Бесплатно

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Текст
0
Отзывы
iOSAndroidWindows Phone
Куда отправить ссылку на приложение?
Не закрывайте это окно, пока не введёте код в мобильном устройстве
ПовторитьСсылка отправлена
Отметить прочитанной
Шрифт:Меньше АаБольше Аа

บทที่ 9

ธอร์พบว่าตัวเองถูกเจ้าชายรีส โอรสองค์เล็กสุดของพระราชาและคู่หูที่เพิ่งจับคู่กันใหม่ของเขา พาเดินฝ่าฝูงชนไป นับตั้งแต่การประลอง ทุกอย่างดูพร่ามัวสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรลงไป ไม่ว่าเขาใช้อำนาจใดหยุดหัวหอกไม่ให้สังหารอีเร็ค มันดึงดูดความสนใจของทั้งอาณาจักร การแข่งขันหยุดลงหลังจากนั้น พระราชาของทั้งสองอาณาจักรประกาศยุติและพักการแข่งขัน อัศวินแต่ละคนกลับไปยังฝั่งของตน ฝูงชนลุกฮือขึ้นเป็นความปั่นป่วน และธอร์ก็ถูกเจ้าชายรีสจูงแขนพาเดินไป

เขาถูกพาเข้าไปในขบวนผู้ตามเสด็จ ตัดฝ่าฝูงชนออกไปด้านหลัง เจ้าชายรีสทรงดึงแขนเขาไว้ตลอดเวลา ธอร์ยังคงตัวสั่นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาแทบไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ทำลงไป และมันมีผลอย่างไร เขาเพียงอยากเป็นคนนิรนาม เป็นคนหนึ่งในกองทหารยุวชน และไม่อยากเป็นจุดสนใจ

ที่แย่ไปกว่านั้น เขาไม่รู้ว่ากำลังถูกพาไปที่ใด ไม่รู้ว่าจะถูกลงโทษจากการเข้าไปขวางหรือไม่ แน่นอนว่าเขาช่วยชีวิตอีเร็คไว้ แต่ก็เข้าไปขวางการต่อสู่ของอัศวิน ซึ่งเป็นข้อห้ามสำหรับเด็กติดตาม เขาไม่รู้ว่าเขาจะได้รับรางวัลหรือถูกตำหนิ

“เจ้าทำได้อย่างไร?” เจ้าชายรีสตรัสถาม ขณะดึงเขาตามไป ธอร์เดินตามไปโดยไม่รู้เรื่อง พยายามที่จะรวบรวมสติ ขณะที่เขาตามเดินไป ชาวบ้านต่างจ้องมองดูเขา ราวกับเขาเป็นตัวประหลาด

“ข้าไม่รู้” ธอร์ทูลตอบอย่างสัตย์จริง “ข้าเพียงต้องการช่วยเขา แล้ว...มันก็เกิดขึ้น”

เจ้าชายรีสพยักพระพักตร์

“เจ้าช่วยชีวิตอีเร็คไว้ เจ้ารู้ตัวไหม? เขาเป็นอัศวินที่โด่งดังที่สุดของเรา และเจ้าช่วยเขาไว้”

ธอร์รู้สึกดีขณะที่ซึมซับคำพูดของเจ้าชายเข้าไปในหัว เขารู้สึกโล่งอก เขาชอบเจ้าชายรีสตั้งแต่ได้พบกัน ทรงมีความสามารถในการปลอบประโลม ทรงรู้ว่าจะต้องพูดอะไร ระหว่างที่ครุ่นคิดนั้น ธอร์ก็รู้ว่าเขาไม่ได้ถูกพาไปลงโทษ บางทีพวกเขาอาจจะมองว่าธอร์เป็นวีรบุรุษหรืออะไรทำนองนั้น

“ข้าไม่ได้พยายามทำสิ่งใด” ธอร์ทูล “ข้าเพียงต้องการให้เขามีชีวิต มันเหมือนเป็น...เรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างนั้นหรือ?” เจ้าชายรีสทรงทวนคำ “ข้าคงทำไม่ได้ ไม่มีใครทำได้หรอก”

