Бесплатно

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Текст
0
Отзывы
iOSAndroidWindows Phone
Куда отправить ссылку на приложение?
Не закрывайте это окно, пока не введёте код в мобильном устройстве
ПовторитьСсылка отправлена
Отметить прочитанной
Шрифт:Меньше АаБольше Аа

เพราะได้รับคำเตือนก่อน ธอร์จึงได้เปรียบ เขาเห็นมันใกล้เข้ามาและกระโจนหลบได้ทันในเสี้ยวนาที ตอนที่หมูป่าตัวใหญ่พุ่งเข้าใส่เขา และพลาดไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด

ภายในที่โล่งเกิดโกลาหลขึ้น หมูป่าพุ่งเข้าใส่คนอื่น ๆ อย่างโกรธเกรี้ยว ส่ายเขี้ยวไปทุกทาง แล้วมันก็ฟาดใส่โอคอนเนอร์เขี้ยวบาดเข้าที่แขนของเขา เลือดทะลักออกมาขณะที่เขายกมือขึ้นกุมแผลไว้ ร้องลั่น

มันเหมือนการพยายามสู้กับวัวกระทิง แต่ไม่มีอาวุธที่เหมาะสม เอลเด็นพยายามแทงมันด้วยหอกยาวของเขา แต่เจ้าหมูป่าส่ายหัวหลบ จัดการงับไว้ได้ด้วยปากใหญ่ของมัน และด้วยการกัดเพียงครั้งเดียวหอกก็หักเป็นสองท่อน จากนั้นเจ้าหมูป่าจึงหันมาและพุ่งเข้าใส่เอลเด็น กระแทกเขาเข้าที่ซี่โครง โชคดีของเอลเด็น เขารอดจากคมเขี้ยวไปหวุดหวิด

หมูป่าตัวนี้ไม่ยอมหยุด มันกระหายเลือดและเห็นได้ชัดว่าจะไม่ยอมจากไปจนกว่าจะสมความปรารถนา

คนอื่น ๆ รวมตัวกันแล้วเริ่มลงมือ อีเร็คและเจ้าชายเคนดริคชักดาบออกมา เช่นเดียวกับธอร์ เจ้าชายรีสและคนอื่น ๆ

พวกเขาล้อมวงกันรอบเจ้าสัตว์ร้าย แต่มันยากที่จะโจมตี โดยเฉพาะเมื่อมีเขี้ยวยาวสามฟุตของมันคอยกันไม่ให้เข้าไปใกล้ได้ มันวิ่งเป็นวงกลม ไล่กวดพวกเขาไปรอบ ๆ ที่โล่ง ขณะที่ทุกคนผลัดกันเข้าโจมตี อีเร็คทำแต้มจากการโจมตีตรง ๆ เขาฟันดาบเข้าใส่ข้างลำตัวมัน แต่เหมือนหมูป่าตัวนี้ทำจากเหล็ก เพราะมันยังวิ่งไปไม่หยุด

ตอนนั้นเองที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ชั่วแว่บหนึ่งธอร์เห็นบางอย่าง เขาหันไปมองในป่า ไกลออกไปตรงหลังต้นไม้ เขาสาบานได้ว่าเขาเห็นคนสวมเสื้อคลุมสีดำมีผ้าคลุมผมซ่อนอยู่ เขาเห็นชายคนนั้นยกคันธนูและลูกศรขึ้น และเล็งมายังที่โล่งนี้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เล็งที่หมูป่า แต่เป็นคน

ธอร์สงสัยว่าเขาเห็นมันจริง ๆ หรือไม่ พวกเขาถูกลอบโจมตีอย่างนั้นหรือ? ตรงนี้? ที่ไหนก็ไม่รู้? โดยใครกันล่ะ?

ธอร์ปล่อยให้สัญชาตญาณของเขาควบคุม เขารู้สึกว่าคนอื่นกำลังอยู่ในอันตราย และวิ่งเข้าไปช่วย เขาเห็นชายคนนั้นเล็งไปที่เจ้าชายเคนดริค

ธอร์พุ่งเข้าไปหาเจ้าชายเคนดริค แล้วกระแทกพระองค์อย่างแรงจนล้มลงบนพื้น เมื่อเขาทำเช่นนั้นลูกศรที่พุ่งออกมาก็ผ่านพวกเขาไป

ธอร์รีบมองกลับไปในป่า มองหาร่องรอยผู้โจมตี แต่เขาหายไปแล้ว

เขาไม่มีเวลาคิด เจ้าหมูป่ายังคงวิ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งไปรอบที่โล่ง ห่างจากพวกเขาไปเพียงไม่กี่ฟุต ตอนนี้มันหันมาทางพวกเขา ธอร์ไม่ทันได้ตอบโต้ เขาเตรียมรับแรงกระแทกของเขี้ยวคมขาวที่แทงทะลุเนื้อ

ครู่ต่อมามีเสียงร้องแหลมขึ้น ธอร์หันไปเห็นอีเร็คกระโจนขึ้นไปบนหลังหมูป่า ยกดาบขึ้นสูงด้วยสองมือ แล้วจ้วงแทงลงไปที่หลังคอของมัน เจ้าสัตว์ร้ายคำราม เลือดทะลักออกจากปากขณะที่มันทรุดลง แล้วล้มลงบนพื้น โดยมีอีเร็คอยู่บนหลัง มันหยุดอยู่ห่างจากธอร์ไปเพียงฟุตเดียว

ทุกคนยืนตัวแข็ง มองหน้ากัน และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

บทที่ 22

ธอร์อุ้มโครห์นใส่ไว้ในเสื้อของเขา หนวกหูเพราะเสียงดังตอนที่เจ้าชายรีสทรงเปิดประตูโรงเหล้า มีสมาชิกกองทหารยุวชนและทหารกลุ่มใหญ่คอยอยู่ แออัดกันอยู่ภายใน เสียงตะโกนโหวกเหวก ภายในโรงเหล้าทั้งแน่นและร้อน ธอร์ถูกเบียดอยู่ระหว่างพี่น้องกองทหารยุวชน แบบไหล่ชนไหล่ทันทีที่เข้าไป มันช่างเป็นวันล่าสัตว์ที่ยาวนาน และทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ ที่โรงเหล้าที่อยู่ลึกในป่า เพื่อฉลอง กองรบเงินเป็นผู้นำทางมา ซึ่งธอร์ เจ้าชายรีสและคนอื่น ๆ ก็ตามมา

ด้านหลังธอร์คือฝาแฝดคอนวอลและคอนเวน แบกของรางวัลของพวกเขา เจ้าหมูป่าซึ่งตัวใหญ่กว่าของคนอื่น ๆ ถูกมัดอยู่บนเสาที่พาดอยู่บนบ่าของทั้งสอง พวกเขาวางมันลงด้านนอกประตูโรงเหล้าก่อนที่จะเข้ามา ธอร์เหลือบไปมองเป็นครั้งสุดท้าย มันดูดุร้ายมาก จนยากที่จะเชื่อว่าพวกเขาได้ฆ่ามันจริง ๆ

ธอร์รู้สึกถึงการขยับตัวอยู่ภายในเสื้อของเขา เมื่อมองลงไปก็เห็นเจ้าโครห์นคู่หูใหม่ เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังอุ้มลูกเสือดาวขาวอยู่ มันมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกายสีฟ้าและส่งเสียงร้อง ธอร์รู้ว่ามันหิว

ธอร์แทรกตัวเข้าไปในโรงเหล้า มีอีกหลายสิบคนกำลังตามเข้ามา เขาเดินลึกเข้าไปข้างในโรงเหล้า

