Бесплатно

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Текст
0
Отзывы
iOSAndroidWindows Phone
Куда отправить ссылку на приложение?
Не закрывайте это окно, пока не введёте код в мобильном устройстве
ПовторитьСсылка отправлена
Отметить прочитанной
Шрифт:Меньше АаБольше Аа

บทที่ 7

เจ้าชายกาเร็ธรีบเสด็จผ่านบริเวณราชสำนัก ทรงฉลองพระองค์หรูหรา ดำเนินไปท่ามกลางฝูงชนที่หลั่งไหลกันมาร่วมงานอภิเษกพี่สาวของพระองค์ ด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน เจ้าชายยังมึนงงจากเผชิญหน้ากับพระบิดา มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่ทรงถูกข้ามไป? พระบิดาไม่เลือกให้พระองค์เป็นราชา? มันไม่มีเหตุผลเสียเลย เจ้าชายเป็นโอรสที่ถูกต้องตามกฎหมายองค์แรก มันเป็นวิถีปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด นับตั้งแต่เกิดเจ้าชายก็คิดเสมอว่าจะได้ครองราชย์ ไม่มีเหตุผลให้คิดเป็นอื่นเลย

มันช่างไม่มีเหตุผลที่ข้ามพระองค์ไปยังน้อง...น้องสาวเสียด้วย เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไป คงจะถูกหัวเราะเยาะจากทั้งอาณาจักร ขณะที่ทรงดำเนินไป เจ้าชายรู้สึกเหมือนลมหายใจถูกสูบออก และไม่รู้วิธีที่จะหายใจ

เจ้าชายกาเร็ธเดินโซเซไปพร้อมฝูงชนที่มุ่งหน้าไปยังพิธีอภิเษกพี่สาวองค์โต ทรงมองไปรอบ ๆ เห็นผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน เดินเป็นสายยาวไม่สิ้นสุด ผู้คนหลากหลายมาจากหลายจังหวัด ทรงเกลียดการที่ต้องมาใกล้ชิดกับสามัญชนขนาดนี้ นี่คงเป็นโอกาสเดียวที่คนจนได้เข้ามาปะปนกับคนรวย และคงเป็นครั้งเดียวที่พวกป่าเถื่อนจากอาณาจักรตะวันออก จากอีกด้านของเขตภูเขา ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเมืองด้วย เจ้าชายกาเร็ธยังทรงไม่อยากเชื่อว่าพี่สาวกำลังจะอภิเษกไปกับพวกป่าเถื่อนนี้ มันเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมืองที่พระบิดาทรงจัดการ เป็นความพยายามที่น่าสมเพชที่จะสร้างสันติภาพระหว่างสองอาณาจักร

แต่แม้พวกนี้จะเป็นคนแปลกหน้า แต่พี่สาวของพระองค์ก็ดูจะชื่นชมยินดี ซึ่งเจ้าชายกาเร็ธแทบจะไม่เข้าใจเหตุผล แต่ด้วยรู้จักนางดี ไม่ใช่คนหรอกที่นางพึงใจ แต่เป็นตำแหน่งและโอกาสที่จะได้เป็นราชินีในดินแดนของตนเองต่างหาก นางคงจะได้ในสิ่งที่ทรงประสงค์ พวกนั้นล้วนเป็นคนเถื่อนที่อยู่อีกฟากของเขตภูเขา ซึ่งในความคิดของเจ้าชายกาเร็ธ พวกนี้ไม่มีอารยธรรม ไม่มีโรงกลั่น ไม่มีความเจริญ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาของพระองค์ หากพระพี่นางมีความสุข ก็ให้นางอภิเษกออกเรือนไป ทำให้เหลือพี่น้องที่จะขวางทางระหว่างพระองค์และบัลลังก์ลดลงไปอีกหนึ่งคน ที่จริงยิ่งพระพี่นางไปไกลเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น

แต่เจ้าชายกาเร็ธก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไป หลังจากวันนี้ไปพระองค์ไม่มีโอกาสได้เป็นราชาแล้ว ตอนนี้เหมือนทรงถูกลดตำแหน่งเป็นเพียงเจ้าชายไร้ชื่อในอาณาจักรของพระบิดา พระองค์ไม่มีทางได้อำนาจแล้ว และถูกกำหนดให้มีชีวิตของสามัญชน

พระบิดาทรงประเมินพระองค์ต่ำเกินไปเหมือนเช่นเคย ทรงมองว่าพระองค์เองมีความหลักแหลมทางการเมือง แต่เจ้าชายกาเร็ธนั้นหลักแหลมกว่ามากและเป็นมาตลอด ตัวอย่างเช่นการอภิเษกของลูอันดากับพวกแม็คคลาวด์นี้ พระบิดาทรงคิดว่าตัวเองเป็นนักการเมืองชั้นยอด แต่เจ้าชายกาเร็ธนั้นมองได้ทะลุปรุโปร่งกว่าพระองค์มองเห็นทางเลือกมากมาย และเห็นวิธีที่ล้ำไปอีกหนึ่งก้าว ทรงรู้ว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ที่ไหน การอภิเษกในวันนี้ไม่ได้ทำให้พวกแม็คคลาวด์สงบลง แต่กลับเป็นการกระตุ้นพวกมัน พวกนั้นป่าเถื่อน มันไม่มองว่าข้อเสนอสันติภาพนี้เป็นสัญญาณของความเข้มแข็ง แต่มองว่าเป็นความอ่อนแอต่างหาก พวกมันไม่สนใจความเกี่ยวดองกันระหว่างครอบครัวหรอก ทันทีที่พระพี่นางเสด็จจากไป เจ้าชายกาเร็ธมั่นใจเลยว่าพวกมันจะต้องเตรียมวางแผนโจมตี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอุบาย ซึ่งพระองค์ทรงพยายามบอกพระบิดาแล้ว แต่ไม่ทรงฟัง

แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทรงกังวลอีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้จะทรงเป็นเพียงเจ้าชายธรรมดา เป็นแค่ฟันเฟืองตัวหนึ่งของอาณาจักร เจ้าชายกาเร็ธร้อนรุ่มเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และทรงชิงชังพระบิดาด้วยความเกลียดชังที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ ขณะที่ทรงเบียดเสียด ไหล่ชนไหล่ไปกับสามัญชน ทรงคิดถึงวิธีที่จะแก้แค้น วิธีที่จะช่วงชิงบัลลังก์มา เจ้าชายไม่อาจทนนั่งเฉยอยู่ได้ พระองค์จะไม่ยอมให้บัลลังก์เป็นของขนิษฐาอย่างแน่นอน

“ทรงอยู่ที่นี่เอง” มีเสียงดังขึ้น

นั่นคือเฟิร์ธ เดินมาอยู่ข้าง ๆ พระองค์พร้อมรอยยิ้มร่าเริงอวดฟันสวย เขาอายุสิบแปดปี สูงและผอม มีเสียงสูง ผิวเรียบลื่นกับแก้มแดงระเรื่อ เฟิร์ธเป็นคู่รักของพระองค์ในตอนนี้ ปกติแล้วเจ้าชายกาเร็ธจะทรงยินดีที่ได้พบเขา แต่ตอนนี้ไม่ทรงอยู่ในอารมณ์เช่นนั้น

“ข้าคิดว่าวันนี้ทรงหลบหน้าข้าเสียอีก” เฟิร์ธทูล คล้องแขนกับเจ้าชายขณะที่เดินไป

เจ้าชายกาเร็ธสะบัดแขนทันที ทรงหันมองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น

“เจ้าเป็นบ้าหรือไง?” ทรงตำหนิ “อย่าได้มาคล้องแขนกับข้าในที่สาธารณะอีกเป็นอันขาด”

เฟิร์ธก้มหน้าแดงซ่าน “ข้าขอโทษ” เขาทูล “ข้าไม่ทันคิด”

