหัตถ์ปลอบใจลงบนบ่าของเขา

“อย่ากังวลไป เพื่อนยาก” เจ้าชายตรัส

โอคอนเนอร์เมินหลบด้วยความอาย

“ไม่มีหมูป่าที่นี่” เอลเด็นบอก “เราเลือกทางผิด ทางนี้มีแต่พวกนก เราจะกลับไปมือเปล่า”

“บางทีนั่นอาจจะไม่แย่นัก” คอนวอลบอก “ข้าได้ยินว่าสู้กับหมูป่านี่เป็นเรื่องเป็นตายเลยทีเดียว”

เจ้าชายเคนดริคสำรวจป่าอย่างใจเย็น อีเร็คก็ทำเช่นเดียวกัน ธอร์เห็นได้จากใบหน้าของทั้งสองว่ามีบางอย่างข้างนอกนั่น เขาบอกได้จากประสบการณ์และไหวพริบของพวกเขาว่าทั้งสองกำลังระวังตัว

“ดูเหมือนทางจะสิ้นสุดที่นี่” เจ้าชายรีสตรัส “ถ้าเราไปกันต่อ ป่าจะไม่มีจุดสังเกต เราจะหาทางกลับไม่เจอ”

“แต่ถ้าเรากลับ การล่าสัตว์ของเราก็จบลง” โอคอนเนอร์บอก

“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรากลับไปมือเปล่า?” ธอร์ถาม “โดยไม่มีหมูป่า?”

“เราคงจะถูกคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะ” เอลเด็นบอก

“ไม่ เราจะไม่โดน” เจ้าชายตรัสบอก “ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เจอหมูป่า จริง ๆ แล้ว มันยากมากที่จะเจอสักตัว”

ขณะที่คณะของพวกเขายืนกันอยู่เงียบ ๆ หอบหายใจแรงพลางเฝ้ามองดูป่า ธอร์ก็รู้สึกว่าเขาดื่มน้ำมากเกินไปและต้องกลั้นไว้ตลอดการล่าสัตว์ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเจ็บที่กระเพาะปัสสาวะ เขาแทบจะกลั้นไม่ไหวแล้ว

“ข้าขอตัวสักครู่” เขาบอก แล้วเดินหลบเข้าไปในดงไม้

“เจ้าจะไปไหน?” อีเร็คถามอย่างระวัง

“ข้าต้องไปถ่ายเบา เดี๋ยวจะกลับมา”

“อย่าไปไกลนัก” อีเร็คเตือน

ธอร์ระวังตัว รีบเข้าไปในป่า เขาเข้าไปประมาณยี่สิบก้าวจากคนอื่น ๆ จนกระทั่งพบจุดที่พ้นสายตา

เมื่อเขาถ่ายเบาเสร็จ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักดังชัดเจน และเขารู้ว่า เขาเพียงแต่รู้ว่ามันไม่ได้มาจากมนุษย์

ธอร์ค่อย ๆ หันไปมอง แล้วต้องขนลุกซู่ ตรงหน้าเขาห่างไปประมาณสิบก้าวเป็นที่โล่งเล็ก ๆ มีหินก้อนหนึ่งอยู่ตรงกลาง และตรงนั้นที่โคนก้อนหินมีความเคลื่อนไหว เป็นสัตว์ตัวเล็กที่เขาบอกไม่ถูกว่าเป็นตัวอะไร

ธอร์ชั่งใจว่าจะกลับไปหาคนอื่นหรือรอดูว่ามันเป็นอะไร แต่แล้วโดยไม่ทันคิด เขาขยับเข้าไปใกล้ ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร เขาไม่อยากคลาดสายตา และถ้าเขากลับไปหาคนอื่นมันอาจจะหายไปแล้วเมื่อเขากลับมา

ธอร์ขยับเข้าไปใกล้ เตรียมพร้อมเมื่อเดินเข้าไปยังดงไม้ที่หนาขึ้นและมีที่ขยับหลบน้อยลง เขามองไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้หนาทึบ แสงอาทิตย์ส่องทะลุลงมาชัดเจน ในที่สุดเขาก็ไปถึงที่โล่งนั้น ขณะที่เขาใกล้เข้าไป ธอร์คลายมือที่กระชับอยู่รอบหอกของเขาแล้วลดลงมาข้างสะโพก เขาประหลาดใจกับสิ่งที่เห็นในที่โล่งตรงหน้า ในแสงอาทิตย์

สิ่งที่นอนดิ้นไปมาอยู่บนพื้นหญ้าข้างก้อนหินคือลูกเสือดาวตัวเล็ก ๆ มันอยู่ตรงนั้น ขยับตัวไปมาและส่งเสียงร้อง หรี่ตามองดูแสงแดด ดูเหมือนมันจะเพิ่งเกิด ตัวยาวยังไม่ถึงหนึ่งฟุต ตัวเล็กพอจะเข้ามาอยู่ในเสื้อของธอร์ได้