เล็ก ๆ ที่แน่นขนัด ข้างในนี้ต้องอุ่นกว่าข้างนอกยี่สิบองศาแน่ ๆ ยังไม่รวมถึงความชื้นอีก เขาเดินตามอีเร็คและเจ้าชายเคนดริค ขณะที่เจ้าชายรีส เอลเด็น ฝาแฝด และโอคอนเนอร์ซึ่งมีผ้าพันแขนจากแผลโดนเขี้ยวหมูป่าซึ่งเลือดหยุดไหลแล้ว เดินตามเขามา โอคอนเนอร์ดูจะตื่นตาตื่นใจมากกว่าเจ็บปวด จิตใจที่เข้มแข็งของเขากลับมาแล้ว ทั้งคณะของพวกเขากำลังเบียดแทรกลึกเข้าไปภายใน

มันแน่นจนไหล่ชนไหล่ เบียดเสียดจนแทบจะไม่มีที่หมุนตัว มีม้านั่งยาวหลายตัว และบางคนยืน ขณะที่บางคนนั่ง ร้องเพลงของขี้เหล้าและชนแก้วกับเพื่อน ๆ หรือบางคนก็กระแทกแก้วลงบนโต๊ะ มันคือบรรยากาศการฉลองที่อึกทึกครึกโครม ซึ่งธอร์ไม่เคยเห็นมาก่อน

“เป็นครั้งแรกที่เข้ามาในโรงเหล้าหรือ?” เอลเด็นถาม แทบจะต้องตะโกนเพื่อให้ได้ยิน

ธอร์พยักหน้า รู้สึกตัวเองบ้านนอกอีกครั้ง

“ข้าพนันว่าเจ้าไม่เคยดื่มเหล้าเอลมาก่อนเลยใช่ไหม?” คอนเวนถาม ตบไหล่เขาพลางหัวเราะ

“เคยสิ” ธอร์ตะโกนตอบอย่างเอาเรื่อง

แม้เขาจะหน้าแดงและหวังว่าจะไม่มีใครเห็น เพราะที่จริงแล้วเขาไม่เคยดื่มมาก่อนเลย นอกจากจิบ

เล็ก ๆ ตอนงานอภิเษก บิดาไม่เคยยอมให้มีเหล้าเอลในบ้าน และถึงเขาจะทำ เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะมีเงินจ่าย

“งั้นก็ดีแล้ว” คอนวอลตะโกน “บริกร เอาเหล้าที่แรงที่สุดมาให้พวกเรา ธอร์ที่อยู่ตรงนี้เป็นคอทองแดง!”

ฝาแฝดคนหนึ่งวางเหรียญทองลง ธอร์แปลกใจกับเงินที่ฝาแฝดพกมา นึกสงสัยว่าพวกเขามาจากครอบครัวแบบไหน เหรียญทองพวกนั้นพอเลี้ยงครอบครัวของธอร์ที่หมู่บ้านได้เป็นเดือน

ครู่ต่อมาแก้วเหล้าเอลนับสิบแก้วก็ถูกเลื่อนมาตามโต๊ะหน้าบริกร พวกเด็กหนุ่มเบียดเข้าไปหยิบมา แก้วหนึ่งถูกยัดใส่มือธอร์ มีฟองไหลหยดลงมาตามมือของเขา ช่องท้องเขาบิดเป็นเกลียวด้วยความคาดหวัง เขารู้สึกกังวล

“แด่การล่าสัตว์ของเรา!” เจ้าชายรีสตะโกน

“แด่การล่าสัตว์ของเรา!” คนอื่นพูดตาม

ธอร์ทำตามคนอื่น ๆ พยายามทำตัวเป็นธรรมชาติขณะยกของเหลวเป็นฟองขึ้นแตะริมฝีปาก เขาลองจิบและไม่ชอบรสชาติของมัน แต่เห็นคนอื่นดื่มอึกใหญ่ และไม่หยุดจนกระทั่งหมดแก้ว ธอร์รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นคนขี้ขลาด เขาบังคับตัวเองให้ดื่ม กลืนลงไปให้เร็วที่สุด จนในที่สุดก็ผ่านไปได้ครึ่งทาง เขาวางแก้วลงและไอ

คนอื่น ๆ มองเขาแล้วระเบิดหัวเราะออกมา เอลเด็นตบหลังเขา

“นี่เป็นครั้งแรกของเจ้าใช่ไหม?” เขาถาม

ธอร์หน้าแดงขณะเช็ดฟองจากริมฝีปาก โชคดีที่ก่อนที่เขาจะตอบ มีเสียงตะโกนดังขึ้นในห้อง ทุกคนหันไปเห็นนักดนตรีกำลังแทรกตัวเข้ามา พวกเขาเริ่มบรรเลงพิณและขลุ่ย มีเสียงฉาบกระทบกัน ทำให้บรรยากาศที่อึกทึกอยู่แล้วยิ่งครึกโครมยิ่งขึ้น

“น้องชายข้า!” มีเสียงดังขึ้น

ธอร์หันไปเห็นเด็กหนุ่มที่โตกว่าเขาไม่กี่ปี มีพุงเล็กน้อยแต่มีไหล่กว้าง ไม่โกนหนวด ดูคล้ายพวกเสเพล ก้าวเข้ามากอดเจ้าชายรีสไว้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ เขามาพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนที่ดูเสเพลพอ ๆ กัน

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่!” เขาบอก

“ไม่ช้าก็เร็ว ข้าควรต้องเดินตามรอยเท้าพี่ชายใช่ไหม?” เจ้าชายรีสทรงตะโกนบอกพร้อมแย้มสรวล “ธอร์ เจ้ารู้จักก็อดฟรีย์ พี่ชายข้าไหม?”

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงหันมาจับมือธอร์เขย่า ซึ่งธอร์อดสังเกตไม่ได้ว่าทรงมีพระหัตถ์นุ่ม และเต็มไปด้วยเนื้อ ไม่ใช่มือของนักรบ

“แน่นอน ข้ารู้จักคนมาใหม่” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัส และทรงเอนเข้ามาใกล้เกินไป ก่อนจะตรัสอ้อแอ้

“ทั้งอาณาจักรต่างพูดถึงเขา ข้าได้ยินว่าเป็นนักรบที่เก่ง” ทรงตรัสบอกธอร์ “แย่หน่อยนะ นั่นเป็นพรสวรรค์ที่ไม่เหมาะกับโรงเหล้า!”

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงเงยหน้า และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา โดยมีเพื่อนอีกสามคนร่วมด้วย หนึ่งในพวกนั้น คนนำหน้าซึ่งสูงกว่าคนอื่น ๆ มีพุงใหญ่ แก้มแดงเพราะการดื่ม เอนตัวมาข้างหน้าแล้ววางมือบนบ่าธอร์

“ความกล้าหาญเป็นวิถีที่ดี แต่มันส่งเจ้าไปสู่สนามรบ ทำให้เจ้าต้องเหน็บหนาว การดื่มเป็นวิถีที่ดีกว่า มันทำให้เจ้าปลอดภัยและอบอุ่น และรับรองว่าจะมีร่างอุ่น ๆ ของสตรีอยู่เคียงข้างเจ้าด้วย!”

เขาหัวเราะเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ตอนนี้บริกรวางเหล้าเอลแก้วใหม่ให้พวกเขา ธอร์หวังว่าเขาจะไม่ถูกขอให้ดื่มอีก เขารู้สึกว่าเหล้าเอลพุ่งขึ้นสมองไปแล้ว

“วันนี้เป็นการล่าสัตว์ครั้งแรกของเขา!” เจ้าชายรีสทรงตะโกนบอกเชษฐา

“เป็นยังไงบ้างล่ะ?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม “ถ้าอย่างนั้นต้องดื่มให้สักแก้วสิใช่ไหม?”