“ถูก เจ้าไม่ได้คิด หากทำเช่นนั้นอีก ข้าจะไม่พบเจ้าอีกเลย” เจ้าชายกาเร็ธตรัส

เฟิร์ธยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม และดูว่าเสียใจจริง ๆ “ข้าขอโทษ” เขาทูลซ้ำ

เจ้าชายกาเร็ธทรงเหลียวมองรอบ ๆ อีกครั้ง รู้สึกมั่นใจว่าไม่มีใครเห็น จึงทรงผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

“พวกชาวบ้านลือว่าอะไรกันบ้าง?” ทรงถาม ต้องการเปลี่ยนเรื่องสนทนา เพื่อสลัดความขุ่นมัวในใจ

เฟิร์ธร่าเริงขึ้นทันที ยิ้มกว้างอีกครั้ง

“ทุกคนกำลังรอคอยด้วยความคาดหวัง พวกเขาต่างก็รอการประกาศแต่งตั้งพระองค์เป็นรัชทายาท”

เจ้าชายพระพักตร์สลดลง เฟิร์ธสังเกตเห็น

“พระองค์ไม่ได้เป็นหรือ?” เฟิร์ธทูลถาม ด้วยความสงสัย

เจ้าชายกาเร็ธพักตร์แดงขึ้น ขณะที่ดำเนินไป ไม่ยอมสบตาเฟิร์ธ

“ไม่”

เฟิร์ธอ้าปากค้าง

“พระบิดาข้ามข้าไป เจ้านึกออกไหม? ทรงแต่งตั้งน้องสาวของข้า”

ตอนนี้เฟิร์ธมีสีหน้าผิดหวัง เขามองอย่างสงสัย

“นั่นเป็นไปไม่ได้” เขาทูล “พระองค์ทรงเป็นโอรสคนแรก ส่วนพระนางเป็นสตรี มันเป็นไปไม่ได้” เขาพูดซ้ำ

เจ้าชายกาเร็ธทอดเนตรมองเขา แล้วตรัสอย่างเย็นชา “ข้าไมได้โกหก”

ทั้งสองเดินต่อไปเงียบ ๆ ผู้คนเริ่มหนาแน่นยิ่งขึ้น เจ้าชายกาเร็ธทอดเนตรมองรอบ ๆ เริ่มรู้ตัวว่าประทับอยู่ที่ไหน เขตพระราชฐานแน่นขนัดไปด้วยผู้คนนับพันที่แห่เข้ามาจากทุกช่องทาง ต่างมุ่งหน้าไปยังปะรำพิธีที่ตกแต่งไว้สวยงาม รอบ ๆ ปะรำพิธีมีเก้าอี้อย่างดีวางเรียงไว้อย่างน้อยหนึ่งพันตัว มีเบาะกำมะหยี่สีแดงและกรอบสีทอง กองทัพบริกรเดินไปมาตามทางเดิน ดูแลจัดคนนั่ง และนำเครื่องดื่มมาบริการ

ทั้งสองฝั่งของทางเดินในพิธีอภิเษกที่ยาวเหมือนจะไม่สิ้นสุด เต็มไปด้วยดอกไม้ เป็นที่นั่งของสองราชวงศ์ แม็คกิลและแม็คคลาวด์ แบ่งเขตกันชัดเจน แต่ละฝั่งมีแขกนั่งอยู่หลายร้อยคน ต่างแต่งกายด้วยชุดที่ดีที่สุด ฝั่งแม็คกิลอยู่ในชุดสีม่วงเข้มตามสีประจำราชวงศ์ ส่วนฝั่งแม็คคลาวด์อยู่ในชุดสีแสด แต่ในสายตาของเจ้าชายกาเร็ธทั้งสองฝั่งไม่ได้แตกต่างกัน ต่างแต่งตัวมาแสดงความมั่งคั่ง พระองค์ทรงรู้สึกว่าพวกแม็คคลาวด์แค่แต่งตัวมา แสร้งวางท่า ภายใต้เสื้อผ้าแล้วพวกนั้นเป็นเพียงคนเถื่อน ทรงมองเห็นจากสีหน้า วิธีเดิน ท่าทางการผลักไสกัน และวิธีหัวเราะที่เสียงดังเกินไป มีบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งเสื้อผ้าหรูหราไม่อาจปกปิดได้ พระองค์ไม่พอพระทัยที่พวกนี้เข้ามาอยู่ในเมือง ไม่พอพระทัยงานอภิเษกทั้งหมดนี้ นี่เป็นการตัดสินพระทัยที่โง่เง่าอีกเรื่องของพระบิดา

หากเจ้าชายกาเร็ธเป็นพระราชา พระองค์จะจัดการอีกอย่าง จะทรงจัดให้มีการอภิเษกสมรส แต่จะรอจนถึงยามราตรี เมื่อพวกแม็คคลาวด์เมามาย จะปิดประตูห้องโถงแล้วเผาพวกนั้นทั้งหมดในกองไฟ โดยสามารถสังหารพวกมันทั้งหมดได้ในคราวเดียว

“ป่าเถื่อน” เฟิร์ธทูล เมื่อเขามองไปยังอีกฝั่งของทางเดินพิธี “ข้าไม่อยากคิดเลยว่าทำไมพระบิดาของพระองค์ถึงยอมให้พวกนี้เข้ามา”

“มันคงจะช่วยให้การแข่งขันหลังจากนี้น่าสนใจกระมัง” กาเร็ธตรัส “ทรงเชิญศัตรูเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็จัดการแข่งขันฉลองพิธีอภิเษก นั่นไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับการต่อสู้หรอกหรือ?”

“ทรงคิดเช่นนั้นหรือ?” เฟิร์ธทูลถาม “การต่อสู้? ที่นี่อย่างนั้นหรือ? ด้วยทหารพวกนี้? ในวันอภิเษกของเจ้าหญิงน่ะเหรอ?”

กาเร็ธทรงยักไหล่ พระองค์ไม่ใส่ใจพวกแม็คคลาวด์

“เกียรติแห่งวันอภิเษกคงไม่มีความหมายอะไรสำหรับพวกนั้น”

“แต่เรามีทหารตั้งหลายพันคน”

“พวกมันก็เช่นกัน”

กาเร็ธทอดพระเนตรมองแถวทหารยาวเหยียด ทั้งฝั่งแม็คกิลและแม็คคลาวด์ ยืนประจำการตลอดแนวกำแพงทั้งสองด้าน ทรงรู้ว่าพวกมันคงจะไม่นำทหารมามากมายขนาดนี้ หากไม่คิดจะก่อการสู้รบ ถึงจะเป็นวันอภิเษก ถึงพวกมันจะแต่งตัวมาสวยงาม ถึงแม้จะมีการเตรียมงานอย่างฟุ่มเฟือย มีงานเลี้ยงอาหารไม่จบไม่สิ้น เป็นวันครีษมายันที่ดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ ถึงแม้จะมีทุกสิ่ง แต่ก็ยังมีความตึงเครียดหนักอึ้งอยู่ในอากาศ ทุกคนต่างระวังตัว ทรงเห็นจากวิธีที่ฝูงชนเบียดไหล่กัน แล้วกางศอกออก พวกนั้นไม่ไว้ใจกัน

เจ้าชายทรงคิดว่าบางทีพระองค์อาจจะโชคดี ถ้าพวกมันสักคนแทงเข้าที่หัวใจของพระบิดา แล้วพระองค์ก็จะได้เป็นราชาสมใจ

“ข้าเกรงว่าเราคงจะไม่ได้นั่งด้วยกัน” เฟิร์ธทูลอย่างผิดหวัง เมื่อเข้าไปใกล้บริเวณที่นั่ง

