Бесплатно

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Текст
0
Отзывы
iOSAndroidWindows Phone
Куда отправить ссылку на приложение?
Не закрывайте это окно, пока не введёте код в мобильном устройстве
ПовторитьСсылка отправлена
Отметить прочитанной
Шрифт:Меньше АаБольше Аа

ธอร์เงยหน้ามอง รู้สึกงุนงงและสับสน โลกหมุนไปหมด เจ้าสัตว์ประหลาดดึงดาบออกจากท้องของมัน ดาบดูเล็กจิ๋วเมื่ออยู่ในมือมัน เหมือนเป็นไม้จิ้มฟัน และมันก็เหวี่ยงดาบกระเด็นลอยเข้าไปในป่า กระแทกกิ่งไม้หักและหายเข้าไปในดงไม้

มันหันมาสนใจธอร์อย่างเต็มที่และเริ่มจัดการเขา

เอลเด็นยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความกลัว แต่เมื่อสัตว์ร้ายพุ่งเข้าใส่ธอร์ จู่ ๆ เอลเด็นก็มีปฏิกิริยา เขาโจมตีมันจากด้านหลัง กระโดดขึ้นหลังมัน ซึ่งนั่นช่วยทำให้มันช้าลง พอที่ธอร์จะลุกขึ้นนั่ง สัตว์ประหลาดโกรธเกรี้ยว มันเหวี่ยงแขนไปด้านหลังแล้วโยนเอลเด็นกระเด็นไป เขาลอยข้ามที่โล่ง กระแทกเข้ากับต้นไม้ แล้วหล่นกระแทกพื้น

สัตว์ประหลาดยังมีเลือดไหล หอบหายใจอย่างหนัก มันหันกลับมาหาธอร์ คำรามและแยกเขี้ยวขณะเดินเข้าใกล้ธอร์

ธอร์ไม่มีทางเลือก ดาบเขาหายไปแล้ว ไม่มีอะไรจะมาขวางระหว่างเขากับเจ้าสัตว์ร้ายได้อีกมันพุ่งเข้าหาธอร์ แต่ในวินาทีสุดท้ายนั้น ธอร์สามารถกลิ้งหลบมาได้ เจ้าตัวประหลาดชนเข้ากับต้นไม้ ตรงที่ธอร์เคยอยู่อย่างแรงจนถอนราก

สัตว์ประหลาดยกเท้าขึ้นจะหยิบศีรษะธอร์ เขาสามารถกลิ้งหลบไปได้อีกครั้ง มันจึงทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นดินที่ธอร์เพิ่งหลบพ้น

ธอร์กระโจนขึ้นยืน หยิบก้อนหินใส่ในหนังสติ๊กแล้วยิง

เขายิงถูกระหว่างตาของมัน รุนแรงที่สุดที่เคยยิง มันเซไป ธอร์มั่นใจว่าเขาฆ่ามันได้

แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจ สัตว์ร้ายไม่หยุด

ธอร์พยายามที่สุดที่จะรวบรวมพละกำลัง ไม่ว่าจะเป็นพลังอะไรที่เขามี เขาพุ่งเข้าหามัน กระโจนไปข้างหน้าชนมันอย่างแรง หวังว่าจะล้มมันลงนอนกับพื้นด้วยพลังเหนือมนุษย์

แต่ธอร์ต้องตกใจ เพราะครั้งนี้ไม่มีพลังใดเกิดขึ้น เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา ตัวผอมบาง เมื่อเทียบกับขนาดมหึมาของมัน

สัตว์ประหลาดเอื้อมมือมาคว้าเอวของธอร์ แล้วยกเขาขึ้นเหนือหัว ธอร์ดิ้นรนอย่างหมดหนทางอยู่ในอากาศ แล้วมันก็เหวี่ยงเขาลอยไปเหมือนก้อนหินข้ามที่โล่งไปกระแทกกับต้นไม้

ธอร์นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น ตะลึงงัน หัวแตก ซี่โครงร้าว สัตว์ร้ายวิ่งตรงมาหาเขา ธอร์รู้ว่าครั้งนี้เขาคงถูกมันจัดการ มันยกเท้าสีแดงของมัน เตรียมจะกระทืบลงบนหัวธอร์ และเขาเตรียมตัวที่จะตาย

แต่แล้วก็เกิดบางอย่าง เจ้าสัตว์ประหลาดแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ ธอร์กระพริบตา พยายามหาเหตุผล

สัตว์ประหลาดยกมือขึ้นกุมลำคอ ธอร์เพิ่งสังเกตเห็นหัวลูกศรโผล่ออกมาจากลำคอของมัน ครู่ต่อมา มันก็ทรุดลงและตายในที่สุด

อีเร็ควิ่งมาตรงหน้า ตามด้วยเจ้าชายรีสและโอคอนเนอร์ ธอร์เห็นอีเร็คมองลงมาที่เขา ถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาอยากจะตอบยิ่งกว่าอื่นใดทั้งหมด แต่คำพูดไม่ยอมหลุดออกมา ครู่ต่อมาเปลือกตาของเขาก็ปิดลง แล้วโลกของเขากลับมืดมิดลง

บทที่ 18

ธอร์ลืมตาช้า ๆ รู้สึกเวียนหัวในตอนแรก พยายามคิดว่าเขาอยู่ที่ไหน และพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนกองฟาง นึกสงสัยอยู่ครู่หนึ่งว่าเขากลับมาที่ค่ายทหารแล้วหรือไม่ เขายันตัวเองลุกขึ้นด้วยศอกข้างหนึ่ง ระแวดระวังมองดูไปรอบ ๆ

เขาอยู่ที่อื่น จากที่เห็นนี่ เขาอยู่ในห้องผนังหินที่สร้างอย่างประณีต ดูราวกับเขากำลังอยู่ในปราสาท ปราสาทของพระราชา

ก่อนที่เขาจะคิดออก ประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ก็เปิดออก เจ้าชายรีสเสด็จเข้ามา ธอร์ได้ยินฝูงชนดังแว่วมาจากไกล ๆ

“ในที่สุด เจ้าก็ฟื้น” เจ้าชายรีสตรัสพร้อมแย้มสรวล แล้วรีบเสด็จมาใกล้ ดึงมือธอร์ให้ลุกขึ้นยืน

ธอร์ยกมือกุมศีรษะ พยายามบรรเทาอาการปวดหัวจากการลุกขึ้นเร็วเกินไป

“มาเร็ว ไปกันเถอะ ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่” ทรงเร่งเร้าแล้วดึงธอร์

“รอเดี๋ยวก่อน ได้โปรดเถอะ” ธอร์ทูล พยายามรวบรวมตัวเอง “ข้าอยู่ที่ไหน? เกิดอะไรขึ้น?”