“หรือสอง!” เพื่อนตัวสูงบอก

ธอร์มองลงไปขณะที่อีกแก้วถูกยัดใส่มือ

“แด่ครั้งแรก!” เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงตะโกน

“แด่ครั้งแรก!” คนอื่นพูดตาม

“ขอให้ชีวิตของเจ้าเต็มไปด้วยครั้งแรก” คนตัวสูงบอก “ยกเว้นครั้งแรกของการสร่างเมา!”

พวกเขาพากันหัวเราะขณะที่ดื่ม

ธอร์จิบเหล้าของเขา แล้วพยายามเอาตัวรอดด้วยการลดแก้วลง แต่เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงจับได้

“เราไม่ได้ดื่มกันแบบนั้น เจ้าหนู!” เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงตะโกน แล้วก้าวมาข้างหน้า คว้าแก้วแล้วจ่อเข้าที่ปากของธอร์ คนอื่นพากันหัวเราะขณะที่ธอร์กลืนมันลงไป เขาดื่มจนหมดและทุกคนโห่ร้องยินดี

ธอร์รู้สึกเวียนหัว เขาเริ่มรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ และยากที่จะตั้งสมาธิ เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้

ธอร์รู้สึกถึงการขยับเขยื้อนในเสื้อของเขา ขณะที่โครห์นโผล่หัวออกมา

“โอ๊ะ นั่นมันอะไรกัน!” เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงตะโกนอย่างยินดี

“ลูกเสือดาว” ธอร์ทูล

“เราพบมันตอนล่าสัตว์” เจ้าชายรีสตรัส

“มันหิว” ธอร์ทูลบอก “ข้าไม่รู้จะป้อนอะไรมันดี”

“อะไรกัน เหล้าเอลไง!” ชายร่างสูงบอก

“จริงหรือ?” ธอร์ถาม “มันจะดีกับมันหรือ?”

“แน่นนอน!” เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงตะโกน “มันก็แค่ดอกฮ็อพ เจ้าหนู!”

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงจุ่มนิ้วลงไปในฟอง แล้วยื่นมาให้ โครห์นชะโงกไปเลีย มันเลียแล้วเลียอีก

“เห็นไหม มันชอบ!”

ทันใดนั้นเจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงดึงนิ้วกลับแล้วร้องออกมา ทรงยกขึ้นดูและเห็นรอยเลือด

“ฟันคมนะเจ้าตัวนี้!” ทรงตะโกนบอก แล้วคนอื่นก็พากันหัวเราะ

ธอร์เอามือลูบหัวโครห์น แล้วเอียงเหล้าเอลที่เหลือในแก้วให้มันกิน โครห์นเลียจนหมด ธอร์ตัดสินใจว่าต้องหาอาหารจริง ๆ ให้มันกิน เขาหวังว่าคอล์คจะยอมให้มันอยู่ในค่ายได้ และไม่มีใครในกองทหารยุวชนคัดค้าน

นักดนตรีเปลี่ยนเพลง มีเพื่อนของเจ้าชายก็อดฟรีย์มาเพิ่มอีกหลายคน พวกเขาร่วมกันดื่มอีกรอบ แล้วพาเจ้าชายก็อดฟรีย์กลับเข้าไปในฝูงชน

“ข้าจะมาหาใหม่ เจ้าหนุ่ม” ก่อนจะจากไปเจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสบอกเจ้าชายรีส แล้วหันมาหาธอร์ “หวังว่าเจ้าจะใช้เวลามากขึ้นในโรงเหล้านี่!”

“หวังว่าเจ้าจะใช้เวลามากขึ้นในสนามรบ” เจ้าชายเคนดริคทรงตะโกนมา

“ข้ายังสงสัยอยู่!” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ๆ แล้วเสด็จหายไปในฝูงชน

“พวกเขาฉลองกันแบบนี้เสมอหรือ?” ธอร์ทูลถามเจ้าชายรีส

“ก็อดฟรีย์น่ะหรือ? เขาอยู่ในโรงเหล้ามาตั้งแต่เดินได้ เป็นความผิดหวังของพระบิดา แต่เขาก็มีความสุขกับตัวเองดี”

“ไม่ ข้าหมายถึงพวกทหาร กองยุวชน พวกเขามาที่โรงเหล้ากันเสมอหรือ?”

เจ้าชายรีสทรงสั่นพระพักตร์

“วันนี้เป็นวันพิเศษ การล่าสัตว์ครั้งแรกและวันครีษมายัน มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ หรอก สนุกกับมันเถอะ”

 

ธอร์ยิ่งรู้สึกสับสนเมื่อมองไปรอบ ๆ ห้อง นี่มันไม่ใช่สถานที่ที่เขาอยากมา เขาอยากจะกลับไปที่ค่ายและฝึกฝน แล้วเขาก็หวนคิดถึงเจ้าหญิงเกว็นโดลินอีกครั้ง

“เจ้าเห็นเขาชัดไหม?” เจ้าชายเคนดริคตรัสถาม เมื่อทรงขยับเข้ามาใกล้ธอร์

ธอร์เงยหน้ามองอย่างงุนงง

“คนในป่า ที่ยิงลูกศรมาน่ะ?” เจ้าชายตรัสเพิ่ม

คนอื่น ๆ ขยับเข้ามาใกล้ พยายามฟังขณะที่เริ่มรู้สึกเคร่งเครียดขึ้น

ธอร์พยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก ทุกอย่างดูสับสน

“ข้าอยากให้ตัวเองเห็น” เขาทูลบอก “แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก”

“อาจจะเป็นแค่ทหารคนหนึ่ง ยิงมาทางเราโดยบังเอิญ” โอคอนเนอร์บอก

ธอร์ส่ายหน้า

“เขาไม่ได้แต่งตัวเหมือนคนอื่น เขาสวมเสื้อคลุมสีดำมีผ้าคลุมศีรษะ และเขายิงแค่ครั้งเดียว เล็งตรงมาที่เจ้าชายเคนดริค แล้วก็หายไป ข้าเสียใจ ข้าเองก็อยากจะเห็นมากกว่านี้”

เจ้าชายเคนดริคส่ายพระพักตร์ พลางพยายามคิด

“ใครกันจะอยากให้ท่านตาย?” เจ้าชายรีสตรัสถามเจ้าชายเคนดริค

“มันเป็นการลอบปลงพระชนม์หรือ?” โอคอนเนอร์ทูลถาม

เจ้าชายเคนดริคทรงยักไหล่ “เท่าที่รู้ข้าไม่เคยมีศัตรูที่ไหน”

“แต่พระบิดาทรงมีมากมาย” เจ้าชายรีสตรัส “อาจจะเป็นใครสักคนที่ต้องการฆ่าท่าน เพื่อให้กระทบถึงพระบิดา”

“หรืออาจจะมีใครต้องการกำจัดพระองค์ให้พ้นทางขึ้นสู่ราชบัลลังก์” เอลเด็นตั้งสมมุติฐาน

“แต่นั่นมันไม่จำเป็นเลย! ข้าเป็นลูกนอกสมรส! ข้าไม่มีสิทธิ์ได้ครองบัลลังก์อยู่แล้ว!”