เจ้าชายกาเร็ธทรงมองอย่างเหยียดหยาม “เจ้าช่างโง่เสียจริง” ทรงตรัสอย่างขุ่นเคือง

เจ้าชายทรงเริ่มสงสัยอย่างจริงจังว่า พระองค์คิดถูกหรือไม่ที่เลือกเด็กเลี้ยงม้ามาเป็นคู่รัก ถ้าไม่ทรงไล่เขาไปให้พ้นโดยเร็ว เขาอาจจะทำเรื่องแตกได้

เฟิร์ธก้มหน้าอย่างละอาย

“ข้าจะไปพบเจ้าทีหลัง ที่คอกม้า ตอนนี้ไปได้แล้ว” ทรงรับสั่งแล้วผลักเบา ๆ เฟิร์ธหายไปในฝูงชน

ทันใดนั้นเจ้าชายกาเร็ธทรงรู้สึกถึงมือเย็นเฉียบบนพระพาหา ทรงใจหายวูบเมื่อสงสัยว่าถูกจับได้ แต่เมื่อรู้สึกถึงเล็บยาวและนิ้วบอบบางที่กดลงที่ผิว ทรงรู้ทันทีว่าเป็นเฮเลนา ชายาของพระองค์

“อย่าทำให้ข้าต้องอับอายในวันนี้” นางกระซิบบอก มีความชิงชังในน้ำเสียง

เจ้าชายหันมามอง นางดูสวย แต่งกายเรียบร้อยในชุดกระโปรงผ้าซาตินสีขาว เรือนผมเกล้าไว้สูง และสวมสร้อยคอเพชรน้ำงามที่สุด ใบหน้าของนางตกแต่งไว้งดงามด้วยเครื่องสำอาง เจ้าชายกาเร็ธเข้าใจวัตถุประสงค์ที่นางสวยงามมากวันนี้ สวยเท่ากับวันที่ทรงอภิเษกกับนาง แต่พระองค์ก็ไม่ได้รู้สึกติดตาต้องใจ เป็นพระประสงค์ของพระบิดาที่ทรงพยายามให้เขาแต่งงานเพื่อให้พ้นจากรสนิยมส่วนตัว แต่ทั้งหมดที่ทรงได้คือคู่ชีวิตที่หวานอมขมกลืน และกลับยิ่งทำให้ราชสำนักสงสัยในความเบี่ยงเบนของพระองค์มากขึ้น

“วันนี้เป็นวันอภิเษกของพระพี่นาง” นางเตือน “พระองค์ช่วยแสดงเหมือนเราเป็นคู่สามีภรรยาสักครั้งเถอะ”

นางคล้องแขนข้างหนึ่งกับเจ้าชายแล้วเดินไปยังบริเวณรับรองที่มีเชือกกำมะหยี่กั้นไว้ ทหารยามสองนายเปิดทางให้ผ่านเข้าไป และทั้งคู่จึงไปร่วมสังสรรค์กับราชนิกูลอื่น ๆ บริเวณปลายทางเดิน

เสียงแตรเป่าขึ้นช้า ๆ ฝูงชนเงียบเสียงลง จากนั้นจึงเป็นเสียงเปียโนบรรเลงเพลงไพเราะ ดอกไม้ถูกโปรยตลอดเส้นทางเดินในพิธี จากนั้นขบวนหลวงจึงเริ่มเดินมาตามทาง คู่สมรสเดินควงแขนกัน เฮเลนากระตุกเตือน เจ้าชายกาเร็ธจึงเริ่มเดินไปตามทางพร้อมนาง

เจ้าชายกาเร็ธรู้สึกโดดเด่นและยิ่งกระอักกระอ่วนมากกว่าที่เคย ทรงไม่รู้จะทำอย่างไรให้ชีวิตรักดูเหมือนจริง ทรงรู้สึกว่ามีสายตานับร้อยคู่กำลังมองที่พระองค์ และอดรู้สึกไม่ได้ว่ากำลังถูกประเมิน แม้จะทรงรู้ว่าพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น ทางเดินนี้ไม่สั้นเลย เจ้าชายแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะไปให้ถึงปลายอีกด้าน เพื่อยืนใกล้กับพระพี่นางข้างแท่นพิธี แล้วจบเรื่องนี้โดยเร็ว และยังทรงอดคิดถึงการเผชิญหน้ากับพระบิดาไม่ได้ ทรงสงสัยว่าผู้คนพวกนี้จะรู้ข่าวแล้วหรือยัง

“ข้าได้ข่าวไม่ดีวันนี้” เจ้าชายกระซิบบอกเฮเลนา เมื่อเดินไปถึงปลายอีกด้าน และไม่มีสายตาคอยจับจ้อง

“ท่านไม่คิดหรือว่าข้าจะรู้เรื่องแล้ว?” นางกัดฟัน

เจ้าชายกาเร็ธทรงหันไปหานางอย่างประหลาดใจ

 

เฮเลนามองตอบอย่างท้าทาย “ข้าก็มีสายลับของข้า” นางทูล

เจ้าชายหรี่พระเนตร อยากจะทำร้ายนาง ทำไมนางถึงช่างไม่แยแส?

“ถ้าข้าไม่ได้เป็นราชา เจ้าก็ไม่ได้เป็นราชินี” เจ้าชายกาเร็ธตรัส

“ข้าไม่เคยหวังจะได้เป็นราชินี” นางทูลตอบ

นั่นยิ่งทำให้ทรงประหลาดใจมากขึ้น

“ข้าไม่เคยหวังให้พระองค์ทรงแต่งตั้งท่าน” นางทูลเสริม “ทำไมจะต้องทรงทำเช่นนั้น? ท่านไม่ใช่ผู้นำ ท่านเป็นนักรัก แต่ไม่ใช่นักรักของข้า”

เจ้าชายกาเร็ธรู้สึกพักตร์ร้อนผ่าว

“เจ้าก็ไม่ใช่ของข้าเช่นกัน” ทรงตรัสบอกนาง

ทำให้นางหน้าแดงบ้าง นางไม่ใช่คนเดียวที่มีชู้รักลับ ๆ เจ้าชายกาเร็ธเองก็ทรงมีสายลับที่คอยทูลให้ทราบเรื่องความสำราญของนาง เจ้าชายทรงปล่อยให้นางมี ตราบเท่าที่นางยังหุบปากเงียบ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับพระองค์

“ท่านไม่ได้ให้ทางเลือกแก่ข้า” นางทูลตอบ “ท่านหวังจะให้ข้าครองพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้ารู้ว่าข้าเป็นอย่างไร” เจ้าชายกาเร็ธตรัส “แต่เจ้าก็เลือกที่จะแต่งงานกับข้า เจ้าเลือกอำนาจไม่ใช่ความรัก ไม่ต้องประหลาดใจไป”

“การแต่งงานของเราถูกจัดขึ้น” นางทูล “ข้าไม่ได้เลือกสิ่งใด”

“แต่เจ้าก็ไม่คัดค้าน” เจ้าชายตอบ

วันนี้เจ้าชายกาเร็ธไม่มีแรงจะเถียงกับนาง นางเป็นเมียหุ่นเชิด เป็นของประกอบฉากที่มีประโยชน์ ควรจะยอมนางไปก่อน นางยังมีประโยชน์อีกในโอกาสข้างหน้า ตราบเท่าที่นางไม่ทำให้ทรงขุ่นเคืองเกินไป