“เรากลับมาที่ปราสาทของพระบิดา และเจ้ากำลังจะไปฉลองการเป็นวีรษุรุษของวันนี้!” เจ้าชายรีสตรัสอย่างร่าเริง เมื่อพวกเขากำลังเดินออกประตูไป

“วีรบุรุษหรือ? ท่านหมายถึงอะไร? และ...ข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เขาทูลถาม พยายามนึก

“สัตว์ร้ายจัดการเจ้าจนสลบไป เจ้าสลบไปนานพอดู เราต้องแบกเจ้าข้ามสะพานกลับมา มันเหลือเชื่อทีเดียว นี่ไม่ใช่วิธีที่เราคิดไว้ว่าเจ้าจะใช้ข้ามกลับมาอีกฝั่ง” ทรงตรัสพลางสรวล

ทั้งสองเดินไปตามทางเดินของปราสาท และขณะที่เดินไป ธอร์เห็นผู้คนมากมายหลากหลาย ทั้งบุรุษและสตรี เด็กติดตาม ทหารยาม อัศวิน กำลังจ้องมองที่เขา ราวกับกำลังรอให้เขาฟื้นขึ้นมา เขายังได้เห็นบางอย่างแปลกใหม่ในดวงตาของคนพวกนั้น ดูเหมือนความเคารพ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมัน ก่อนหน้านี้ คนส่วนใหญ่มองเขาอย่างเหยียดหยาม แต่ตอนนี้มองเขาเหมือนเขาเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ธอร์เค้นสมอง พยายามนึก

“เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยหรือ?” เจ้าชายตรัสถาม

ธอร์พยายามคิด

“ข้าจำได้ว่าวิ่งเข้าไปในป่า ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด แล้วจากนั้น....” เขาเริ่มคิดไม่ออก

“เจ้าช่วยชีวิตเอลเด็นไว้” เจ้าชายรีสตรัส “เจ้าวิ่งอย่างไม่เกรงกลัวเข้าไปในป่าด้วยตัวคนเดียว ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงยอมเสียพลังงานไปช่วยชีวิตเจ้านักเลงโตนั่น แต่เจ้าก็ทำ พระราชาทรงพอพระทัยอย่างยิ่งในสิ่งที่เจ้าทำ ไม่ใช่ว่าทรงห่วงใยเอลเด็น แต่เพราะทรงให้ความสำคัญกับความกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง และทรงชอบการฉลอง มันมีความสำคัญต่อพระองค์มากที่จะต้องฉลองให้กับเรื่องราวทำนองนี้ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีจากพระองค์เอง และในกองทหารยุวชน จึงทรงต้องการเฉลิมฉลอง เจ้ามาอยู่ที่นี่เพราะพระองค์จะพระราชทานรางวัลให้”

“พระราชทานรางวัลให้ข้าน่ะหรือ?” ธอร์ทูลถามอย่างโง่เง่า “แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!”

“เจ้าช่วยชีวิตเอลเด็น”

“ข้าเพียงแต่ทำไป ทำไปตามธรรมชาติ”

“นั่นแหละคือสาเหตุที่พระราชาทางอยากจะพระราชทานรางวัลให้”

ธอร์รู้สึกอาย เขาไม่คิดว่าการกระทำของเขาควรจะได้รับรางวัล นอกจากนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะอีเร็ค ธอร์ก็คงจะตายไปแล้ว เขาคิดทบทวนดูแล้วพบว่า ใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งที่มีต่ออีเร็ค เขาหวังว่าวันหนึ่งเขาจะได้ตอบแทนบ้าง

“แล้วหน้าที่ลาดตระเวนของพวกเราล่ะ?” ธอร์ทูลถาม “เราทำไม่สำเร็จ”

เจ้าชายรีสวางพระหัตถ์บนไหล่ธอร์ให้ความมั่นใจ

“เพื่อนยาก เจ้าช่วยชีวิตเด็กหนุ่มคนหนึ่งไว้ คนที่เป็นทหารในกองทหารยุวชน นั่นมันสำคัญกว่าหน้าที่ลาดตระเวน” เจ้าชายทรงหัวเราะ “สำคัญกว่าการลาดตระเวนครั้งแรกธรรมดา ๆ นั่นมากมาย” ทรงตรัสเสริม

ตรงปลายทางเดินอีกแห่งมีทหารยามสองนายเปิดประตูให้ ธอร์กระพริบตาและพบว่าตัวเองอยู่ในท้องพระโรง มีอัศวันนับร้อยคนยืนอยู่ในนั้น ภายในท้องพระโรงหลังคาโค้งสูง มีหน้าต่างกระจกสี อาวุธและชุดเกราะแขวนอยู่ตามผนัง เหมือนเป็นถ้วยรางวัล เหมือนเป็นหอยุทโธปกรณ์ เป็นสถานที่ที่เหล่านักรบผู้ยิ่งใหญ่ ทหารทุกนายจากกองรบเงินมาพบกัน ธอร์ใจเต้นเร็ว ขณะมองสำรวจผนังทุกด้าน มีอาวุธที่มีชื่อเสียง เกราะของวีรบุรุษและอัศวินในตำนาน เขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับที่นี่มาตลอดชีวิต มันเป็นความฝันของเขาที่อยากจะเห็นที่นี่สักวันหนึ่ง ปกติแล้วไม่มีเด็กติดตามคนใดได้รับอนุญาตให้เข้ามา และไม่ว่าใครก็ตาม เว้นแต่กองรบเงิน

เขายิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเดินเข้าไป อัศวินทั้งหลายหันมามองที่เขา... เขา...มองมาจากทุกด้าน ด้วยสายตาชื่นชม ธอร์ไม่เคยเห็นอัศวินมากมายขนาดนี้ในห้องเดียวกัน และไม่เคยรู้สึกได้รับการยอมรับแบบนี้ เหมือนกำลังเดินเข้าไปในความฝัน โดยเฉพาะเมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ที่เขาเพิ่งสลบไป

เจ้าชายรีสคงจะสังเกตเห็นสีหน้าตะลึงงันของธอร์

“นักรบที่เก่งที่สุดของกองรบเงินมารวมกันที่นี่เพื่อให้เกียรติแก่เจ้า”

ธอร์รู้สึกภาคภูมิใจและไม่อยากเชื่อ “ให้เกียรติข้าอย่างนั้นหรือ? แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ผิดแล้ว” มีเสียงเอ่ยขึ้น