ขณะที่ทุกคนส่ายหน้า จิบเหล้าของตัวเองพลางคิดหาสาเหตุ มีเสียงตะโกนดังขึ้นอีก แล้วทุกคนก็หันไปสนใจบันไดที่ทอดไปสู่ชั้นบน ธอร์เงยหน้ามอง เห็นสตรีหลายคนเดินออกมาที่โถงชั้นบน แล้วยืนเรียงกันที่ราวระเบียง และมองลงมาด้านล่าง พวกนางนุ่งน้อยห่มน้อย และแต่งหน้าจัด

ธอร์หน้าแดง

“เอาล่ะ สวัสดี หนุ่ม ๆ !” สตรีด้านหน้าเอ่ยขึ้น นางมีหน้าอกใหญ่และสวมชุดผ้าลูกไม้สีแดง

เสียงผู้ชายโห่ร้องขึ้น

“คืนนี้ใครอยากจะใช้เงินบ้าง?” นางถาม

เสียงผู้ชายโห่ร้องขึ้นอีก

ธอร์ตาโตด้วยความประหลาดใจ

“ที่นี่เป็นร้านนางโลมด้วยหรือ?” เขาถามขึ้น

คนอื่น ๆ หันมามองเขาแล้วนิ่งตะลึง ก่อนจะระเบิดหัวเราะกันออกมา

“พระเจ้าช่วย เจ้าช่างไม่ประสีประสาเลย” คอนวอลบอก

“อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เคยไปร้านนางโลม” คอนเวนเอ่ย

“ข้าพนันว่าเขาไม่เคยอยู่กับสตรีมาก่อน!” เอลเด็นพูด

ธอร์รู้สึกว่าทุกคนมองมาที่เขา เขารู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงเป็นตำลึง อยากจะหายตัวไปเสีย พวกเขาพูดถูก เขาไม่เคยอยู่กับสตรีมาก่อน แต่เขาจะไม่บอกอย่างนั้นหรอก ธอร์สงสัยว่ามันจะเห็นได้ชัดบนใบหน้าของเขาหรือไม่

ก่อนที่เขาจะตอบอะไร แฝดคนหนึ่งยื่นมือมาตบหลัง แล้วโยนเหรียญทองขึ้นไปให้สตรีบนบันได

“ข้าว่าเจ้ามีลูกค้าคนแรกแล้ว!” เขาตะโกน

ทั้งห้องส่งเสียงเฮ ขณะที่ธอร์ซึ่งแม้จะดึงดันขัดขืน รู้สึกว่าตัวเองถูกคนนับสิบดันไปข้างหน้า ผ่านผู้คนขึ้นไปที่บันได ขณะที่เดินไปใจเขาคิดถึงแต่เจ้าหญิงเกว็น คิดว่าเขารักนางมากเพียงใด และเขาไม่อยากจะอยู่กับคนอื่น

ธอร์อยากจะหันหลังแล้ววิ่ง แต่ดูแล้วไม่มีทางหนีได้ ผู้ชายตัวใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็นหลายสิบคนดันเขามาข้างหน้า และไม่ยอมให้ถอย ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาก็ขึ้นบันได ไปถึงชานพักแล้ว กำลังมองสตรีนางหนึ่ง ซึ่งตัวสูงกว่าเขา และใส่น้ำหอมมากเกินไป กำลังยิ้มให้ ธอร์รู้สึกเมาและนั่นยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ทั้งห้องหมุนอย่างควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกว่าอีกไม่นานเขาคงจะล้มลง

สตรีนางนั้นยื่นมือมาดึงเสื้อของธอร์ แล้วพาเขาเข้าไปในห้อง ก่อนจะกระแทกประตูปิดตามหลัง ธอร์ตั้งใจว่าจะไม่อยู่กับนาง เขาเฝ้าคิดถึงแต่เจ้าหญิงเกว็น พยายามดึงความคิดนี้ออกมา นี่ไม่ใช่วิธีที่เขาอยากให้ประสบการณ์ครั้งแรกของเขาเป็น

แต่ใจเขากลับไม่ฟัง เขาเมามากจนแทบจะมองไม่เห็น สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไป คือเขาถูกพาข้ามห้องไปยังเตียงนอนของนาง และหวังว่าเขาจะไปถึงก่อนที่จะล้มฟาดพื้น

บทที่ 23

ราชาแม็คกิลลืมพระเนตร ตื่นบรรทมด้วยเสียงทุบไม่หยุดที่ประตูห้องบรรทม และทรงไม่อยากตื่นขึ้นมาทันที พระเศียรเหมือนจะแยกออกจากกัน แสงอาทิตย์แรงกล้าส่องผ่านหน้าต่างห้องบรรทมเข้ามา ทรงรู้สึกว่าพระพักตร์ซุกอยู่ในผ้าห่มหนังแกะ ทรงสับสนและพยายามนึก พระองค์ประทับอยู่บ้าน อยู่ที่ปราสาทของพระองค์ พยายามระลึกไปถึงคืนก่อนหน้านั้น ราชาแม็คกิลทรงจำได้ว่าออกไปล่าสัตว์ แล้วจากนั้นเสด็จไปที่

โรงเหล้าในป่า และทรงดื่มมากเกินไป คงจะกลับมาได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

พระองค์ทอดพระเนตรเห็นราชินี กำลังบรรทมอยู่เคียงข้างภายใต้ผ้าห่ม และกำลังจะตื่นบรรทม

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก มีเสียงกระแทกหนวกหูของที่เคาะประตูทำจากเหล็ก

“ใครกันน่ะ?” พระนางทรงถามอย่างรำคาญ

ราชาแม็คกิลทรงสงสัยเช่นเดียวกัน ทรงจำได้แน่ว่ามีรับสั่งบอกมหาดเล็กไม่ให้ปลุก โดยเฉพาะหลังจากการไปล่าสัตว์ จะต้องมีคนชดใช้เรื่องนี้

อาจจะเป็นผู้ดูแลทรัพย์สิน ที่มีปัญหาเรื่องเงินหยุมหยิมอีก

“หยุดทุบได้แล้ว!” ราชาแม็คกิลทรงตวาดออกไปในที่สุด แล้วพลิกตัวลงจากพระแท่น ประทับนั่งโดยเท้าข้อศอกไว้บนเข่า พระหัตถ์กุมพระเศียร แล้วทรงเสยพระเกศาที่ยังไม่ได้สระและเครารก จากนั้นทรงลูบ

พระพักตร์ พยายามปลุกพระองค์เอง การล่าสัตว์และเหล้าเอล ทำให้ทรงอิดโรย พระองค์ไม่ได้ทรหดเหมือนที่เคยเป็นอีกแล้ว วันเวลาที่ผ่านไปเรียกเก็บค่าชดเชยของมัน พระองค์ทรงรู้สึกเพลีย ณ เวลานี้ทรงรู้สึกว่าจะไม่เสวยเหล้าเอลอีกต่อไป

ทรงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะผลักดันพระองค์เองให้ประทับยืนขึ้น ทรงฉลองพระองค์คลุม แล้วเสด็จข้ามห้องบรรทมไปอย่างรวดเร็ว และไปถึงประตูในที่สุด ทรงคว้าที่จับประตูทำจากเหล็กแล้วกระชากเปิดออก

บรอม แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยืนอยู่ตรงนั้น ขนาบข้างด้วยผู้ช่วยสองคน ซึ่งโค้งคำนับถวายความเคารพ แต่แม่ทัพของพระองค์กลับจ้องมองนิ่ง มีสีหน้าเคร่งขรึม พระราชาทรงเกลียดเวลาที่เขาทำสีหน้าแบบนี้

มันมักจะหมายถึงข่าวไม่ดี ช่วงเวลาแบบนี้แหละที่ทรงเกลียดการเป็นพระราชา พระองค์เพิ่งจะมีวันดี ๆ อยู่

เมื่อวานนี้เอง ทั้งการล่าสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเตือนให้ทรงหวนระลึกถึงสมัยหนุ่มที่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล โดยเฉพาะการใช้เวลายามค่ำคืนอยู่ที่โรงเหล้า แต่ตอนนี้การถูกปลุกให้ตื่นบรรทมอย่างหยาบคายนี้ทำให้ภาพมายาเกี่ยวกับความสงบสุขที่ทรงมีมลายหายไป

“ฝ่าบาท ข้าเสียใจที่ต้องปลุกจากบรรทม” บรอมทูล

“เจ้าควรจะเสียใจ” ราชาแม็คกิลทรงคำรามอย่างขุ่นเคือง “นี่ควรจะสำคัญนะ”