เจ้าชายกาเร็ธทอดพระเนตรด้วยความชิงชังอย่างที่สุด เมื่อทุกคนหันไปทางพระพี่นางที่กำลังเสด็จมาตามทางเดินพร้อมด้วยพระบิดา พระองค์ช่างกล้าที่แสร้งทำเป็นเศร้า กระทั่งเช็ดน้ำตาเมื่อเสด็จพานางเดินมา ทรงเป็นนักแสดงจนถึงที่สุด แต่ในสายตาของเจ้าชายกาเร็ธ ทรงเป็นเพียงตัวตลกเลอะเทอะเท่านั้น เจ้าชายทรงคิดไม่ออกเลยว่าพระบิดาจะรู้สึกเศร้าสร้อยจริง ๆ ที่ธิดาจะแต่งงานไป ธิดาซึ่งจริง ๆ แล้วทรงโยนเข้าไปให้พวกหมาป่าอย่างแม็คคลาวด์ กาเร็ธทรงรู้สึกรังเกียจลูอันดาไม่น้อยไปกว่ากัน นางดูยินดีกับเรื่องทั้งหมดนี้ ดูจะไม่ได้สนใจเลยว่าต้องแต่งงานไปกับพวกที่ต่ำต้อยกว่า นางก็เช่นกันที่ใฝ่หาอำนาจ เลือดเย็น และหวังผลประโยชน์ แต่ด้วยลักษณะเช่นนั้น พระพี่นางทรงเหมือนเขาที่สุดในบรรดาพี่น้อง ทั้งสองมีความเชื่อมโยงกันบางอย่าง แม้จะไม่เคยมีความรักความอบอุ่นให้แก่กันมากนัก

เจ้าชายกาเร็ธทรงขยับตัวอย่างหงุดหงิด รอให้พิธีจบลง

เจ้าชายกระสับกระส่ายตลอดการทำพิธี อาร์กอนให้พร สวดมนตร์และทำพิธี ทั้งหมดนี้ช่างวุ่นวายและทำให้พระองค์ทรงวิงเวียน มันก็แค่การมาอยู่ร่วมกันของสองครอบครัวด้วยเหตุผลทางการเมือง ทำไมไม่ทำแค่ประกาศการแต่งงานก็พอแล้ว?

ในไม่ช้าพิธีก็จบลง ต้องขอบคุณสวรรค์ ฝูงชนลุกขึ้นยืนโห่ร้องยินดีเมื่อทั้งสองจุมพิตกัน มีเสียงแตรบรรเลง ขั้นตอนพิธีที่เป็นระเบียบกลายเป็นโกลาหล เชื้อพระวงศ์ทุกคนต่างเดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังบริเวณงานเลี้ยง

แม้แต่เจ้าชายกาเร็ธที่ช่างเยาะเย้ยถากถางก็ยังประทับใจกับภาพที่ทรงเห็น พระบิดาทรงทุ่มไม่อั้น ที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือโต๊ะมากมาย ทั้งโต๊ะอาหาร ถังไวน์ หมูย่าง แกะย่างและเนื้อลูกแกะ

ด้านหลังเป็นบริเวณที่เตรียมไว้สำหรับการแข่งขัน มีเป้าที่เตรียมไว้สำหรับการทุ่มลูกหิน ขว้างหอก ยิงธนู และตรงกลางเป็นลานประลองบนหลังม้า ซึ่งตอนนี้ฝูงชนห้อมล้อมอยู่รอบบริเวณ

ฝูงชนแยกออกเป็นสองฝั่ง สำหรับฝั่งแม็คกิล ที่เข้าสนามมาก่อน แน่นอนว่าเป็นเจ้าชายเคนดริค ทรงประทับบนหลังม้า แต่งองค์ด้วยชุดเกราะ ตามมาด้วยทหารกองรบเงินอีกหลายสิบนาย จนอีเร็คมาถึง เขาต่างจากคนอื่นตรงที่ขี่ม้าสีขาว ผู้ชมนิ่งเงียบด้วยความเกรงขาม เขาเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดความสนใจ แม้แต่เฮเลนาก็เอนตัวไปข้างหน้า เจ้าชายกาเร็ธสังเกตว่านางมีความปรารถนาต่ออีเร็คเช่นเดียวกับสตรีอื่น ๆ

“เขาใกล้จะถึงอายุแล้ว แต่ยังไม่ยอมแต่งงาน สตรีทุกนางในอาณาจักรอยากจะแต่งงานกับเขาทั้งนั้น ทำไมเขาไม่เลือกใครสักคน?”

“เจ้าจะสนใจอะไร?” เจ้าชายกาเร็ธตรัสถาม รู้สึกริษยา พระองค์เองก็ปรารถนาจะสวมชุดเกราะ อยู่บนหลังม้า ลงสนามประลองในนามของพระบิดา แต่พระองค์ไม่ใช่นักรบ และทุกคนก็รู้ดี

เฮเลนาไม่สนใจ พลางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ท่านไม่ใช่ผู้ชาย” นางทูลอย่างเย้ยหยัน “ท่านไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก”

เจ้าชายกาเร็ธทรงหน้าแดง อยากจะลงโทษนาง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะ พระองค์จึงทรงพานางไปนั่งบนอัฒจันทร์ร่วมกับคนอื่น ๆ เพื่อชมการเฉลิมฉลอง วันนี้มีแต่เรื่องแย่ลง ๆ เจ้าชายทรงรู้สึกวูบโหวงในพระนาภี มันคงจะเป็นวันที่ยาวนานมาก วันที่มีแต่เรื่องอัศวัน การเฉลิมฉลองใหญ่โต และการเสแสร้งไม่สิ้นสุด เป็นวันที่คนทำร้ายและเข่นฆ่ากันด้วย วันที่พระองค์ไม่อยากจะมีส่วนร่วมด้วย วันที่มีแต่สิ่งที่ไม่ทรงชอบใจ

ขณะที่ประทับนั่งอยู่นั้น ทรงครุ่นคิด หวังอยู่เงียบ ๆ ว่างานเฉลิมฉลองนี้จะปะทุขึ้นเป็นการสู้รบจริง ๆ มีการนองเลือดอยู่ตรงหน้า สิ่งสวยงามทั้งหมดในที่นี้จะถูกทำลายย่อยยับลง

สักวันหนึ่งจะเป็นอย่างที่ทรงปรารถนา วันที่ทรงได้เป็นราชา

สักวันหนึ่ง

บทที่ 8

ธอร์พยายามเต็มที่ที่จะตามเด็กติดตามของอีเร็คให้ทัน ขณะที่ลัดเลาะฝ่าฝูงชนไป มันช่างโกลาหลนับตั้งแต่เรื่องในสนามฝึก เขายังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ยังรู้สึกสั่นเทิ้มอยู่ภายใน และยังคงไม่อยากเชื่อว่าเขาได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชน และได้รับเลือกเป็นเด็กติดตามคนที่สองของอีเร็ค

“ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าหนู...รีบมา” เฟธ์โกลด์ ตะคอก

ธอร์ไม่ชอบใจที่ถูกเรียกว่า “เจ้าหนู” โดยเฉพาะจากเด็กติดตามที่แก่กว่าเขาไม่กี่ปี เฟธ์โกลด์วิ่งลัดเลาะฝ่าฝูงชน จนเหมือนกับพยายามจะหนีธอร์

“ที่นี่มีคนเยอะแยะแบบนี้เสมอหรือ?” ธอร์ตะโกนถาม พยายามวิ่งไล่ให้ทัน

“ไม่หรอก!” เฟธ์โกลด์ตะโกนตอบ “วันนี้ไม่เพียงแต่เป็นวันครีษมายัน ที่มีกลางวันยาวนานที่สุดของปีเท่านั้น แต่ยังเป็นวันที่พระราชาจัดงานอภิเษกให้แก่ธิดาองค์โต และยังเป็นวันเดียวในประวัติศาสตร์ที่เราเปิดประตูให้พวกแม็คคลาวด์เข้ามา ไม่เคยมีคนเยอะแบบนี้มาก่อน มันไม่เคยเกิดขึ้น ข้าคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ข้ากลัวว่าเราจะไปสาย!” เขาบอกอย่างรีบร้อน ขณะเร่งรีบวิ่งฝ่าไป

“เรากำลังจะไปไหนกัน?” ธอร์ถาม

“เราจะไปทำหน้าที่ที่เด็กติดตามที่ดีทำกัน ไปช่วยอัศวินเตรียมตัวไงล่ะ!”