ธอร์หันมาและรู้สึกถึงฝ่ามือหนัก ๆ บนบ่า เห็นอีเร็คมองลงมา พลางยิ้มให้

“เจ้าแสดงความองอาจ กล้าหาญ และเกียรติยศ เกินกว่าที่ใครคิดว่าเจ้ามี เจ้าเกือบสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยหนึ่งในพี่น้องของเจ้า นั่นเป็นสิ่งที่เรามองหาในกองทหารยุวชน และนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการในกองรบเงิน”

“ท่านต่างหากที่ช่วยชีวิตข้า” ธอร์บอกอีเร็ค “หากไม่มีท่าน เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นคงฆ่าข้าแล้ว ข้าไม่รู้จะขอบคุณท่านอย่างไรดี”

อีเร็คยิ้มให้

“เจ้าได้ทำแล้ว” เขาตอบ “จำที่การประลองไม่ได้หรือ? ข้าว่าเราเสมอกันแล้วนะ”

ธอร์เดินไปตามทาง มุ่งไปยังบัลลังก์ของพระราชา ที่อยู่อีกด้านของท้องพระโรง โดยมีเจ้าชายรีสและอีเร็คขนาบข้าง เขารู้สึกว่ามีดวงตานับร้อยคู่จ้องมอง มันช่างเหมือนความฝัน

คณะที่ปรึกษาหลายสิบคนยืนเฝ้าอยู่รอบพระราชา พร้อมด้วยโอรสองค์โต เจ้าชายเคนดริค เมื่อธอร์ก้าวเข้าไปใกล้ หัวใจเขาพองโตด้วยความภาคภูมิใจ เขาแทบไม่เชื่อว่าพระราชาจะทรงอนุญาตให้เขาเข้าเฝ้าอีกครั้ง และยังมีบุคคลสำคัญมากมายมาร่วมเป็นสักขีพยาน

พวกเขาเดินมาถึงหน้าบัลลังก์ ราชาแม็คกิลทรงประทับยืนขึ้น เสียงในห้องเงียบลง พระพักตร์เรียบเฉยของพระราชากลายเป็นแย้มสรวลกว้าง ทรงก้าวเข้ามาสามก้าว และทรงทำให้ธอร์ประหลาดใจ เมื่อทรงสวมกอดเขา

มีเสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นทั่วท้องพระโรง

พระราชาทรงถอยห่าง และจับบ่าธอร์ไว้แน่น พลางแย้มสรวล

“เจ้ารับใช้กองทหารยุวชนได้ดีมาก” ทรงตรัส

มหาดเล็กเชิญแก้วมาถวายให้ ซึ่งพระราชาทรงยกขึ้น และตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงอันดังว่า

“แด่ความกล้าหาญ!”

“แด่ความกล้าหาญ!” หลายร้อยคนในท้องพระโรงตะโกนขึ้นพร้อมกัน แล้วตามด้วยเสียงพึมพำอย่างตื่นเต้น ก่อนจะเงียบลงอีกครั้ง

“เพื่อเป็นเกียรติแก่วีรกรรมอันกล้าหาญของเจ้าในวันนี้” พระราชาทรงประกาศก้อง “ข้าขอมอบของกำนัลอันสูงค่าให้เจ้า”

พระราชาทรงโบกพระหัตถ์ ชายคนหนึ่งสวมถุงมือยาวสีดำ ที่มีเหยี่ยวสวยสง่าตัวหนึ่งเกาะอยู่ ก้าวมาข้างหน้า มันหันมามองธอร์ ราวกับรู้จักเขา

นั่นทำให้ธอร์ใจหายวาบ มันเป็นเหยี่ยวตัวเดียวกับที่เขาเห็นในความฝัน มีลำตัวสีเงินและแถบสีดำพาดลงมากลางหน้าผาก

“เหยี่ยวเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรเรา และเป็นตราประจำราชวงศ์” ราชาแม็คกิลตรัส “มันเป็นนกล่าเหยื่อ เป็นนกแห่งความภาคภูมิและเกียรติยศ และมันยังเป็นนกที่มีความฉลาดหลักแหลม จงรักภักดีและดุร้าย มันทะยานอยู่เหนือสัตว์อื่นทั้งปวง และยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ มีคำกล่าวว่าผู้ที่ได้ครอบครองเหยี่ยว ก็ถูกมันครอบครองเช่นกัน มันจะนำทางเจ้าในทุก ๆ เรื่อง แม้มันจะจากเจ้าไป แต่มันจะกลับมาหาเสมอ และตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว”

คนฝึกเหยี่ยวก้าวมา ใส่ถุงมือห่วงโซ่ลงที่มือและข้อมือของธอร์ จากนั้นจึงวางนกลงบนนั้น ธอร์รู้สึก

ขนลุกเมื่อมีมันเกาะอยู่บนแขน เขาแทบไม่ขยับตัว รู้สึกตกใจกับน้ำหนักของมัน เขาต้องพยายามฝืนให้นิ่ง เมื่อเหยี่ยวขยับไปมาอยู่บนข้อมือ เขารู้สึกว่ากรงเล็บของมันจิกลงไป โชคดีที่เขารู้สึกเพียงแรงกดเพราะมีถุงมือป้องกันไว้ เหยี่ยวหันมามองเขาอีกครั้งแล้วร้องเสียงแหลม ธอร์รู้สึกเหมือนมันจ้องเข้ามาในดวงตาของเขา ซึ่งเขารู้สึกเชื่อมโยงกับเจ้าสัตว์ตัวนี้อย่างประหลาด เขารู้ว่ามันจะอยู่กับเขาไปตลอดอายุของเขา

“เจ้าจะตั้งชื่อมันว่าอะไร?” พระราชาตรัสถาม ในความเงียบสนิท

ธอร์เค้นสมองที่ดูเหมือนจะแข็งชาไม่ทำงาน

เขาพยายามคิดอย่างเร็ว พยายามนึกชื่อนักรบที่มีชื่อเสียงของอาณาจักรอยู่ในใจ เขาหันไปสำรวจบนผนัง เห็นแผ่นฝ้ายสลักชื่อการรบ และสถานที่ทุกแห่งทั่วอาณาจักร ดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่สถานที่พิเศษแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ในอาณาจักรวงแหวนที่เขาไม่เคยไป แต่ได้ยินเรื่องราวความลึกลับ ทรงพลังของสถานที่นี้มาเสมอ มันดูเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับเขา

 

“ข้าของเรียกมันว่า เอสโตฟีลีส” ธอร์ประกาศ

“เอสโตฟีลีส!” มวลชนกล่าวตามด้วยความความยินดี

เหยี่ยวร้องเสียงแหลมราวกับตอบรับ

ทันใดนั้น เอสโตฟีลีสก็กางปีกออกแล้วบินสูงขึ้นไปยังโดมหลังคาสูงเบื้องบน แล้วออกหน้าต่างไป ธอร์มองมันบินจากไป