“สำคัญแน่” เขาทูล

ราชาแม็คกิลทรงสังเกตเห็นความจริงจังบนใบหน้าแม่ทัพ จึงทรงเหลียวมองข้ามไหล่ ไปทอดพระเนตรราชินี พระนางบรรทมหลับต่อแล้ว

พระราชาทรงทำท่าให้พวกเขาเข้ามา และทรงนำทุกคนข้ามห้องบรรทมขนาดมหึหา ไปออกที่ประตูโค้งอีกด้าน เพื่อไปยังท้องพระโรงข้าง และปิดประตูตามหลังเพื่อที่จะได้ไม่รบกวนพระนาง บางครั้งราชาแม็คกิลทรงใช้ห้องเล็กนี้ ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่กว่ายี่สิบก้าวในแต่ละด้าน มีพระเก้าอี้นั่งสบายอยู่สองสามตัว และหน้าต่างกระจกสีบานใหญ่ เวลาที่ไม่อยากเสด็จลงไปยังท้องพระโรงใหญ่

“ฝ่าบาท สายลับของเรารายงานว่าขบวนทหารของแม็คคลาวด์ขี่ม้าไปทางตะวันออก ไปยังทะเล

เฟเบียน และทหารพรานที่อยู่ทางใต้รายงานว่ามีคาราวานเรือของจักรวรรดิมุ่งหน้าไปทางเหนือ พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อพบกับพวกแม็คคลาวด์แน่นอน”

ราชาแม็คกิลทรงพยายามประมวลข้อมูล สมองของพระองค์ทำงานช้ามากเมื่ออยู่ในอาการเมา

“แล้ว?” พระองค์ทรงกระตุ้นอย่างหงุดหงิดและอ่อนเพลีย ทรงเหน็ดเหนื่อยกับการวางแผน การพิจารณาและอุบายหลบหลีกที่ไม่จบไม่สิ้นในราชสำนัก

“ถ้าพวกแม็คคลาวด์จะไปพบกับจักรวรรดิจริง ก็มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” บรอมทูลต่อ “คือร่วมกันวางแผนที่จะฝ่าหุบเขาเข้ามาและโค่นล้มอาณาจักรวงแหวน”

ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรแม่ทัพเฒ่าของพระองค์ ผู้ซึ่งร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมากว่าสามสิบปี และทรงเห็นความจริงจังอย่างยิ่งยวดในดวงตาเขา และยังทรงเห็นความหวาดกลัว ซึ่งนั่นทำให้ไม่สบายพระทัย เพราะไม่เคยเห็นว่าบรอมเกรงกลัวสิ่งใด

พระราชาค่อย ๆ ยืดองค์ขึ้นเต็มความสูง ขณะยังทรงใคร่ครวญ และหันหลังเสด็จข้ามห้องไปยังหน้าต่าง ทรงทอดพระเนตรมองดูราชสำนักเบื้องล่าง ที่ยังคงว่างเปล่าในยามเช้าตรู่ พลางครุ่นคิด พระองค์รู้มาตลอดว่าวันหนึ่ง วันเช่นวันนี้จะมาถึง เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมาเร็วเช่นนี้

“มันช่างรวดเร็ว” พระองค์ตรัส “ข้าเพิ่งยกธิดาให้เจ้าชายของพวกเขาไปไม่กี่วันนี่เอง และตอนนี้เจ้าคิดว่าพวกเขาร่วมมือกันอย่างลับ ๆ เพื่อโค่นล้มเราอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าคิดเช่นนั้น ฝ่าบาท” เขาทูลตอบอย่างจริงใจ “ข้าไม่เห็นเหตุผลอื่น สิ่งบ่งชี้ทั้งหมดคือมันเป็นการพบปะอย่างสันติ ไม่ใช่ทางทหาร”

ราชาแม็คกิลส่ายพระพักตร์ช้า ๆ

“แต่มันไม่มีเหตุผลเลย พวกเขาปล่อยให้จักรวรรดิเข้ามาไม่ได้ พวกเขาจะทำอย่างนั้นทำไม? แม้จะด้วยเหตุผลบางอย่างที่พวกเขาจัดการช่วยลดเกราะป้องกันทางฝั่งเราและเปิดทางให้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? จักรวรรดิก็จะเข้ายึดครองเขาด้วย พวกเขาก็จะไม่ปลอดภัยเหมือนกัน และแน่นอนว่าพวกเขาต้องรู้ดี”

“บางทีพวกเขาอาจจะมีข้อตกลงกัน” บรอมโต้ “พวกเขาอาจจะยอมให้จักรวรรดิเข้ามา แลกเปลี่ยนกับการโจมตีเฉพาะเราเท่านั้น แล้วแม็คคลาวด์ก็จะสามารถควบคุมอาณาจักรวงแหวน”

พระราชาส่ายพระพักตร์

“พวกแม็คคลาวด์ฉลาดมากในเรื่องแบบนี้ พวกเขามีเล่ห์เหลี่ยม และรู้ว่าจักรวรรดิไว้ใจไม่ได้”

แม่ทัพของพระองค์ยักไหล่

“บางทีพวกเขาอาจจะอยากครอบครองอาณาจักรวงแหวนจนเต็มที่ เลยตั้งใจที่จะลองเสี่ยง โดยเฉพาะตอนนี้ที่พวกเขามีพระธิดาของพระองค์เป็นราชินี”

ราชาแม็คกิลทรงคิดเรื่องนี้ พระเศียรปวดตุบ ๆ พระองค์ไม่อยากจัดการเรื่องนี้ในตอนนี้ ไม่ใช่ในยามเช้าตรู่เช่นนี้

“ถ้าอย่างนั้นท่านมีข้อเสนออย่างไร?” ทรงถามอย่างรวบรัด เบื่อหน่ายกับการคิดพิจารณา

“เราควรจะชิงลงมือก่อน ฝ่าบาท และโจมตีแม็คคลาวด์ในตอนนี้เลย”

พระราชาทรงตะลึง

“หลังจากที่ข้าเพิ่งยกธิดาให้พวกเขาในงานอภิเษกทันทีน่ะหรือ? ข้าไม่เห็นด้วย”

“ถ้าเราไม่ทำ” บรอมทูลโต้ “ก็เท่ากับเราอนุญาตให้ขุดหลุมฝังศพตัวเอง พวกเขาจะโจมตีเราอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็หลังจากนี้ และถ้าพวกเขาร่วมมือกับจักรวรรดิ เราก็จบเห่”

“พวกเขาข้ามเขตภูเขามาไม่ได้ง่าย ๆ หรอก เราควบคุมจุดแวะพักทั้งหมด มันคงจะเป็นการสังหารหมู่”

“แม้จะไม่มีเกราะ” ราชาแม็คกิลตรัส “มันก็ไม่ง่ายที่ยกขบวนทหารกว่าหนึ่งล้านนายข้ามหุบเขา หรือข้ามเขตภูเขา หรือจะโดยทางเรือ เราจะจับตาความเคลื่อนไหวไว้ล่วงหน้า เราควรจะมีคำเตือน”

พระราชาทรงคิด

“ไม่ เราจะไม่โจมตี แต่สำหรับตอนนี้ เราสามารถดำเนินการอย่างรอบคอบ เพิ่มกำลังลาดตระเวนเป็นสองเท่าในเขตภูเขา เสริมกำลังป้องกันป้อมปราการต่าง ๆ และเพิ่มสายลับเป็นสองเท่า คงเท่านี้ล่ะ”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท” บรอมทูล แล้วหันหลังรีบกลับออกไปพร้อมกับผู้ช่วย