“เตรียมตัวสำหรับอะไรกัน?” ธอร์ถามอีก แทบจะหายใจไม่ทัน มันเริ่มร้อนขึ้น ๆ ทุกนาที เขาต้องปาดเหงื่อออกจากหางคิ้ว

“การประลองบนหลังม้า!”

ในที่สุดพวกเขาก็ฝ่าผู้คนไปถึง และหยุดอยู่ตรงหน้าทหารยามผู้ซึ่งจำเฟธ์โกลด์ได้ เขาโบกมือให้คน

อื่น ๆ ปล่อยทั้งสองผ่านเข้าไป

ทั้งคู่มุดลอดเชือกแล้วก้าวเข้าไปในที่โล่ง พ้นจากฝูงชน ธอร์แทบไม่อยากเชื่อว่าสถานที่ที่ได้เห็นอย่างใกล้ชิดนี้คือสนามประลอง หลังเชือกกั้นเป็นกลุ่มผู้ชม และที่เดินไปมาอยู่บนลานดินนั่นคือม้าศึกตัวใหญ่ ใหญ่ที่สุดที่ธอร์เคยเห็น อัศวินในชุดเกราะหลากหลายแบบอยู่บนหลังม้า มีทั้งทหารจากกองรบเงิน และอัศวินจากทั่วทั้งสองอาณาจักร มาจากทุกจังหวัด บางคนแต่งชุดเกราะสีดำ บางคนสีขาว สวมหมวกเหล็ก ถืออาวุธหลากหลายแบบและขนาด ดูราวกับทั้งโลกมารวมกันอยู่ที่สนามประลองนี้

มีการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว อัศวินจากที่ต่าง ๆ ที่ธอร์ไม่รู้จัก กำลังพุ่งเข้าหากัน เสียงทวนกระทบโล่ดังแคร้ง ตามด้วยเสียงโห่ร้องของคนดู เมื่อได้ดูอย่างใกล้ชิด ธอร์แทบไม่เชื่อในพละกำลังและความเร็วของม้า ทั้งเสียงอาวุธกระทบกัน มันเป็นศิลปะที่อันตรายจริง ๆ

“มันดูไม่เหมือนกีฬาเลย” ธอร์บอกเฟธ์โกลด์ ขณะที่ตามเขาไปบนทางเรียบสะอาด

“นั่นเพราะมันไม่ใช่กีฬาน่ะสิ” เฟธ์โกลด์ตะโกนบอก ท่ามกลางเสียงแคร้ง “มันเป็นเรื่องจริงจัง ในคราบของกีฬา มีคนตายที่นี่ทุกวัน มันคือการต่อสู้ คนที่โชคดีคือคนที่เดินออกไปโดยไม่บาดเจ็บ ซึ่งมีไม่เยอะนักหรอก”

ธอร์มองขึ้นไปยังอัศวินสองคนที่พุ่งเข้าหากัน ปะทะกันเต็มแรง มีเสียงโลหะกระทบกันดังน่ากลัว จากนั้นอัศวินคนหนึ่งก็หล่นจากหลังม้า ลงไปนอนหงายหลังห่างจากธอร์ไปไม่กี่ฟุต

ผู้ชมอ้าปากค้าง อัศวินคนนั้นนอนนิ่ง ธอร์มองเห็นเศษไม้แหลมปักอยู่ที่ซี่โครงของเขา แทงทะลุชุดเกราะ เขาร้องอย่างเจ็บปวดมีเลือดทะลักจากปาก เด็กติดตามหลายคนรีบวิ่งมาดู แล้วลากเขาออกจากสนาม อัศวินที่ชนะเดินช้า ๆ ชูทวนขึ้นรับเสียงโห่ร้องของคนดู

ธอร์ประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดว่ากีฬานี้จะอันตรายเช่นนี้

“สิ่งที่เด็กหนุ่มพวกนั้นเพิ่งทำ นั่นคือหน้าที่ของเจ้าล่ะ” เฟธ์โกลด์บอก “ตอนนี้เจ้าเป็นเด็กติดตาม หรือพูดให้ชัดก็คือเด็กติดตามคนที่สอง”

เขาหยุดแล้วเดินเข้ามาใกล้ ใกล้มากจนธอร์ได้กลิ่นลมหายใจบูดของเขา

“แล้วเจ้าอย่าลืมเสียล่ะ ข้ารับใช้อีเร็ค แล้วเจ้าก็รับคำสั่งจากข้า หน้าที่ของเจ้าคือช่วยข้า เข้าใจไหม?”

ธอร์พยักหน้า ยังคงพยายามเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ สิ่งที่เขาเคยคิดไว้แตกต่างจากนี้ และยังคงไม่เข้าใจว่ายังมีอะไรรอเขาอยู่ ธอร์รู้ว่าเฟธ์โกลด์รู้สึกถูกคุมคามที่มีเขามาอยู่ด้วย และรู้สึกเหมือนได้สร้างศัตรู

“ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะมาแทรกแซงการเป็นเด็กติดตามให้อีเร็คของเจ้า” ธอร์บอก

เฟธ์โกลด์ หัวเราะหยันสั้น ๆ

“ถึงเจ้าพยายาม ก็มาแทรกแซงข้าไม่ได้หรอก เจ้าหนู แค่อย่าขวางทางแล้วคอยทำตามที่ข้าบอกแล้วกัน”

แล้วเฟธ์โกลด์ก็รีบเดินไปตามซอกซอยคดเคี้ยวด้านหลังเชือก ธอร์รีบตามไป และพบว่าตัวเองอยู่ในเขาวงกตของคอกม้า เขาเดินไปตามทางแคบ ๆ รอบตัวมีแต่ม้าศึกเดินเหยาะย่าง พวกเด็กติดตามกำลังดูแลม้าอย่างกังวล เฟธ์โกลด์เลี้ยวไปมาและหยุดลงตรงหน้าม้าตัวใหญ่สวยงามในที่สุด ธอร์หอบหายใจ เขาแทบไม่เชื่อว่าเจ้าสัตว์ตัวใหญ่และสวยงามนี้เป็นของจริง หากไม่นับที่มันถูกขังอยู่ในคอกแล้ว มันดูพร้อมแล้วสำหรับสู้ศึก

“วาร์คฟิน” เฟธ์โกลด์บอก “ม้าของอีเร็ค เป็นหนึ่งในม้าของเขา เป็นตัวที่เขาชอบใช้ในการประลองบนหลังม้า มันไม่เชื่องนักหรอก แต่อีเร็คก็จัดการได้ เปิดประตูสิ” เฟธ์โกลด์สั่ง

ธอร์มองเขาอย่างสงสัย แล้วจึงมองไปที่ประตู พยายามคิด เขาก้าวไปข้างหน้า ดึงหมุดที่ขัดบานประตูแต่มันไม่ขยับ เขาออกแรงดึงมากขึ้นจนมันขยับออก แล้วจึงค่อย ๆ เหวี่ยงประตูไม้เปิดออก

วินาทีนั้น วาร์คฟินร้องฮี้ แล้วโผนขึ้นเตะประตูไม้ หนีบปลายนิ้วของธอร์ เขาสะบัดมือด้วยความเจ็บปวด

เฟธ์โกลด์หัวเราะ

“เพราะอย่างนั้นข้าถึงให้เจ้าเปิด ครั้งหน้าต้องเร็วกว่านี้นะ วาร์คฟินไม่คอยใคร โดยเฉพาะเจ้า”

ธอร์หงุดหงิด เฟธ์โกลด์ชักจะกวนประสาทเขา แต่เขาก็ยังไม่เห็นทางว่าจะต่อกรด้วยได้

ธอร์รีบเปิดประตู คราวนี้อยู่ให้ห่างจากรัศมีดีดของขาม้า

“ให้ข้าพามันออกไปเลยไหม?” ธอร์ถามอย่างกลัว ๆ ไม่ได้อยากจะจับสายบังเหียนขณะที่วาร์คฟินกระทืบเท้าและส่ายไปมา