ธอร์ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างประหลาดใจ ลูกเสือเป็นสีขาวทั้งตัว เขารู้ว่ามันต้องเป็นลูกของเสือดาวขาว สัตว์ที่หายากที่สุด

ธอร์ได้ยินเสียงแกรกกรากของใบไม้ดังขึ้นด้านหลัง เขาหันไปเห็นทั้งคณะกำลังเข้ามาหาเขา เจ้าชาย

รีสอยู่หน้าสุด ทอดพระเนตรมาอย่างเป็นกังวล ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง

“เจ้าไปไหนมา?” เจ้าชายตรัสถาม “ เราคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว”

เมื่อทุกคนเข้ามาข้าง ๆ และมองดูลูกเสือ เขาได้ยินทุกคนอ้าปากค้างอย่างตกใจ

“นิมิตบอกเหตุ” อีเร็คบอกธอร์ “เจ้าได้พบสิ่งที่มีแค่ครั้งเดียวในชีวิต สัตว์ที่หายากที่สุด มันถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง ไม่มีใครดูแล นั่นหมายความว่ามันเป็นของเจ้า เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะต้องเลี้ยงดูมัน”

“ข้าน่ะหรือ?” ธอร์ถามอย่างงุนงง

“มันเป็นหน้าที่ของเจ้า” เจ้าชายเคนดริคตรัสเสริม “เจ้าเป็นคนพบ หรือข้าควรจะบอกว่ามันพบเจ้า”

ธอร์งุนงง เขาเคยเลี้ยงแกะ แต่ไม่เคยเลี้ยงสัตว์อื่นมาก่อนในชีวิต และเขาไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร

แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับรู้สึกผูกพันกับเจ้าสัตว์ตัวนี้อย่างแรงกล้า ดวงตาเล็ก ๆ สีฟ้าจาง ๆ ของมันลืมขึ้นและมองมาที่เขา

ธอร์เข้าไปใกล้ ก้มลงไปแล้วอุ้มมันขึ้นมา ลูกเสือตะกายและเลียแก้มเขา

“คนจะเลี้ยงลูกเสือได้อย่างไร?” ธอร์ถามขึ้น รู้สึกตื้นตัน

“ข้าว่าคงจะเหมือนการเลี้ยงสัตว์อย่างอื่น” อีเร็คบอก “ให้อาหารมันตอนมันหิว”

“เจ้าต้องตั้งชื่อให้มัน” เจ้าชายเคนดริคตรัส

ธอร์ครุ่นคิด แปลกใจว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาต้องตั้งชื่อสัตว์ในเวลาไม่กี่วัน เขานึกถึงเรื่องเล่าสมัยเด็ก เกี่ยวกับสิงโตที่คุกคามชาวเมือง

“โครห์น” ธอร์บอก

คนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“เหมือนในตำนาน” เจ้าชายรีสตรัส

“ข้าชอบนะ” โอคอนเนอร์บอก

“โครห์นสินะ” อีเร็คบอก

เมื่อโครห์นซบหัวลงกับอกของธอร์ เขารู้สึกผูกพันกับมันยิ่งกว่าที่เคยเป็นกับสิ่งใด เขาอดรู้สึกไมได้ว่าเขารู้จักโครห์นมาตลอดชีวิต ขณะที่ลูกเสือบิดตัวและส่งเสียงร้องให้เขา

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น เสียงที่ทำให้ธอร์ขนลุกและทำให้เขารีบหันไปและเงยหน้ามองบนฟ้า

เอสโตฟีลีสบินอยู่ข้างบน จู่ ๆ มันก็บินดิ่งลงมา ตรงมาที่ศีรษะของธอร์ ร้องเสียงแหลมก่อนที่จะโผขึ้นไปในวินาทีสุดท้าย

ตอนแรกธอร์สงสัยว่ามันคงจะอิจฉาโครห์น แต่แล้วเพียงเสี้ยววินาที ธอร์ก็รู้ว่าเหยี่ยวของเขามาเตือน

หลังจากนั้นไม่นานมีเสียงดังชัดเจนมาจากอีกด้านของป่า เป็นเสียงแกรกกรากตามด้วยการพุ่งเข้าใส่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

Купите 3 книги одновременно и выберите четвёртую в подарок!

Чтобы воспользоваться акцией, добавьте нужные книги в корзину. Сделать это можно на странице каждой книги, либо в общем списке:

  1. Нажмите на многоточие
    рядом с книгой
  2. Выберите пункт
    «Добавить в корзину»