พระราชาแม็คกิลทรงหันกลับไปยังหน้าต่าง พระเศียรยังคงเต้นตุบ ๆ ทรงรู้สึกถึงสงครามที่เส้นขอบฟ้า กำลังมาหาพระองค์พร้อมกับพายุฤดูหนาวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังทรงเข้าใจว่าไม่มีอะไรที่จะทำได้ พระราชาทรงหันไปมองรอบ ๆ องค์ มองปราสาท มองกำแพงหิน มองเห็นราชสำนักอันบริสุทธ์ทอดตัวอยู่เบื้องล่าง และทรงอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะอยู่ถึงเมื่อไร

พระองค์จะต้องใช้อะไรจึงจะได้ดื่มสักแก้ว

บทที่ 24

ธอร์รู้สึกว่ามีเท้าสะกิดที่ซี่โครง เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองนอนคว่ำหน้าอยู่บนกองฟาง คิด

ไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งว่ากำลังอยู่ที่ไหน รู้สึกเหมือนหัวหนักสักล้านปอนด์ ลำคอแห้งผากยิ่งกว่าที่เคยเป็น ทั้งตาและหัวกำลังฆ่าเขา ธอร์รู้สึกเหมือนตัวเองตกมาจากหลังม้า

เขาถูกเตะอีก เมื่อขยับลุกขึ้นนั่ง ทั้งห้องก็โคลงเคลงไปหมด เขาก้มไปอาเจียนออกมา อาเจียนแล้วอาเจียนอีก

มีเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันรอบตัวเขา เมื่อเงยหน้ามองก็พบเจ้าชายรีส โอคอนเนอร์ เอลเด็นและ

ฝาแฝด ชะโงกอยู่เหนือหัวกำลังมองลงมา

“ในที่สุด เจ้าชายนิทราก็ตื่นบรรทม!” เจ้าชายรีสตรัสขึ้นพลางแย้มสรวล

“เราคิดว่าเจ้าจะไม่ฟื้นแล้วเสียอีก” โอคอนเนอร์บอก

“เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” เอลเด็นถาม

ธอร์ลุกขึ้นนั่ง เช็ดปากด้วยหลังมือ พยายามนึกเรื่องทั้งหมด ระหว่างนั้นโครห์นซึ่งนอนห่างไปสองสามฟุต ส่งเสียงร้องแล้ววิ่งมาหา กระโดดขึ้นสู่อ้อมแขนแล้วซุกหัวเข้าไปในเสื้อของเขา ธอร์โล่งอกที่เห็นมันและมีความสุขที่มีมันอยู่ด้วย เขาพยายามนึก

“ข้าอยู่ที่ไหน?” ธอร์ถาม “เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้?”

สามคนหัวเราะ

“ข้าเกรงว่าเจ้าจะดื่มแก้วเดียวมากเกินไป เพื่อนยาก ใครบางคนทนเหล้าเอลไม่ไหว เจ้าจำไม่ได้เลยหรือ? ที่โรงเหล้าน่ะ?”

ธอร์หลับตา นวดขมับและพยายามนึก มันวาบเข้ามาในหัว เขาจำการล่าสัตว์ได้...เข้าไปในโรงเหล้า...การดื่ม เขาจำได้ว่าถูกพาขึ้นไปชั้นบน...นางโลม หลังจากนั้นก็มืดสนิท

ใจเขาเต้นเร็วขึ้น เมื่อนึกถึงเจ้าหญิงเกว็นโดลิน เขาได้ทำอะไรโง่เง่ากับสตรีนางนั้นหรือเปล่า? เขาได้ทำลายโอกาสของตัวเองกับเจ้าหญิงเกว็นโดลินหรือเปล่า?

“เกิดอะไรขึ้น?” เขารุกเร้าถามเจ้าชายรีส อย่างเคร่งเครียดพลางจับข้อพระกรไว้แน่น “ได้โปรด บอกข้าที บอกว่าข้าไม่ได้ทำอะไรกับสตรีนางนั้น”

คนอื่น ๆ หัวเราะ แต่เจ้าชายรีสทรงจ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม ทรงรู้ว่าเขาไม่สบายใจ

“อย่าห่วงไปเลยเพื่อนยาก” ทรงตรัสบอก “เจ้าไม่ได้ทำอะไร ยกเว้นอาเจียนแล้วล้มลงบนพื้นห้องนาง”

คนอื่น ๆ หัวเราะอีก

“มากเกินไปสำหรับครั้งแรกของเจ้า” เอลเด็นบอก

แต่ธอร์รู้สึกโล่งอกอย่างมาก เขาไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์กับเจ้าหญิงเกว็น

“เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะซื้อสตรีให้เจ้า” คอนวอลบอก

“เสียเงินเปล่าจริง ๆ” คอนเวนพูด “นางไม่คืนเงินด้วย!”

พวกเด็กหนุ่มหัวเราะขึ้นอีก ธอร์รู้สึกอายแต่ก็โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้เสียเรื่อง

เขาจับพระหัตถ์เจ้าชายแล้วดึงมาใกล้

“พี่สาวของพระองค์” เขากระซิบอย่างเร่งร้อน “นางไม่ทรงรู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”

เจ้าชายรีสทรงแย้มพระสรวลช้า ๆ ขณะที่โอบไหล่ธอร์

“ความลับของเจ้าปลอดภัยเมื่ออยู่กับข้า ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ทำอะไรก็ตาม นางไม่รู้ และข้าเห็นแล้วว่าเจ้าสนใจนางเพียงใด ข้าซาบซึ้งในข้อนี้” ทรงตรัส แล้วสีพระพักตร์เปลี่ยนเป็นจริงจัง “ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าห่วงใยนางอย่างจริงจัง หากเจ้าไปเที่ยวนางโลม เจ้าก็คงไม่ใช่พี่เขยที่ข้าอยากได้ จริง ๆ แล้วข้าถูกขอให้ส่งข้อความนี้แก่เจ้า”

 

เจ้าชายรีสยื่นม้วนกระดาษเล็ก ๆ ใส่มือธอร์ ซึ่งมองดูอย่างสับสน เขาเห็นตราราชวงศ์อยู่บนนั้น ม้วนกระดาษสีชมพูและเขารู้จักดี ทำให้หัวใจเต็นเร็วขึ้น

“จากพี่สาวข้า” เจ้าชายตรัสบอก

“ว้าว!” มีเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน

“มีคนได้จดหมายรัก!” โอคอนเนอร์บอก

“อ่านให้ฟังหน่อย!” เอลเด็นตะโกน

คนอื่นพากันหัวเราะ

แต่ธอร์อยากจะเป็นส่วนตัว เขารีบไปที่ด้านข้างค่ายทหาร ห่างจากคนอื่น ๆ หัวเขาเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และห้องยังคงหมุน แต่เขาไม่สนใจอีกแล้ว ธอร์คลี่ม้วนกระดาษอย่างระวัง และอ่านข้อความด้วยมือสั่นเทา

“ไปพบข้าที่ป่าริดจ์ตอนเที่ยงวัน อย่าไปสาย และอย่าให้เป็นที่สังเกต”

ธอร์เก็บม้วนกระดาษใส่กระเป๋า

“ว่าอย่างไรบ้าง นักรัก?” คอนเวนถาม

ธอร์รีบไปหาเจ้าชายรีส รู้ว่าสามารถไว้ใจเจ้าชายได้

“กองทหารยุวชนไม่มีฝึกวันนี้ใช่ไหม?” ธอร์ถาม

เจ้าชายทรงพยักหน้า “ไม่มีแน่นอน วันนี้วันหยุด”

“ป่าริดจ์อยู่ที่ไหน?” ธอร์ทูลถาม

เจ้าชายรีสแย้มสรวล “อา สถานที่โปรดของเกว็น” ทรงบอก “ใช้ถนนทางตะวันออก ออกไปนอกปราสาทแล้วไปทางขวา ปีนขึ้นเนินเขาไป มันจะอยู่หลังเนินลูกที่สอง”