ทั้งสองเลี้ยวที่มุม และธอร์ก็เห็นปราสาทของพระราชาอยู่ตรงหน้า ทอดตัวแผ่กว้างและสูงเสียดฟ้า มองดูเหมือนเป็นอนุสาวรีย์ ทหารของพระราชายืนประจำการ เข้าแถวเรียงไปตามถนนโรยกรวดที่ทอดไปสู่สะพานยก กันฝูงชนไว้แค่นั้น พวกเขาขยับหลบให้เจ้าชายรีสและธอร์ผ่านเข้าไป

ทั้งคู่เดินไปตามทาง มีทหารยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง และเดินไปถึงประตูโค้งบานมหึมา ที่มีสลักเหล็กปิดอยู่ ทหารสี่นายเปิดมันออกแล้วยืนหลบไปด้านข้าง เตรียมพร้อม ธอร์ไม่อยากเชื่อในการปฏิบัติที่เขาได้รับ เขารู้สึกราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์

เมื่อพวกเขาเข้าไปในปราสาทแล้ว ประตูก็ปิดลงตามหลัง ธอร์ประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า ภายในห้องช่างกว้างใหญ่ มีผนังหินหนาเป็นฟุต เขาเห็นคนในราชสำนักนับร้อยเดินไปมาด้วยความตื่นเต้น เขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบและรู้สึกถึงความตื่นเต้นในอากาศ ดวงตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขาเมื่อเขาเข้ามา ธอร์ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น

พวกเขาจับกลุ่มกันเข้ามาใกล้ และจ้องมองขณะที่ธอร์เดินไปตามทางเดินในปราสาทพร้อมกับเจ้าชายรีส เขาไม่เคยเห็นคนมากมายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราเช่นนี้ เขาเห็นสตรีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาหลายสิบคน แต่งกายด้วยชุดสวยงาม คล้องแขนแล้วกระซิบใส่หูกัน พร้อมกับหัวเราะคิกคักตอนที่เขาผ่านไป ธอร์รู้สึกประหม่า เขาดูไม่ออกว่าพวกนางชอบเค้าหรือไม่ หรือพวกนางเพียงแค่ล้อเลียนเขา เด็กหนุ่มไม่คุ้นกับการเป็นเป้าความสนใจ โดยเฉพาะในราชสำนัก และแทบไม่รู้เลยว่าควรจัดการตัวเองอย่างไร

“ทำไมพวกนางถึงหัวเราะเยาะข้า?” เขาทูลถามเจ้าชายรีส

เจ้าชายทรงหันมาแล้วหัวเราะเบา ๆ “พวกนางไม่ได้หัวเราะเยาะเจ้า” เจ้าชายตรัส “พวกนางชอบเจ้าต่างหาก เจ้าดังแล้ว”

“ดังอย่างนั้นหรือ?” เขาทูลถาม อย่างตกตะลึง “ทรงหมายความว่าอย่างไร? ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่”

เจ้าชายรีสทรงพระสรวลและตบบ่าเขา ทรงขบขันธอร์อย่างเห็นได้ชัด

“ข่าวในราชสำนักแพร่ไปเร็วกว่าที่เจ้าคิด แล้วคนมาใหม่อย่างเจ้า...เอ่อ ไม่ได้มีมาทุกวัน”

“เรากำลังจะไปไหนกัน?” เขาถามอีก เมื่อรู้ว่ากำลังถูกพาไปที่ใดซักแห่ง

“พระบิดาของข้าทรงอยากพบเจ้า” เจ้าชายน้อยตรัสบอก ขณะที่เลี้ยวไปตามทางเดินใหม่

ธอร์กลืนน้ำลาย

“พระบิดาของพระองค์? ทรงหมายถึง....พระราชาอย่างนั้นหรือ?” จู่ ๆ เขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมา “ทำไมจึงทรงอยากพบข้า? ทรงแน่ใจหรือ?”

เจ้าชายรีสทรงพระสรวล

“ข้าแน่ใจสิ ไม่ต้องกังวลไปหรอก แค่พระบิดาของข้าเท่านั้นเอง”

“พระบิดาของพระองค์เท่านั้น?” ธอร์ทูลอย่างไม่อยากเชื่อ “พระองค์เป็นพระราชา!”