“ไม่ต้องห่วง” คนฝึกเหยี่ยวบอก “มันจะกลับมาหาเจ้าเสมอ”

ธอร์หันกลับไปหาพระราชา เขาไม่เคยได้รับรางวัลใดมาก่อนในชีวิต ยิ่งของสูงค่าเช่นนี้ด้วยแล้ว เขาพูดไม่ออก ไม่รู้จะแสดงความซาบซึ้งใจได้อย่างไร เขารู้สึกเต็มตื้นไปหมด

“ฝ่าบาท” เขาทูลพลางก้มศีรษะลงต่ำ “ข้าไม่รู้จะตอบแทนพระกรุณาอย่างไรดี”

“เจ้าได้ทำแล้ว” ราชาแม็คกิลตรัส

ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องยินดี ความตึงเครียดในท้องพระโรงสลายไป เหล่าอัศวินพูดคุยกันเรื่องจิตใจที่กล้าหาญ มีหลายคนเข้ามาหาธอร์ จนเขาไม่รู้จะหันไปทางไหนก่อนดี

“นี่ท่านอัลก็อด แห่งจังหวัดตะวันออก” เจ้าชายรีสตรัสแนะนำเขากับอัศวันคนหนึ่ง

“แล้วนี่ท่านคาเมรา จากดินแดนลุ่มต่ำ ด้านนี้ท่านบาสิโกลด์ จากป้อมปราการด้านเหนือ...”

ในไม่ช้า ชื่อต่าง ๆ ก็เริ่มเลือนราง ธอร์จำไม่ไหว เขาไม่อยากเชื่อว่าอัศวินเหล่านี้อยากจะพบเขา ธอร์ไม่เคยรู้สึกได้รับการยอมรับหรือได้รับเกียรติมาก่อนในชีวิต และรู้สึกว่าวันเช่นวันนี้คงจะไม่มาถึงอีก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองมีค่า

เขาหยุดคิดถึงเอสโตฟีลีสไม่ได้

ขณะที่ธอร์หมุนไปรอบ ๆ เพื่อทักทายผู้คนกับชื่อต่าง ๆ ที่ไหลหลั่งเข้ามาจนเขาจำไม่ไหว มีคนนำสารรีบเข้ามาหา เขาแทรกผ่านบรรดาอัศวิน แล้วยื่นม้วนกระดาษเล็ก ๆ ใส่ฝ่ามือของธอร์

ธอร์คลี่ออก อ่านลายมือสวยงาม เป็นระเบียบ

พบข้าที่อุทยานด้านหลัง ข้างหลังประตู

ธอร์ได้กลิ่นหอมของน้ำหอมฟุ้งจากม้วนกระดาษสีชมพูนี้ และประหลาดใจว่าใครเป็นคนส่งมันมาให้เขา เพราะไม่ได้ลงชื่อผู้ส่งไว้

เจ้าชายรีสชะโงกมาดู อ่านข้อความข้ามไหล่เขาแล้วทรงพระสรวล

“ดูเหมือนพี่สาวของข้าจะพึงใจในตัวเจ้า” ตรัสพลางแย้มสรวล “ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไปนะ นางไม่ชอบถูกทิ้งให้รอ”

ธอร์รู้สึกหน้าร้อน

“อุทยานด้านหลังอยู่หลังประตูพวกนั้น รีบไปสิ นางมีชื่อเสียงเรื่องเปลี่ยนใจเร็วนะ” เจ้าชายรีสแย้มสรวลขณะทรงมองมาที่เขา “และข้ายินดีที่จะมีเจ้าอยู่ในครอบครัว”

บทที่ 19

ธอร์พยายามไปตามทางที่เจ้าชายรีสตรัสบอก โดยฝ่าฝูงชนที่แน่นขนัดในปราสาทไป ซึ่งไม่ง่ายเลย ปราสาทนี้มีทางเลี้ยวทางแยกมากมายเกินไป มีประตูลับมากเกินไป และทางเดินยาวมากเกินไป ซึ่งดูเหมือนจะนำไปสู่ทางเดินยาวด้านอื่น ๆ อีก

เขานึกถึงเส้นทางที่เจ้าชายบอก ขณะลงบันไดเล็ก ๆ อีกแห่ง แล้วเลี้ยวไปตามทางเดินอีกด้าน และในที่สุดก็หยุดลงตรงหน้าประตูโค้งเล็ก ๆ ซึ่งมีที่จับประตูสีแดงตามที่เจ้าชายรีสตรัสบอกไว้ แล้วผลักมันเปิดออก

ธอร์รีบออกไปด้านนอก พบกับแสงแดดแรงจ้าของฤดูร้อน มันช่างรู้สึกดีที่ได้ออกมาข้างนอกนี่ ออกมาจากความแออัดด้านในปราสาท ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ มีแสงแดดโลมไล้ใบหน้า เขาหรี่ตาเพื่อปรับแสงและมองภาพตรงหน้า เห็นอุทยานหลวงกว้างสุดลูกหูลูกตา พุ่มไม้ตัดเล็มสวยงามเป็นรูปทรงต่าง ๆ เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ มีสายลมเย็นพัดผ่าน มีน้ำพุ ต้นไม้แปลกตา สวนผลไม้ที่สุกในช่วงต้นฤดูร้อน และทุ่งดอกไม้หลายขนาดหลายแบบและสีสัน ภาพที่เห็นทำให้เขาลืมหายใจ เหมือนกำลังเดินไปในภาพวาด

ธอร์มองหาเจ้าหญิงเกว็นโดลิน ใจเขาเต้นรัวเร็ว อุทยานด้านหลังนี้ว่างเปล่าคงจะสงวนไว้เฉพาะราชวงศ์ ถูกบดบังจากภายนอกด้วยกำแพงหินสูง เขามองหาไปทุกที่ แต่ก็ไม่พบเจ้าหญิง

เขาสงสัยว่าข้อความนั้นอาจจะเป็นเรื่องหลอกลวง นางอาจจะต้องการล้อหนุ่มบ้านนอกอย่างเขาเล่น อาจจะหาเรื่องสนุกจากความอับอายของเขา เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์เช่นนางจะมาสนใจคนอย่างเขาจริง ๆ ได้อย่างไร?