ธอร์มองดูเจ้าชายรีส

“ได้โปรด ข้าไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”

เจ้าชายทรงแย้มสรวล

“ข้ามั่นใจว่านางก็ไม่อยากให้ใครรู้เช่นกัน ถ้าพระมารดารู้เข้า พระนางคงจะประหารเจ้าทั้งสอง หรือขังพี่สาวข้าไว้ในห้อง แล้วเนรเทศเจ้าไปสุดชายแดนทางใต้”

ธอร์กลืนน้ำลายเมื่อคิดตาม

“จริงหรือ?” เขาทูลถาม

เจ้าชายรีสพยักพระพักตร์

“พระนางไม่ชอบเจ้า ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่ทรงตัดสินพระทัยแบบนั้น ไปเร็ว และอย่าบอกใคร แล้วก็ไม่ต้องห่วง” เจ้าชายตรัสพลางจับมือเขา “ข้าก็จะไม่บอกใครเช่นกัน”

*

ธอร์รีบเดินไปในยามเช้าตรู่ โดยมีโครห์นวิ่งตามไปข้าง ๆ เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ใครเห็น เดินไปตามทางที่เจ้าชายรีสทรงบอกให้ถูกที่สุด ทบทวนมันอยู่ในหัวขณะที่รีบเดินผ่านเขตราชสำนักออกไป เพื่อขึ้นไปยังเนินเขาเล็ก ๆ และไปยังชายป่าทึบ ทางด้านซ้ายมือของเขา พื้นดินดิ่งลงไปเบื้องล่าง เหลือเพียงทางเดินแคบ ๆ เหนือหน้าผาชัน หน้าผาอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นป่า ป่าริดจ์ที่เจ้าหญิงทรงนัดให้มาพบที่นี่ นางจริงจังใช่หรือไม่? หรือว่าเพียงล้อเขาเล่น?

อัลทัน พระญาติเจ้าระเบียบพูดจริงหรือเปล่า? ธอร์เป็นเพียงของเล่นของเจ้าหญิงหรือเปล่า? นางจะทรงเบื่อเขาในไม่ช้านี้จริงหรือ? เขาหวังยิ่งกว่าสิ่งใด ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ธอร์อยากจะเชื่อว่าความรู้สึกของเจ้าหญิงที่มีต่อเขาเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ยังยากเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นได้ นางแทบจะไม่รู้จักเขาเลย และนางทรงเป็นราชนิกูล จะมาสนใจอะไรในตัวเขา? และยังไม่พูดถึงที่เจ้าหญิงทรงแก่กว่าเขาปีหรือสองปีอีก เขาไม่เคยมีสตรีที่อายุมากกว่ามาสนใจมาก่อนเลย ที่จริงไม่เคยมีสตรีคนไหนสนใจเขามาก่อน ไม่ใช่จะมีสตรีให้เลือกมากนักที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ของเขา

ธอร์ไม่เคยคิดเรื่องสตรีมากนัก เขาไม่ได้เติบโตมาพร้อมพี่น้องสตรี และในหมู่บ้านก็มีสตรีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเพียงไม่กี่คน เด็กหนุ่มอายุขนาดเขาคนอื่น ๆ ก็ดูจะไม่ได้กังวลมากนัก ส่วนใหญ่จะแต่งงานเมื่ออายุราวสิบแปดปี ตามที่พ่อแม่จัดการให้ จริง ๆ แล้วเป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เสียมากกว่า พวกที่มียศตำแหน่งสูงและยังไม่ได้แต่งงานก่อนอายุยี่สิบห้า จะต้องเลือกคู่ครอง โดยพวกเขามีหน้าที่ต้องเลือกเจ้าสาวหรือออกไปหาเจ้าสาวมา แต่นั่นจะไม่เกิดขึ้นกับธอร์ เขาเป็นพวกยากจน และคนระดับเขามักจะแต่งงานกันในแบบที่ได้ประโยชน์แก่ครอบครัว เหมือนการแลกเปลี่ยนวัวควายกัน

แต่เมื่อธอร์ได้พบเจ้าหญิงเกว็นโดลิน ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป เป็นครั้งแรกที่เขาถูกความรู้สึกแบบนี้กระแทกใจ เป็นความรู้สึกล้ำลึก รุนแรงและรวดเร็วจนทำให้คิดอย่างอื่นไม่ออก ทุกครั้งที่พบนาง ความรู้สึกนี้ยิ่งลึกล้ำมากขึ้น เขาแทบจะไม่เข้าใจมัน แต่มันทำให้เขาเจ็บปวดเมื่อต้องอยู่ห่างจากนาง

ธอร์เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเป็นสองเท่าไปตามแนวผา พลางมองหานางไปทุกแห่ง นึกสงสัยว่าเจ้าหญิงจะทรงรอเขาอยู่ตรงไหนแน่ หรือว่านางจะทรงมาพบเข้าจริงไหม อาทิตย์ดวงแรกลอยสูงขึ้นไป เหงื่อเม็ดแรกเริ่มผุดที่หน้าผาก เขายังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายและคลื่นไส้เป็นผลมาจากเมื่อคืนก่อน เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้น และการพยายามมองหาเจ้าหญิงดูจะไร้ประโยชน์ เขาเริ่มสงสัยว่านางจะเสด็จมาพบเขาจริงหรือไม่ และสงสัยว่าเขาทำให้ทั้งสองต้องเสี่ยงอันตรายเพียงใด หากพระราชินี พระมารดาของเจ้าหญิงทรงไม่เห็นชอบกับเรื่องนี้

จริง ๆ พระนางจะทรงเนรเทศเขาไปจากอาณาจักรจริงหรือไม่? ไปจากกองทหารยุวชน? จากทุกสิ่งที่เขาได้รู้จักและรัก? แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?

ขณะที่ธอร์กำลังคิด เขาตัดสินใจว่าโอกาสที่จะได้อยู่กับเจ้าหญิงนั้นคุ้มค่า เขาเต็มใจที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้ได้โอกาสนั้น เขาหวังเพียงตัวเองจะไม่กลายเป็นตัวตลก หรือด่วนสรุปว่าเจ้าหญิงทรงมีความรู้สึกให้เขามากเพียงใด

“นี่เจ้าจะเดินผ่านข้าไปอย่างนั้นหรือ?” มีเสียงดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก

ธอร์สะดุ้ง ไม่ทันระวังตัว จากนั้นจึงหยุดและหันไป เจ้าหญิงเกว็นโดลินประทับอยู่ใต้ร่มเงาของต้นสนใหญ่ ทรงแย้มสรวลให้ ใจเขาเต้นสะดุดกับรอยยิ้มนั้น ธอร์มองเห็นความรักในพระเนตร แล้วทุกสิ่งที่เขากังวลและกลัวก็สลายหายไปทันที เขาตำหนิตัวเองที่ช่างโง่เขลาที่คิดสงสัยเจตนาของนาง

โครห์นส่งเสียงร้องเมื่อเห็นเจ้าหญิง

“นั่นอะไรกันน่ะ?!” ทรงร้องออกมาอย่างยินดี

เจ้าหญิงทรงคุกเข่าลง เจ้าโครห์นวิ่งไปหานางแล้วกระโดดขึ้นสู่อ้อมแขนพลางทำเสียงครวญคราง เจ้าหญิงทรงอุ้มมันขึ้นมากอดอย่างเอ็นดู

“มันน่ารักจริง!” ตรัสบอกพลางกอดมันแน่น ขณะที่เจ้าลูกเสือเลียพระพักตร์ เจ้าหญิงทรงหัวเราะแล้วจุมพิตมัน