“ไม่ได้ทรงเลวร้ายขนาดนั้นหรอก ข้ารู้สึกว่ามันจะเป็นการเข้าเฝ้าที่มีความสุข ยังไงเจ้าก็ช่วยชีวิตอีเร็คไว้”

ธอร์กลืนน้ำลาย เหงื่อซึมออกฝ่ามือ เมื่อประตูบานใหญ่อีกบานเปิดออก และพวกเขาได้เข้าไปในห้องโถงกว้าง เขาเงยหน้ามองดูเพดานโค้งอย่างตื่นตาตื่นใจ มันสูงตระหง่านและออกแบบไว้สวยงาม ที่ผนังมีหน้าต่างกระจกสีเรียงราย และหากเป็นไปได้ ในห้องนี้มีคนเบียดเสียดกันอยู่นับพัน แออัดอย่างไม่น่าเชื่อ โต๊ะอาหารถูกตั้งยาวสุดลูกหูลูกตา ผู้คนนั่งบนแถวม้ายาวเหมือนจะไม่สิ้นสุด กำลังรับประทานอาหารกัน ระหว่างโต๊ะอาหารคือทางเดินยาว ปูลาดด้วยพรมสีแดง ทอดยาวไปถึงพระแท่นที่ตั้งบัลลังก์ ผู้คนเปิดทางให้เจ้าชายรีสและธอร์เดินไปตามพรมแดง ไปหาพระราชา

“นั่นเจ้าคิดจะพาเขาไปที่ไหน?” มีเสียงขึ้นจมูกไม่เป็นมิตรดังขึ้น

ธอร์เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ อายุแก่กว่าเขาไม่มาก แต่งตัวด้วยชุดของราชวงศ์ เห็นได้ชัดว่าคือเจ้าชายอีกองค์ ยืนขวางอยู่ด้วยพักตร์บึ้งตึง

“เป็นรับสั่งของพระบิดา” เจ้าชายรีสทรงโต้กลับ “เปิดทางให้เราดีกว่า เว้นแต่ท่านอยากจะฝ่าฝืนรับสั่ง”

เจ้าชายองค์นั้นยังคงประทับนิ่ง พักตร์บูดบึ้งราวกับเสวยของเน่าเสียเข้าไป ขณะมองสำรวจธอร์ เด็กหนุ่มไม่ชอบเขาเลย มีบางอย่างที่เขาไม่ไว้ใจเกี่ยวกับเจ้าชายองค์นี้ ที่ทรงมีรูปร่างผอมและลักษณะไม่เป็นมิตรกับพระเนตรที่หลุกหลิกไปมา

“ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับสามัญชน” เจ้าชายตรัสบอก “เจ้าควรจะให้พวกชั้นต่ำรออยู่ข้างนอก อยู่ในที่ของพวกมัน”

ธอร์รู้สึกแน่นอก เห็นได้ชัดว่าเจ้าชายองค์นี้ไม่ชอบเขา ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าทำไม

“จะให้ข้าบอกพระบิดาไหมว่าท่านกล่าวเช่นนั้น?” เจ้าชายรีสทรงตอบโต้ ไม่ยอมแพ้

เจ้าชายเข่นเขี้ยวก่อนจะกระแทกบาทเดินจากไป

“นั่นใครกัน?” ธอร์ทูลถาม ขณะที่เดินต่อไป

“อย่าไปสนใจเลย” รีสตรัส “เขาเป็นพี่ชายข้า...พี่ชายอีกคนหนึ่ง ชื่อกาเร็ธ เป็นคนโตสุด เอ่อ จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่คนโตสุดหรอก แต่เขาเป็นคนโตตามกฎหมาย เคนดริค คนที่เจ้าพบที่สนามฝึกน่ะ เขาเป็นพี่ชายคนโตจริง ๆ”

“ทำไมเจ้าชายกาเร็ธถึงเกลียดข้า? ข้าไม่ได้รู้จักพระองค์เลย”

“อย่าห่วงไปเลย...เขาไม่ได้เกลียดเฉพาะเจ้าหรอก เขาเกลียดทุกคนน่ะแหละ รวมถึงทุกคนที่เข้ามาใกล้ราชวงศ์ เขามองว่าเป็นภัย อย่าไปสนใจเขาเลย เขาก็แค่คน ๆ หนึ่ง”