“ไม่ต้อง!” เฟธ์โกลด์บอก “นั่นเป็นหน้าที่ข้า หน้าที่เจ้าคือให้อาหารมัน เมื่อข้าบอกให้ทำ แล้วก็โกยขี้ของมันด้วย”

เฟธ์โกลด์คว้าสายบังเหียนของวาร์คฟินแล้วจูงมันไปตามคอกม้า ธอร์กลืนน้ำลาย พลางมองดู นี่ไม่ใช่การเริ่มต้นที่เขาคิดไว้ เขารู้ว่าต้องเริ่มที่ไหนสักแห่ง แต่นี่มันแย่กว่าที่คิด เขาคิดภาพสงคราม ความรุ่งโรจน์และการต่อสู้ การฝึกและการแข่งขันระหว่างเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาไม่เคยคิดภาพตัวเองเป็นคนรับใช้ ธอร์เริ่มสงสัยว่าเขาตัดสินใจถูกต้องหรือไม่

ในที่สุดพวกเขาก็ออกจากคอกม้ามืด ๆ สู่แสงสว่างของเวลากลางวัน และเดินกลับไปยังสนามประลอง ธอร์ต้องหรี่ตากับแสงที่เปลี่ยนไป และตื่นตะลึงอยู่ชั่วครู่กับเสียงโห่ร้องของผู้คนนับพันที่ให้กำลังใจอัศวินที่พุ่งเข้าหากัน เขาไม่เคยได้ยินเสียงโลหะกระทบกันแบบนี้ รวมทั้งพื้นดินที่สะเทือนเพราะฝีเท้าม้า

ที่อยู่รอบ ๆ นั้นคืออัศวินหลายสิบคนกับเด็กติดตามของพวกเขา กำลังเตรียมตัว พวกเด็กติดตามกำลังขัดเงาชุดเกราะ ลงน้ำมันอาวุธ ตรวจสอบอานม้าและสายรัด แล้วตรวจสอบอาวุธอีกครั้งเมื่ออัศวินขึ้นบนหลังม้าแล้วและรอคอยจนกว่าจะถูกเรียกชื่อ

“เอลมัลคิน” เสียงประกาศเรียก

อัศวินจากจังหวัดหนึ่งที่ธอร์ไม่รู้จัก รูปร่างบึกบึนสวมชุดเกราะสีแดง ควบม้าออกมาจากประตู ธอร์กระโดดหลบให้พ้นทางได้ทันเวลา อัศวินพุ่งตะบึงไปตามทางแคบ ๆ กระแทกทวนเข้ากับโล่ของคู่แข่ง เสียงดังแคร้ง ทวนของอัศวินอีกคนกระแทกมา เอลมัลคินลอยลงไปนอนหงายหลัง ผู้คนส่งเสียงโห่ร้อง

เอลมัลคินกระโดดลุกขึ้นยืนทันที หมุนไปรอบ ๆ ยื่นมือไปหาเด็กติดตามของเขา ซึ่งยืนอยู่ข้างธอร์

“กระบองของข้า!” อัศวินตะโกน

เด็กติดตามที่อยู่ข้างธอร์กระโดดไปคว้ากระบองออกมาจากราวอาวุธ แล้วรีบวิ่งไปกลางสนาม เขาวิ่งไปหาเอลมัลคิน แต่อัศวินอีกคนวนกลับมา แล้วพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง แต่ก่อนที่เด็กติดตามจะยื่นกระบองใส่มือเจ้านายของเขา อัศวินอีกคนก็ผ่าเข้าไประหว่างทั้งสอง เด็กติดตามไปถึงเอลมัลคินช้าไป อัศวินอีกคนทิ่มทวนของเขาลงมา ทำให้ทวนกระแทกเข้าที่ด้านข้างของศีรษะเด็กติดตาม เขาเซไปเพราะแรงกระแทก หมุนคว้างลงไปนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น

เขานอนนิ่งไม่ไหวติง ธอร์เห็นเลือดไหลซึมออกมาจากศีรษะของเขา แม้จากตรงที่ธอร์ยืนอยู่ก็มองเห็นมันไหลนองพื้น

ธอร์กลืนน้ำลาย

“ไม่ใช่ภาพที่น่าดูเลยใช่ไหม?”

ธอร์หันไปเห็นเฟธ์โกลด์ยืนอยู่ข้างเขา จ้องมองมา

“แข็งแกร่งไว้เจ้าหนู นี่คือการสู้รบ และเราก็อยู่ตรงกลางพอดี”

ผู้ชมเงียบเสียงลงทันที ที่ประตูสนามประลองหลักเปิดออก ธอร์รู้สึกได้ถึงการรอคอยที่กระจายอยู่ในอากาศ เมื่อการประลองสนามอื่นหยุดลงเพื่อรอดูสนามนี้ ด้านหนึ่งเจ้าชายเคนดริคทรงม้าออกมา ถือทวนอยู่ในพระหัตถ์

ที่อีกด้านของสนาม มีอัศวินในชุดเกราะของแม็คคลาวด์

“แม็คกิลปะทะแม็คคลาวด์” เฟธ์โกลด์กระซิบบอก “เราทำสงครามมาเป็นพันปี ข้าล่ะสงสัยว่าการต่อสู้ครั้งนี้อาจจะยุติมันได้”

อัศวินทั้งสองฝั่งลดกระบังหน้าลง เสียงแตรดังขึ้น ทั้งสองตะโกนแล้วโผนเข้าใส่กัน

ธอร์ประหลาดใจกับความเร็วที่ทะยานเข้าใส่กัน ก่อนที่ต่อมาจะมีเสียงปะทะดังแคร้ง ธอร์ยกมือปิดหู ผู้ชมอ้าปากค้างเมื่ออัศวินทั้งสองหล่นจากหลังม้า

พวกเขากระโดดลุกขึ้นทันที แล้วเหวี่ยงหมวกเหล็กออก ขณะที่เด็กติดตามวิ่งออกไปหา แล้วส่งดาบสั้นให้ อัศวินทั้งสองต่อสู้กันเต็มที่ ท่วงท่าการฟาดฟันของเจ้าชายเคนดริคทำให้ธอร์ตื่นตะลึง มันช่างงดงาม แต่ฝั่งแม็คคลาวด์ก็เป็นนักรบฝีมือดีเหมือนกัน ทั้งสองโต้กันไปมา ต่างฝ่ายต่างทำให้อีกฝ่ายหมดแรง แต่ไม่มีใครยอมแพ้

ในที่สุดจังหวะที่ดาบกระทบกันครั้งหนึ่ง ต่างกระแทกดาบของอีกฝ่ายหลุดจากมือ เด็กติดตามของพวกเขาวิ่งออกไป ถือกระบองไว้ในมือ แต่ขณะที่เคนดริคยื่นมือมารับกระบองของพระองค์ เด็กติดตามของแม็คคลาวด์วิ่งมาด้านหลัง แล้วกระแทกเข้าที่หลังของพระองค์ด้วยอาวุธของพระองค์เอง แรงกระแทกทำให้ทรงล้มไปบนพื้น ผู้ชมต่างพากันตกตะลึง

 

อัศวินของแม็คคลาวด์หยิบดาบขึ้นมาได้ ก้าวไปข้างหน้าแล้วจ่อปลายดาบที่พระศอของเจ้าชาย

เคนดริค ตรึงพระองค์ไว้กับพื้น เจ้าชายไม่มีทางเลือก

“ข้ายอมแพ้” ทรงตะโกน

มีเสียงโห่ร้องยินดีจากฝั่งแม็คคลาวด์ ในขณะที่ฝั่งแม็คกิลตะโกนโห่ด้วยความไม่พอใจ

“เขาโกง! เขาโกง!” เสียงประสานอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้น

ฝูงชนเริ่มขุ่นเคืองมากขึ้น ๆ ในไม่ช้าเสียงประท้วงก็ดังไปทั่ว แล้วทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเดินเข้าหากัน