ธอร์ก้มลงอ่านข้อความอีกครั้ง แล้วม้วนเก็บด้วยความอาย เขาคงจะถูกหลอก เขาช่างโง่เง่าที่เชื่อว่าจะมีความหวัง ธอร์รู้สึกเจ็บร้าวลึก

เขาหันหลังเตรียมจะกลับไปยังปราสาท คอตก แต่ขณะที่เอื้อมมือไปผลักประตู ก็ได้ยินเสียงดังขึ้น

“นั่นเจ้าจะไปไหน?” เสียงร่าเริงกล่าวขึ้น มันเหมือนกับเสียงเพลงไพเราะของสกุณา

ธอร์สงสัยว่าเขาจินตนาการไปเองหรือไม่ เขาหมุนตัวกลับมา มองหา และเห็นนางอยู่ตรงนั้น ประทับนั่งอยู่ใต้เงากำแพง เจ้าหญิงแย้มสรวลให้ ทรงฉลองพระองค์ชุดผ้าซาตินสีขาวแต่งริมด้วยสีชมพูงดงาม นางทรงสิริโฉมยิ่งกว่าที่เขาเคยจำได้

นางนั่นเอง เจ้าหญิงเกว็นโดลิน ผู้ที่เขาเฝ้าฝันถึงมาตลอดนับตั้งแต่ได้พบกัน นางผู้มีดวงเนตรยาวรี

สีฟ้าและพระเกศาสีแดงดั่งผลสตรอเบอรี่ และรอยแย้มสรวลที่จุดไฟสว่างให้หัวใจของเขา เจ้าหญิงทรง

พระมาลาสีขาวชมพู กันแสงแดด พระเนตรเป็นประกาย ช่วงเวลานั้นเขารู้สึกอยากจะหันไปรอบ ๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีคนอื่นยืนอยู่ตรงนั้นอีก นอกจากเขา

“เอ่อ...” ธอร์เริ่ม “ข้า...เอ่อ...ไม่รู้..ข้า...เอ่อ...กำลังจะเข้าไปข้างใน”

เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกว่าตัวเองประหม่าเมื่ออยู่ใกล้นาง รู้สึกว่าช่างยากที่จะรวบรวมความคิดและพูดจาให้ชัดถ้อยชัดคำ

เจ้าหญิงทรงพระสรวล เป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดที่เขาเคยได้ยิน

“แล้วทำไมเจ้าถึงจะทำเช่นนั้นล่ะ?” นางตรัสถามอย่างล้อเลียน “เจ้าเพิ่งมาถึงเอง”

ธอร์หน้าแดง พูดไม่ออก

“ข้า...เอ่อ...ไม่เห็นท่าน” เขาบอกอย่างอาย ๆ

เจ้าหญิงทรงพระสรวลขึ้นอีกครั้ง

“เอาล่ะ ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าจะไม่มาหาตรงนี้และช่วยพยุงข้าหน่อยหรือ?”

พระนางยื่นหัตถ์ขึ้นข้างหนึ่ง ธอร์รีบเดินเข้าไปหาและเอื้อมมือไปฉุดพระหัตถ์ เขารู้สึกเหมือนถูกไฟดูดเมื่อได้สัมผัสผิวเรียบลื่นบอบบางของพระนาง หัตถ์บอบบางช่างพอเหมาะพอดีกับมือของเขา เจ้าหญิงทอดเนตรมองเขาและปล่อยพระหัตถ์ไว้เช่นนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะประทับยืนขึ้นช้า ๆ ธอร์พอใจกับสัมผัสของปลายนิ้วที่อยู่ในฝ่ามือของเขาและหวังว่านางจะไม่ดึงกลับไป

เจ้าหญิงดึงพระหัตถ์ออกแล้วทรงคล้องแขนเข้ากับเขา แล้วดำเนินไป นำเขาไปตามทางเส้นทางที่มีสายลมพัดเย็น ทั้งสองเดินไปตามทางเล็ก ๆ โรยด้วยกรวด ในไม่ช้าก็เข้าไปในพุ่มไม้เขาวงกต ที่ช่วยบดบังสายตาจากภายนอก

ธอร์รู้สึกกังวล อาจจะเป็นเพราะเขา ซึ่งเป็นสามัญชน อาจจะมีปัญหาที่มาเดินอยู่แบบนี้กับธิดาของพระราชา เขารู้สึกว่าเหงื่อออกตรงหน้าผาก ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะความร้อนหรือเพราะสัมผัสของเจ้าหญิง

เขาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี

“เจ้าทำให้ผู้คนตื่นเต้นกันน่าดูเลยสินะ?” นางตรัสถามพลางแย้มสรวล ธอร์รู้สึกขอบคุณที่นางเป็นผู้ทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดนี้ลง

เขายักไหล่ “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

เจ้าหญิงทรงพระสรวล “แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ได้ตั้งใจล่ะ? ไม่ดีหรอกหรือการทำให้เกิดเรื่องตื่นเต้น?

ธอร์นิ่งอึ้ง เขาไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร ดูราวกับเขามักจะพูดผิดเสมอ

“ยังไงที่นี่ก็น่าเบื่อออก” ทรงตรัส “ดีแล้วที่มีคนใหม่ ๆ พระบิดาของข้าดูจะทรงโปรดปรานเจ้ามาก เช่นเดียวกับพี่น้องของข้า”

“เอ่อ...ขอบพระทัย” ธอร์ทูลตอบ

เขาเตะตัวเองแดดิ้นอยู่ภายใน เขารู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรมากกว่านั้น และเขาอยากจะพูด เพียงแต่เขาไม่รู้จะพูดอะไรเท่านั้น

“ท่าน...” เขาเริ่ม พยายามเค้นสมองหาคำพูดที่เหมาะ ๆ “ทรงโปรดที่นี่หรือไม่?”

เจ้าหญิงทรงพระสรวล

“ข้าชอบที่นี่ไหมหรือ?” ทรงตรัสถาม “ก็ควรต้องอย่างนั้นกระมัง ข้าอยู่ที่นี่นี่!”

เจ้าหญิงทรงพระสรวลอีก ขณะที่ธอร์รู้สึกตัวเองหน้าแดงยิ่งขึ้น เขารู้สึกว่าเขาทำเสียเรื่องจริง ๆ แต่เขาไม่ได้เติบโตมาใกล้ชิดกับสตรี และไม่เคยมีคู่รักในหมู่บ้าน จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเจ้าหญิง เขาจะทูลถามอะไรได้? ท่านมาจากไหนหรือ? เขาก็รู้อยู่แล้วว่าทรงมาจากที่ไหน เขาเริ่มสงสัยว่าทำไมเจ้าหญิงถึงมาวุ่นวายกับเขา เพียงเพื่อความบันเทิงของนางเท่านั้นหรือไม่?