“เจ้าชื่ออะไรกันล่ะ เจ้าตัวน้อย?” นางทรงถาม

“โครห์น” ธอร์ทูล ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ไม่เป็นใบ้เหมือนคราวก่อน

“โครห์น” เจ้าหญิงทรงเรียก ทอดพระเนตรดวงตาของลูกเสือ “เจ้ามีเพื่อนเดินทางเป็นเสือดาวทุกวันไหม?” ทรงถามธอร์พลางหัวเราะ

“ข้าพบมัน” ธอร์บอก รู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ใกล้นางเหมือนเช่นทุกครั้ง “ในป่า ตอนที่ไปล่าสัตว์ อนุชาของพระองค์ตรัสว่าข้าควรเลี้ยงมันไว้ เพราะข้าเป็นผู้พบมัน มันเป็นโชคชะตากำหนด”

เจ้าหญิงทอดพระเนตรมองเขา ด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น

“เขาพูดถูก สรรพสัตว์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าได้พบมัน แต่มันต่างหากที่พบเจ้า”

“ข้าหวังว่าพระองค์จะไม่ทรงว่าอะไรถ้าจะมีมันมาด้วย” ธอร์ทูล

เจ้าหญิงทรงหัวเราะ

“ข้าคงจะเสียใจถ้ามันไม่มาด้วย” นางตรัสบอก

เจ้าหญิงทรงทอดพระเนตรไปทางโน้นทีทางนี้ที ราวกับจะให้มั่นใจว่าไม่มีใครกำลังเฝ้ามอง จากนั้นจึงเอื้อมมาจับมือของธอร์ไว้ แล้วดึงเขาเข้าไปในป่า

“ไปกันเถอะ” เจ้าหญิงทรงกระซิบ “ก่อนที่จะมีใครเห็นเรา”

ธอร์มีความสุขกับสัมผัสของเจ้าหญิง ขณะที่ทรงพาเขาเดินไปตามทางเดินในป่า ทั้งสองรุดเข้าไปในป่า ตามเส้นทางคดเคี้ยวท่ามกลางต้นสนใหญ่ นางทรงปล่อยมือเขาแล้ว แต่ธอร์ยังจำความรู้สึกนั้นได้

เขาเริ่มรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าทรงชอบเขาจริง ๆ และเห็นได้ชัดว่าทรงไม่ต้องการให้ใครพบ อาจจะเป็นพระมารดาของพระนางเอง ชัดเจนแล้วว่าทรงจริงจังกับเรื่องนี้ เพราะทรงต้องเสี่ยงเพื่อจะเสด็จมาพบเขาเช่นกัน

แต่ธอร์ก็คิดขึ้นมาอีกว่าอาจจะไม่อยากให้อัลทันมาพบ หรืออาจจะเป็นเด็กหนุ่มอื่น ๆ ที่ทรงเคยอยู่ด้วย บางทีอัลทันอาจจะพูดถูก บางทีเจ้าหญิงอาจจะทรงละอายที่มีใครพบเห็นว่าอยู่กับเขา

ธอร์รู้สึกว่าอารมณ์หลากหลายอย่างที่คละเคล้ากันกำลังทำให้เขาสับสน

“แมวคาบลิ้นเจ้าไปแล้วหรือไง?” เจ้าหญิงตรัสถาม ทำลายความเงียบขึ้น

ธอร์รู้สึกแตกสลาย เขาไม่อยากเสี่ยงทำลายทุกสิ่งโดยการทูลว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ขณะเดียวกันเขาก็อยากจะให้ความกังวลต่าง ๆ คลี่คลายไป เขาจำเป็นต้องรู้ว่าเจ้าหญิงทรงเป็นแบบไหน เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“หลังจากที่ข้าจากพระองค์เมื่อครั้งก่อน ข้าได้พบกับอัลทัน เขามาเผชิญหน้ากับข้า”

เจ้าหญิงเกว็นโดลินทรงเคร่งขรึมขึ้น ความสนุกสนานเมื่อครู่สลายไปทันที และธอร์รู้สึกผิดที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขารักความเป็นธรรมชาติและความร่าเริงของนาง และอยากให้เขาถอนคำพูดกลับคืนได้ เขาอยากจะหยุดแต่ก็สายเกินไปแล้ว ไม่มีทางถอยกลับได้แล้ว

“แล้วเขาพูดว่าอย่างไร?” เจ้าหญิงตรัสถามเสียงอ่อนลง

“เขาบอกให้ข้าอยู่ห่าง ๆ จากพระองค์ เขาบอกว่าไม่ได้ทรงสนใจข้าจริงจัง บอกว่าข้าเป็นเพียงความสนุกชั่วคราวของพระองค์ และจะทรงเบื่อในไม่กี่วัน และเขายังบอกว่าเขากับพระองค์ถูกกำหนดให้แต่งงานกัน และได้มีการเตรียมการอภิเษกแล้ว”

เจ้าหญิงเกว็นโดลินทรงระเบิดโทสะ ด้วยเสียงหัวเราะหยัน

“เขาบอกอย่างนั้นหรือ?” ทรงแค่นเสียง “ชายผู้นั้นช่างยโสที่สุด เป็นเชื้อโรคที่เกินจะทน” ทรงตรัสด้วยความกริ้ว “เขาคอยเป็นหนามทิ่มแทงข้ามาตั้งแต่เดินได้ แค่เพียงเพราะพ่อแม่ของเราเป็นญาติกัน เขาก็คิดว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ ข้าไม่เคยเห็นใครที่มีศักดิ์แต่ไม่สมควรจะได้สิทธิ์นั้นเลย ที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงคือเขาเข้าใจเอาเองว่าเราสองคนถูกชะตากำหนดให้แต่งงานกัน อย่างกับข้าจะยอมให้พระบิดาและพระมารดาบังคับได้ ไม่มีทางเสียหรอก และแน่นอนว่าไม่ใช่กับเขา ข้าทนเห็นเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ธอร์รู้สึกโล่งอกกับคำบอกของเจ้าหญิง รู้สึกตัวเบาขึ้นอีกล้านปอนด์ เขารู้สึกอยากจะปีนขึ้นไปร้องเพลงบนยอดไม้ นี่คือสิ่งที่เขาอยากได้ยิน ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ทำให้อารมณ์ของทั้งสองขุ่นมัวโดยเปล่าประโยชน์ แต่เขาก็ยังไม่พอใจเสียทีเดียว เขาสังเกตว่าเจ้าหญิงยังไม่ทรงบอกว่าพระองค์ชอบเขาจริงหรือไม่

“เรื่องที่เจ้ากังวล” เจ้าหญิงตรัส และทรงเหลือบมองเขา ก่อนจะเมินหลบไป “ข้าแทบจะไม่รู้จักเจ้า ข้ายังไม่อยากถูกกดดันให้ยอมรับความรู้สึกของข้าในตอนนี้ แต่ข้าขอบอกว่า ข้าไม่คิดว่าข้าจะอยากใช้เวลาอยู่กับเจ้า หากว่าข้าเกลียดเจ้ามากขนาดนั้น แน่นอนว่ามันเป็นสิทธิ์ของข้าที่จะเปลี่ยนใจตามที่ข้าต้องการ ข้าเป็นคนเปลี่ยนใจง่าย แต่ไม่ใช่กับความรัก”

นั่นคือทุกสิ่งที่ธอร์ต้องการได้ยิน เขาประทับใจกับความจริงจังของเจ้าหญิง และยิ่งประทับใจกับคำว่า “รัก” ที่ทรงเลือกใช้ เขารู้สึกดีขึ้น

Купите 3 книги одновременно и выберите четвёртую в подарок!

Чтобы воспользоваться акцией, добавьте нужные книги в корзину. Сделать это можно на странице каждой книги, либо в общем списке:

  1. Нажмите на многоточие
    рядом с книгой
  2. Выберите пункт
    «Добавить в корзину»