“ท่าจะไม่ดีแล้ว” เฟธ์โกลด์บอกธอร์ ขณะทั้งคู่ยืนดูอยู่ด้านข้าง

ครู่ต่อมา ฝูงชนเริ่มขว้างปาใส่กัน จนกลายเป็นการวิวาทกันโกลาหล ผู้ชายเหวี่ยงหมัดใส่กันอย่างดุเดือด กระชากผมกัน ผลักอีกฝ่ายลงไปกับพื้น ฝูงชนเริ่มเพิ่มมากขึ้น การทะเลาะเริ่มขยายตัวเป็นสงคราม

เสียงแตรดังขึ้น ทหารยามจากทั้งสองฝั่งวิ่งเข้ามา จัดการแยกฝูงชนออกจากกัน เสียงแตรดังขึ้นอีกครั้ง และเกิดความเงียบขึ้นเมื่อราคาแม็คกิลประทับยืนขึ้น

“วันนี้จะไม่มีการต่อสู้กัน!” ทรงประกาศเสียงดังอย่างทรงอำนาจ “ไม่ใช่ในวันแห่งการเฉลิมฉลอง และไม่ใช่ในปราสาทของข้า!”

ฝูงชนเริ่มสงบลง

“หากพวกเจ้าต้องการการแข่งขันระหว่างสองราชวงศ์ มันจะต้องตัดสินด้วยนักรบคนหนึ่ง แชมเปี้ยนคนหนึ่ง จากแต่ละฝั่ง”

ราชาแม็คกิลทรงหันไปทางราชาแม็คคลาวด์ ผู้ประทับอยู่อีกฝั่ง แวดล้อมด้วยผู้ติดตาม

“ท่านเห็นด้วยไหม?” ราชาแม็คกิลทรงตะโกนถาม

ราชาแม็คคลาวด์ประทับยืนขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“ข้าเห็นด้วย!” ทรงประกาศก้อง

ผู้คนจากทั้งสองฝั่งโห่ร้อง

“เลือกคนที่เก่งที่สุดของท่านมา” ราชาแม็คกิลตรัสบอก

“ข้ามีอยู่แล้ว” ราชาแม็คคลาวด์ตรัสตอบ

อัศวินผู้น่าเกรงขามจากฝั่งแม็คคลาวด์ก็ปรากฏกายขึ้น เป็นชายร่างใหญ่ที่สุดที่ธอร์เคยพบ นั่งอยู่บนหลังม้า เขาดูเหมือนก้อนหินใหญ่ ลำตัวหนามีเครายาว และมีใบหน้าบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา

ธอร์รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวด้านข้างเขา อีเร็คก้าวออกมาตรงข้างเขา ขึ้นขี่วาร์คฟิน แล้วควบไปข้างหน้า ธอร์กลืนน้ำลาย เขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว เขาตัวพองด้วยความภาคภูมิใจในตัว

อีเร็ค

แต่แล้วเขากลับกังวลแทน เมื่อระลึกได้ว่าต้องทำหน้าที่ อย่างก็ตามเขาเป็นเด็กติดตาม และอัศวินของเขากำลังจะต่อสู้

“เราต้องทำอะไรล่ะ?” ธอร์รีบถามเฟธ์โกลด์

“ถอยไปแล้วทำอย่างที่ข้าบอก” เขาตอบ

อีเร็คขี่ม้าไปจนถึงลานประลอง อัศวินทั้งสองเผชิญหน้ากันอยู่ตรงนั้น ม้าของพวกเขากระทืบเท้าไปมาระหว่างรอการปล่อยตัวที่ตึงเครียด ธอร์ใจเต้นรัวอยู่ในอกขณะที่รอคอยและเฝ้าดู

เสียงแตรดังขึ้น แล้วทั้งสองก็พุ่งเข้าหากัน

ธอร์แทบไม่เชื่อในความสง่างามของวาร์คฟิน เหมือนกำลังเฝ้าดูปลากระโจนขึ้นจากทะเล อัศวินอีกฝ่ายตัวใหญ่มาก แต่อีเร็คก็เป็นนักรบที่คล่องแคล่วและองอาจ เขาพุ่งผ่านอากาศไป โน้มศีรษะต่ำ ชุดเกราะสีเงินของเขาขยับไหว มันเป็นประกายที่สุดที่เขาเคยเห็น

เมื่อทั้งสองเข้าใกล้กัน อีเร็คยกทวนขึ้นเล็งแล้วเอนไปด้านข้าง เขากระแทกทวนเข้ากลางโล่ของอีกฝ่ายขณะที่ก้มหลบทวนที่ฟาดมา

ชายร่างใหญ่ยักษ์กระเด็นหงายหลังลงไปบนพื้น มองดูเหมือนก้อนหินใหญ่หล่นลงมา

ฝูงชนฝั่งแม็คกิลโห่ร้องยินดี เมื่ออีเร็คขี่ม้าผ่านไปแล้ววนกลับมา เขายกกระบังปิดหน้าขึ้น แล้วจ่อปลายทวนที่คอหอยของชายคนนั้น

“ยอมแพ้เสีย!” อีเร็คตะโกนบอก

อัศวินคนนั้นตะคอก

“ไม่มีทาง!”

อัศวินล้วงมือเข้าไปในถุงที่ซ่อนไว้ข้างเอว ควักดินออกมาเต็มกำมือ และก่อนที่อีเร็คจะทันตอบโต้ เขาก็ขว้างมันใส่หน้าของอีเร็ค

อีเร็คตะลึง ยกมือขึ้นปิดตา และทิ้งทวนลง ก่อนจะหล่นลงจากหลังม้า

ผู้ชมฝั่งแม็คกิลโห่ฮาและร้องตะโกนอย่างไม่พอใจเมื่ออีเร็คตกลงไป เอามือกุมตาไว้ อัศวินอีกฝ่ายไม่ยอมเสียเวลา รีบเข้ามาใช้เข่ากระแทกซี่โครงของเขา

อีเร็คกลิ้งตัวหลบ อัศวินคว้าก้อนหินใหญ่ ยกขึ้นสูงหมายจะกระแทกลงบนกะโหลกของอีเร็ค

“ไม่!” ธอร์ตะโกน ก้าวไปข้างหน้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

ธอร์มองดูด้วยความหวาดหวั่นขณะที่อัศวินเหวี่ยงก้อนหินลงมา และในวินาทีสุดท้ายนั้นอีเร็คกลิ้งหลบไปได้ ก้อนหินจมลึกลงไปในพื้นดิน ตรงที่ศีรษะของอีเร็คเคยอยู่

ธอร์รู้สึกทึ่งกับความคล่องแคล่วของอีเร็ค เขาลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับอัศวินขี้โกง

“ดาบสั้น!” เสียงราชาทั้งสองฝ่ายดังขึ้น

เฟธ์โกลด์หันมาจ้องธอร์ตาโต

“ส่งมาให้ข้า!” เขาตะโกน

ธอร์ใจเต้นด้วยความตื่นตะหนก เขาหมุนตัว ค้นหาไปตามราวอาวุธของอีเร็ค มองหาดาบอย่างสิ้นหวัง มีอาวุธหลายประเภทน่าเวียนหัวอยู่ตรงหน้าเขา เขาเอื้อมมือไป คว้ามันขึ้นมาแล้วยัดใส่มือของเฟธ์โกลด์

“เจ้าโง่! นี่มันดาบกลาง!” เฟธ์โกลด์ตะโกน

ธอร์คอแห้งผาก รู้สึกเหมือนทั้งอาณาจักรกำลังจ้องมองเขา เขาตาลายด้วยความกังวล ขณะที่หมุนไปหมุนมาอย่างตื่นตะหนก ไม่รู้ว่าจะเลือกดาบอันไหนดี เขาแทบตั้งสติไม่ได้