“ทำไมถึงทรงชอบข้า?” เขาทูลถาม

เจ้าหญิงทอดเนตรมองเขา แล้วทำเสียงประหลาด

“เจ้านี่ช่างอวดดี” ทรงพระสรวล “ใครบอกกันว่าข้าชอบเจ้า?” ตรัสถามพร้อมแย้มสรวลกว้าง เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งที่เขาพูดทำให้ทรงสำราญ

ตอนนี้ธอร์รู้สึกราวกับเขาถลำลึกลงไปในปัญหายิ่งขึ้น

“ข้าเสียใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดเช่นนั้น ข้าเพียงแต่สงสัย ข้าหมายถึง...เอ่อ...ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ชอบข้า”

เจ้าหญิงทรงพระสรวลดังขึ้น

“เจ้าช่างตลกจริง คงต้องยอมเจ้าละ ข้าขอเดาว่าเจ้าไม่เคยมีคนรักมาก่อน ใช่ไหม?”

ธอร์ก้มหน้าแล้วส่ายศีรษะอย่างอับอาย

“และข้าขอเดาว่าเจ้าไม่มีพี่น้องผู้หญิง?” ทรงถามต่อ

ธอร์ส่ายศีรษะอีก

“ข้ามีพี่ชายสามคน” เขาโพล่งออกไป อย่างน้อยในที่สุดเขาก็สามารถหาเรื่องพูดได้เป็นปกติ

“อย่างนั้นหรือ?” ตรัสถาม “แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน? ที่หมู่บ้านของเจ้าหรือ?”

ธอร์สั่นศีรษะ “หามิได้ พวกเขาอยู่ที่นี่ ที่กองทหารยุวชน กับข้า”

“นั่นคงจะช่วยให้สบายใจสินะ”

ธอร์สั่นศีรษะ

“ไม่เลย พวกเขาไม่ชอบข้า พวกเขาไม่ได้อยากให้ข้ามาที่นี่”

เป็นครั้งแรกที่รอยแย้มสรวลจางหายไป

“แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่ชอบเจ้าล่ะ?” ทรงถามอย่างตระหนก “พี่ ๆ ของเจ้าเองนะ?”

ธอร์ยักไหล่ “ข้าเองก็อยากจะรู้”

ทั้งสองเดินไปเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จนเขาเริ่มกลัวว่าเขาได้ทำลายบรรยากาศชื่นมื่นลง

“อย่าทรงห่วง เรื่องนี้ไม่ได้กวนใจข้าเลย มันเป็นเช่นนี้มาตลอด ที่จริงแล้วข้าได้พบเพื่อนแท้ที่นี่ ดีกว่าเพื่อนที่ข้าเคยมี”

“น้องชายของข้า? รีสหรือ?” ตรัสถาม

ธอร์พยักหน้า

“รีสเป็นคนดี” นางตรัส “เขาเป็นคนโปรดของข้าในบางเรื่อง ข้ามีพี่น้องผู้ชายสี่คน เจ้ารู้ไหม พี่น้องแท้ ๆ สามคน และไม่ใช่หนึ่งคน พี่ชายคนโตเป็นบุตรของพระบิดากับสตรีอื่น เป็นพี่ชายร่วมบิดาของข้า เจ้ารู้จักเขาไหม เขาชื่อเคนดริค?”

ธอร์พยักหน้า “ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าชายเคนดริคอย่างใหญ่หลวง ต้องขอบคุณเจ้าชายที่ทำให้ข้าได้มีที่ยืนในกองทหารยุวชน ทรงเป็นบุรุษที่ดีมาก”

“ถูกแล้ว เขาเป็นคนดีที่สุดคนหนึ่งในอาณาจักร ข้ารักเขามากเท่ากับพี่น้องแท้ ๆ แล้วก็รีส ที่ข้ารักไม่แพ้กัน ส่วนอีกสองคน...เอ่อ...เจ้าก็รู้ว่าครอบครัวเป็นยังไง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้ากันได้หมด บางครั้งข้าก็สงสัยว่าพวกเราทั้งหมดกำเนิดจากบุคคลคนเดียวกันได้อย่างไร”

ตอนนี้เป็นคราวที่ธอร์อยากรู้อยากเห็นบ้าง เขาอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าชายอีกสององค์มากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหญิงและทั้งสอง ทำไมถึงทรงไม่สนิทสนมกัน เขาอยากจะทูลถาม แต่ก็ไม่อยากจะสอดรู้ และดูเหมือนเจ้าหญิงก็จะไม่อยากเล่าด้วย นางดูเป็นคนที่มีความสุข คนที่สนใจแต่เรื่องที่มีความสุข

เมื่อทั้งสองเดินผ่านเส้นทางในเขาวงกต อุทยานก็เปิดไปสู่อุทยานอีกแห่ง ที่สนามหญ้าตัดเล็มเรียบร้อยและออกแบบเป็นรูปทรงต่าง ๆ เหมือนเป็นกระดานขนาดยักษ์ของเกมบางอย่าง แผ่กว้างไปอย่างน้อยห้าสิบฟุตทุกทิศทาง มีชิ้นไม้ขนาดใหญ่ สูงกว่าตัวธอร์ วางกระจายอยู่

เจ้าหญิงเกว็นทรงร้องขึ้นอย่างยินดี

“เจ้าเล่นไหม?” ตรัสถาม

“มันคืออะไรกัน?” เขาทูลถาม

เจ้าหญิงทรงหันมา เบิกเนตรโตด้วยความประหลาดพระทัย

“เจ้าไม่เคยเล่นแร็คส์หรือ?” นางตรัสถาม

ธอร์ส่ายศีรษะอย่างอาย ๆ รู้สึกว่าตัวเองบ้านนอกยิ่งกว่าเคย

“มันเป็นเกมที่ดีที่สุด!” ทรงตรัสอย่างตื่นเต้น

เจ้าหญิงทรงจับมือทั้งสองข้างของธอร์ แล้วดึงเขาไปยังสนาม พลางกระโดดอย่างยินดี เขาอดยิ้มไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งกว่าสนามนี้ ยิ่งกว่าสถานที่สวยงามแห่งนี้ มันคือความรู้สึกถึงพระหัตถ์บนมือของเขา ที่ทำให้เขาเกิดอาการวูบวาบ ความรู้สึกเป็นที่ต้องการ เจ้าหญิงเกว็นต้องการให้เขาไปด้วย นางต้องการใช้เวลากับเขา ทำไมใครจะต้องสนใจเขา? โดยเฉพาะบางคนเช่นเจ้าหญิง? เขารู้สึกราวกับว่าเป็นความฝัน

“มายืนตรงนี้” ทรงตรัสบอก “ด้านหลังชิ้นไม้นี่ เจ้าต้องขยับมัน และต้องทำภายในสิบวินาที”