เฟธ์โกลด์ก้าวมา ผลักเขาไปให้พ้นทาง แล้วหยิบดาบสั้นด้วยตัวเอง จากนั้นจึงวิ่งออกไปในสนามประลอง

ธอร์มองเขาวิ่งไป รู้สึกไร้ค่าและหวาดหวั่น เขาลองนึกภาพว่าหากเป็นตัวเขาวิ่งออกไปที่นั่น ต่อหน้าผู้คนพวกนี้ เขาคงเข่าอ่อน

เด็กติดตามของอีกฝั่งวิ่งไปถึงอัศวินของเขาก่อน อีเร็คกระโดดหลบเมื่ออัศวินอีกฝ่ายเหวี่ยงดาบใส่ เกือบจะไม่พลาด ในที่สุดเฟธ์โกลด์ก็ไปถึงอีเร็ค แล้วส่งดาบสั้นให้เขาได้ ขณะนั้นเองอัศวินก็พุ่งเข้าใส่อีเร็ค แต่อีเร็คฉลาดกว่า เขารอจนกระทั่งจังหวะสุดท้ายจึงกระโดดหลบให้พ้นทาง

อัศวินคนนั้นโหมตะลุยเข้าใส่ และวิ่งชนเฟธ์โกลด์ที่โชคร้ายยืนอยู่ตรงที่อีเร็คอยู่เมื่อครู่ อัศวินโกรธเกรี้ยวที่พลาดจากอีเร็ค จึงคว้าผมของเฟธ์โกลด์ไว้ด้วยสองมือ แล้วโขกหน้าเขาเต็มแรง

มีเสียงกระดูกแตกขณะที่เลือดทะลักจากจมูกของเฟธ์โกลด์ ก่อนที่เขาจะลงไปนอนกองแน่นิ่ง

ธอร์ยืนอยู่ตรงนั้น อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เขาไม่อยากเชื่อ เหมือนกับผู้ชมอื่น ๆ ที่ส่งเสียงโห่ฮาป่า

อีเร็คเหวี่ยงดาบเข้าใส่ แต่พลาดเป้าไป ทั้งสองเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

ทันใดนั้นธอร์ระลึกได้ว่าตอนนี้เขาเป็นเด็กติดตามเพียงคนเดียวของอีเร็ค เขากลืนน้ำลาย เขาควรจะทำอย่างไรต่อ? ธอร์ยังไม่เคยเตรียมพร้อมมาก่อน และทั้งอาณาจักรก็กำลังเฝ้ามอง

อัศวินทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด เหวี่ยงดาบใส่กันครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นได้ชัดว่าอัศวินของแม็คคลาวด์แข็งแรงกว่า แต่อีเร็คเป็นนักสู้ที่เก่งกว่า เขาคล่องแคล่วและรวดเร็วกว่า พวกเขาฟาดฟันและปัดป้อง ไม่มีใครได้เปรียบใคร

ในที่สุด ราชาแม็คกิลประทับยืนขึ้น

“หอกยาว!” ทรงร้องออกมา

ธอร์ใจเต้น เขารู้ว่ามันหมายถึงเขา เป็นหน้าที่ของเขา

ธอร์หมุนตัวกลับไปที่ราวอาวุธ หยิบอาวุธที่ดูเหมาะสมที่สุด ขณะที่เขาคว้าด้ามไม้พันด้วยหนังของมัน เขาภาวนาให้เลือกได้ถูกต้อง

เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปในลานและรู้สึกถึงสายตานับพันที่กำลังจับจ้องที่เขา เขาวิ่งและวิ่งอย่างเต็มที่ ต้องการไปให้ถึงอีเร็คให้เร็วที่สุด และในที่สุดก็ส่งหอกใส่มือของเขาได้ เขาภูมิใจที่มาถึงอีเร็คได้ก่อน

อีเร็คคว้าหอกแล้วหมุนตัวไป เตรียมเผชิญหน้ากับอัศวินอีกคน อีเร็คเป็นอัศวินที่มีเกียรติ เขารอจนอีกฝ่ายได้อาวุธจึงเข้าโจมตี ธอร์รีบหลบออกมาด้านข้าง ให้พ้นทาง ไม่ต้องการทำพลาดซ้ำรอยเฟธ์โกลด์ ขณะที่ออกมา เขาลากร่างอ่อนปวกเปียกของเฟธ์โกลด์ออกมาให้พ้นอันตรายด้วย

ระหว่างที่ธอร์เฝ้าดู เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ คู่ต่อสู้ของอีเร็คคว้าหอกแล้วยกชูขึ้น แล้วจึงเริ่มเหวี่ยงลงมาด้วยท่าทางแปลก ๆ ทันใดนั้นธอร์รู้สึกว่าโลกของเขาเปลี่ยนมุมอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาสังหรณ์ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ดวงตาเขาจับจ้องที่หัวหอกของอัศวินฝ่ายแม็คคลาวด์ เมื่อเขาดูอย่างพินิจ ก็สังเกตว่ามันหลวม อัศวินคนนั้นกำลังจะใช้ปลายหอกแทนมีดซัด

ขณะที่อัศวินกำลังเหวี่ยงหอกลงมา หัวหอกก็หลุดจากที่ แหวกอากาศ หมุนคว้างพุ่งตรงไปยังหัวใจของอีเร็ค ในอีกไม่กี่วินาที อีเร็คจะต้องตาย เขาไม่มีทางทำอะไรได้ทัน เมื่อดูจากคมมีดเป็นฟันปลาแล้ว แสดงว่ามันสามารถเจาะเกราะได้

ในช่วงขณะนั้น ธอร์รู้สึกว่าทั้งตัวเขาอุ่นขึ้น และรู้สึกวูบวาบ เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในป่าดาร์ควู้ด ตอนที่เขาต่อสู้กับซีโบลด์ โลกของเขาช้าลง เขาสามารถมองเห็นปลายหอกที่กำลังหมุน เคลื่อนที่ช้าลง และรู้สึกถึงพลังงานและความร้อนที่ปะทุขึ้นในตัวเขา พลังที่เขาไม่รู้ว่ามีอยู่

ธอร์ก้าวออกไป และรู้สึกมีอำนาจกว่าหัวหอกที่กำลังพุ่งมา ในใจเขาต้องการที่จะหยุดมัน เขาต้องการให้มันหยุด เขาไม่อยากเห็นอีเร็คบาดเจ็บ โดยเฉพาะด้วยสาเหตุนี้

“ไม่!” ธอร์ตะโกน

เขาก้าวไปอีกก้าว แล้วยื่นมือออกไป หมายที่หัวหอกนั้น

มันหยุดและค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนที่จะถึงหัวใจของอีเร็คพอดี

จากนั้นจึงหล่นลงบนพื้นอย่างไม่มีพิษสง

อัศวินทั้งสองคนหันมามองธอร์ เช่นเดียวกับพระราชาทั้งสอง และเช่นเดียวกับผู้ชมนับพันคน เขารู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังจ้องมองมาที่เขา เขารู้ตัวว่าทุกคนได้เห็นสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป ทุกคนรู้ว่าเขาไม่ธรรมดา รู้ว่าเขามีพลังบางอย่าง รู้ว่าเขาเข้าไปแทรกแซงการแข่งขันและช่วยชีวิตอีเร็คไว้ และเปลี่ยนแปลงชะตาของอาณาจักร

ธอร์ยืนนิ่งอยู่กับที่ ประหลาดใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาไม่เหมือนผู้คนเหล่านี้ เขาแตกต่าง

แต่เขาคือใครกันล่ะ?

Купите 3 книги одновременно и выберите четвёртую в подарок!

Чтобы воспользоваться акцией, добавьте нужные книги в корзину. Сделать это можно на странице каждой книги, либо в общем списке:

  1. Нажмите на многоточие
    рядом с книгой
  2. Выберите пункт
    «Добавить в корзину»