“ทรงหมายความว่าอย่างไร ที่ว่าขยับมัน?” ธอร์ทูลถาม

ธอร์หยิบแท่งไม้ขนาดยักษ์แล้วก็ต้องประหลาดใจกับน้ำหนักของมัน เขายกมันไปหลายก้าว แล้ววางลงที่อีกช่อง

เจ้าหญิงเกว็นผลักแท่งไม้ของพระองค์ มันกระแทกกับแท่งไม้ของธอร์ แล้วล้มลงบนพื้น”

เจ้าหญิงทรงร้องอย่างยินดี

“เลือกได้แย่มาก!” ตรัสบอก “เจ้าเข้ามาขวางทางของข้าพอดี! เจ้าแพ้แล้ว”

ธอร์มองดูแท่งไม้สองชิ้นบนพื้นด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจเกมนี้เอาเลย

เจ้าหญิงทรงพระสรวล แล้วคล้องแขนพาเขาเดินต่อไปตามทาง

“อย่ากังวลไปเลย ข้าจะสอนเจ้าเอง” นางตรัสบอก

ใจเขาพองโตเมื่อได้ยิน นางจะทรงสอนเขาเอง ทรงอยากพบเขาอีก เพื่อที่จะได้ใช้เวลาร่วมกัน นี่เขาฝันไปเองหรือเปล่า?

“บอกข้าหน่อย เจ้าคิดยังไงกับที่นี่?” ตรัสถาม ขณะพาเขาไปยังเขาวงกตอีกแห่ง เขาวงกตนี้ตกแต่งด้วยดอกไม้สูงแปดฟุต หลายสีสัน มีแมลงแปลกตาบินดอมดม

“เป็นสถานที่ที่สวยที่สุดที่ข้าเคยเห็น” ธอร์ทูลตอบตามความจริง

“แล้วทำไมเจ้าถึงอยากเข้าร่วมในกองทหารยุวชน?”

“มันเป็นทุกสิ่งที่ข้าฝันถึง” เขาทูลตอบ

“แต่ทำไมล่ะ?” ตรัสถาม “เพราะเจ้าอยากรับใช้พระบิดาของข้าอย่างนั้นหรือ?”

ธอร์ใคร่ครวญเรื่องนี้ เขาไม่เคยสงสัยว่าเพราะอะไร มันเป็นเช่นนั้นมาตลอด

“ใช่” ทูลตอบ “ข้าต้องการรับใช้พระราชา และอาณาจักรวงแหวน”

“แล้วเรื่องชีวิตของเจ้าล่ะ?” นางตรัสถาม “เจ้าไม่อยากมีครอบครัวหรือ? ที่ดินล่ะ? แล้วภรรยาอีก?”

เจ้าหญิงทรงหยุดเดิน แล้วหันมาทอดพระเนตรมองเขา นั่นทำให้เขารู้สึกกังวล เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าจะทูลตอบอย่างไร พระเนตรเป็นประกายของเจ้าหญิงมองตอบมาที่เขา

“เอ่อ...ข้า...ข้าไม่ทราบ ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย”

“แล้วมารดาของเจ้าว่าอย่างไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้?” ทรงถามทีเล่นทีจริง

ธอร์หุบยิ้ม

“ข้าไม่มีมารดา” เขาทูลตอบ

รอยแย้มสรวลจางหายไปอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นกับนาง?” เจ้าหญิงตรัสถาม

ธอร์กำลังจะตอบคำถาม กำลังจะเล่าทุกอย่าง นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้พูดถึงมารดาให้ใครฟัง และที่บ้าที่สุดคือเขาอยากจะเล่า เขาต้องการที่จะเปิดเผยอย่างมากกับเจ้าหญิง ซึ่งทรงเป็นคนแปลกหน้า อยากให้นางได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกที่อยู่ลึกที่สุด

แต่เมื่อเขากำลังจะอ้าปากเล่า จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง

“เกว็นโดลิน!” เสียงแหลมดังขึ้น

ทั้งคู่หันมาพบราชินี พระมารดาของเจ้าหญิงในฉลองพระองค์งดงาม พร้อมด้วยขบวนนางสนองพระโอษฐ์ เสด็จตรงมาหาเจ้าหญิง พระพักตร์บูดบึ้ง

 

ราชินีเสด็จตรงเข้ามาหาเจ้าหญิงเกว็น แล้วทรงกระชากพระกรดึงนางออกห่าง

“กลับเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้ ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร ข้าไม่ต้องการให้เจ้าพูดคุยกับมันอีก เจ้าเข้าใจที่แม่บอกไหม?”

เจ้าหญิงเกว็นพักตร์แดงก่ำ จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นความกริ้วและทิฐิ

“ปล่อยข้า” ทรงตะโกนใส่พระมารดา แต่ไม่มีประโยชน์ ราชินีทรงฉุดลากธิดาจากไป แวดล้อมไปด้วยบรรดานางสนองพระโอษฐ์

“ข้าบอกให้ปล่อยข้า!” เจ้าหญิงตะโกนอีก มองกลับมาที่ธอร์ด้วยสายตาเศร้าสร้อยและสิ้นหวัง อย่างวิงวอน

ธอร์เข้าใจความรู้สึก เขาเองก็เคยรู้สึกแบบนี้ เขาอยากจะตะโกนเรียกนาง ธอร์รู้สึกหัวใจสลายขณะมองนางถูกฉุดกระชากจากไป มันเหมือนกำลังมองดูอนาคตถูกพรากไปจากเขาต่อหน้าต่อตา

เขายืนอยู่อย่างนั้นอีกนานหลังจากที่เจ้าหญิงถูกพาหายไปจากสายตา ยืนนิ่งลืมหายใจอยู่ตรงนั้น เขาไม่อยากจากไป ไม่อยากลืมเรื่องทั้งหมดนี้

เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่อยากคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้พบนางอีก

*

ขณะที่ธอร์เดินช้า ๆ กลับไปที่ปราสาท ยังคงคิดทบทวนการได้พบกับเจ้าหญิง เขาแทบไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง จิตใจเฝ้าครุ่นคิดถึงแต่นาง เขาไม่อาจหยุดคิดถึงพระพักตร์ นางช่างทรงสิริโฉม ทรงเป็นผู้ที่งดงามและจิตใจดี อ่อนหวานและอ่อนโยน น่ารักและสนุกสนานที่สุดที่เขาเคยพบ เขาอยากเจอนางอีก จริง ๆ แล้วเขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อไม่มีนางอยู่ด้วย เขาไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ และนั่นทำให้เขาหวาดกลัว ธอร์แทบจะไม่รู้จักนางเลย แต่เขารู้ว่าเขาไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีนาง

แต่พร้อมกันนั้นเขาคิดถึงภาพที่ราชินีฉุดลากนางจากไป เขารู้สึกใจหายเมื่อคิดถึงอำนาจทรงพลังที่ขวางกันอยู่ระหว่างเจ้าหญิงและเขา อำนาจที่ไม่ต้องการให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุผลบางอย่าง

ขณะที่เขาพยายามจะหาคำตอบ จู่ ๆ ก็มีมือแข็ง ๆ มาผลักที่อกอย่างแรงให้เขาหยุด

เขาเงยหน้าเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง น่าจะแก่กว่าเขาสองสามปี สูงและผอม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงที่สุดที่เขาเคยเห็น ชุดผ้าไหมสีแดงเข้ม เขียวและม่วง สวมหมวกประดับด้วยขนนก มองมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง เด็กหนุ่มดูสะโอดสะอง เอาแต่ใจ ดูน่าจะเติบโตมาบนกองเงินกองทอง มีมือนุ่มนิ่มกับคิ้วโก่งที่มองมาอย่างดูถูก

“พวกเขาเรียกข้าว่าอัลทัน” เด็กหนุ่มเอ่ย “ข้าเป็นบุตรชายของลอร์ดอัลทัน พระญาติลำดับที่หนึ่งของพระราชา เราเป็นลอร์ดของอาณาจักรมาเจ็ดร้อยปีแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ข้ามีตำแหน่งเป็นดยุค ส่วนเจ้า ตรงกันข้ามกับข้า เป็นเพียงสามัญชน” เขาบอกแทบจะพ่นคำพูดออกมา “ราชสำนักเป็นที่ของราชวงศ์ และผู้มีบรรดาศักดิ์ ไม่ใช่คนแบบเจ้า”

ธอร์ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครหรือเขาไปทำอะไรให้ขุ่นเคือง

“ท่านต้องการอะไรจากข้า?” ธอร์ถาม

อัลทันหัวเราะหยัน

“แน่นอน เจ้าคงจะไม่รู้ เจ้าคงไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม? เจ้ากล้าดียังไงถึงบุกเข้ามาที่นี่แล้วแสร้งทำเป็นพวกเดียวกับเรา!” เขาพล่ามออกมา

“ข้าไม่ได้แสร้งทำอะไร” ธอร์บอก

“นี่ ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าอาศัยจังหวะอะไรเข้ามา ข้าแค่อยากจะเตือนเจ้า ก่อนที่จะเพ้อฝันไปไกลกว่านี้ ว่าเจ้าหญิงเกว็นโดลินเป็นของข้า”

ธอร์มองกลับไปอย่างตกใจ ของเขา? เขาไม่รู้จะพูดอะไร

“การแต่งงานของเราถูกเตรียมไว้ตั้งแต่เราเกิด” อัลทันพูดต่อ “เราอายุเท่ากันและอยู่ระดับเดียวกัน

การเตรียมการต่าง ๆ กำลังเริ่มแล้ว เจ้าอย่าบังอาจคิดแม้เพียงสักแวบหนึ่งว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง”

ธอร์รู้สึกหายใจไม่ออก เขาไม่มีแม้แต่แรงจะตอบโต้

อัลทันก้าวเข้ามาใกล้ และมองลงมา

“รู้ไหม” เขาพูดเสียงแผ่ว “ข้ายอมให้เจ้าหญิงหว่านเสน่ห์ได้ นางทำอยู่บ่อย ๆ นางมักจะทรงสงสารสามัญชน หรือบางทีพวกคนรับใช้ นางใช้พวกนั้นเพื่อหาความบันเทิง ความสนุกสนาน เจ้าอาจจะสรุปไปว่ามีบางอย่างมากกว่านั้น แต่ทั้งหมดแล้ว สำหรับเจ้าหญิงเกว็น เจ้าก็เป็นแค่คนรู้จัก เป็นความบันเทิงอีกอย่าง นางสะสมพวกเขาเหมือนกับตุ๊กตา พวกเขาไม่มีความหมายอะไรกับนางหรอก เจ้าหญิงมักจะตื่นเต้นกับสามัญชนหน้าใหม่ แต่วันสองวันก็จะทรงเบื่อ แล้วนางก็ทิ้งเจ้าอย่างเร็ว เจ้ามันไม่มีค่าอะไรสำหรับนางเลยจริง ๆ และพอสิ้นปีนางกับข้าก็จะแต่งงานอยู่ด้วยกันตลอดไป”

อัลทันเบิกตากว้าง แสดงความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่

ธอร์ใจสลายกับคำพูดของเขา มันเป็นความจริงหรือ? เขาไม่มีค่าอะไรสำหรับเจ้าหญิงเลยอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้เขาเริ่มสับสน ไม่รู้จะเชื่ออะไรดี เจ้าหญิงดูจริงใจ แต่ธอร์อาจจะด่วนสรุปไปเองหรือเปล่า?

“เจ้าโกหก” เขาพูดออกมาในที่สุด

อัลทันยิ้มเยาะ แล้วยกนิ้วที่ได้รับการดูแลอย่างดีทิ่มหน้าอกธอร์

“ถ้าข้าเห็นเจ้าเข้าใกล้เจ้าหญิงอีก ข้าจะใช้อำนาจของข้าเรียกทหารยาม ให้จับเจ้าไปขังคุก!”

“ข้อหาอะไร?” ธอร์ถาม

“ข้าไม่จำเป็นต้องมีข้อหา ข้ามีบรรดาศักดิ์ ข้าอาจจะแต่งขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง พวกเขาต้องเชื่อข้าอยู่แล้ว พอข้าใส่ร้ายเจ้าเสร็จ ครึ่งหนึ่งของอาณาจักรก็จะเชื่อว่าเจ้าเป็นอาชญากร”

อัลทันยิ้มอย่างพออกพอใจ แต่ธอร์กลับรู้สึกปั่นป่วน

“เจ้าช่างไม่มีเกียรติ” ธอร์บอก ไม่เข้าใจว่าจะมีใครแสดงความหยาบคายเช่นนั้นได้

อัลทันหัวเราะเสียงสูง

“ข้าไม่เคยมีมันอยู่แล้ว” เขาบอก “เกียรตินั้นสำหรับคนโง่ ข้าไม่เคยต้องการ เจ้าจะรักษาเกียรติของเจ้าไว้ก็ได้ แต่ข้าจะได้เจ้าหญิงเกว็นโดลิน”

Купите 3 книги одновременно и выберите четвёртую в подарок!

Чтобы воспользоваться акцией, добавьте нужные книги в корзину. Сделать это можно на странице каждой книги, либо в общем списке:

  1. Нажмите на многоточие
    рядом с книгой
  2. Выберите пункт
    «Добавить в корзину»