ขณะที่เดินต่อไป ธอร์ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในตัวเจ้าชายรีส ผู้ซึ่งเขารู้ว่าจะกลายเป็นเพื่อนแท้

“ทำไมท่านถึงทรงยืนหยัดเพื่อข้า?” ธอร์ถามอย่างใคร่รู้

เจ้าชายรีสทรงยักไหล่

“พระบิดามีรับสั่งให้ข้าพาเจ้ามา นอกจากนั้น เราเป็นคู่หูกัน และมันก็นานมาแล้วที่จะมีใครอายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้ามาที่นี่ แล้วข้าเห็นว่าน่ายกย่อง”

“แต่อะไรทำให้ข้าน่ายกย่องกันล่ะ?” ธอร์ทูลถามต่อ

“ใจนักสู้ของเจ้า มันไม่อาจแสร้งทำได้”

ทั้งสองยังคงเดินต่อไปตามทางเดินที่มุ่งหน้าไปหาพระราชา ธอร์รู้สึกเหมือนรู้จักเจ้าชายรีสมาตลอด ช่างน่าแปลก แต่เขารู้สึกเหมือนเจ้าชายเป็นพี่น้อง เขาไม่เคยมีพี่น้อง...ไม่ได้หมายถึงพี่น้องจริง ๆ...และมันช่างรู้สึกดี

“พวกพี่ชายคนอื่น ๆ ของข้า ไม่เหมือนเขา อย่าห่วงไปเลย” เจ้าชายตรัสบอก ขณะที่ผู้คนจับกลุ่มกัน พยายามจะแอบมองธอร์ “เคนดริคพี่ชายข้า คนที่เจ้าได้พบแล้ว เขาดีที่สุด เขาเป็นพี่ชายร่วมบิดาแต่ข้าถือว่าเขาเป็นพี่ชายจริง ๆ เป็นยิ่งกว่ากาเร็ธเสียอีก เคนดริคเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของข้า และเขาก็จะเป็นให้เจ้าด้วย ข้ามั่นใจ ไม่มีสิ่งใดที่เขาจะไม่ทำเพื่อข้า หรือเพื่อใคร ๆ เขาเป็นราชนิกูลที่ประชาชนรักมากที่สุด ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่อาจเป็นราชา”

“ท่านบอกว่า ‘พวกพี่ชาย’ ท่านยังมีพี่ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?” ธอร์ทูลถาม

เจ้าชายรีสทรงหายใจเข้าลึก

“ใช่ ข้ามีพี่ชายอีกคน แต่เราไม่ค่อยสนิทกัน เขาชื่อก็อดฟรีย์ น่าเสียดายที่เขาทิ้งชีวิตไว้ในโรงเหล้า กับสามัญชน เขาไม่ใช่นักรบเหมือนพวกเรา แล้วเขาก็ไม่สนใจด้วย...จริง ๆ แล้วเขาไม่สนใจในอะไรเลย นอกจากเหล้าเอล และสตรี”

จู่ ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งมาขวางทางพวกเขาไว้ ธอร์ยืนนิ่งตะลึงงัน นางอาจจะแก่กว่าเขาสองสามปี มองจ้องมาด้วยดวงตาสีฟ้ายาวรี นางมีผิวสวยและผมสีแดง แต่งกายด้วยชุดผ้าซาตินสีขาวตกแต่งด้วยลูกไม้ ดวงตาของนางเป็นประกาย ระยิบระยับด้วยความยินดีและซุกซน นางสบตาเขาและพันธนาการเขาไว้ ธอร์ขยับตัวไม่ได้ นางเป็นสตรีที่งดงามที่สุดที่เขาเคยพบ

นางยิ้ม อวดฟันสวย และเหมือนกับเขายังตะลึงไม่พอ รอยยิ้มของนางตรึงเขาไว้กับที่ ปลุกหัวใจเขาด้วยรอยยิ้มเพียงครั้งเดียว ธอร์ไม่เคยรู้สึกมีชีวิตชีวาเท่านี้

เขายืนอยู่ตรงหน้านาง พูดไม่ออก หายใจไม่ทัน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกแบบนี้

“เจ้าจะไม่แนะนำข้าหน่อยหรือ?” สตรีนางนั้นถามเจ้าชายรีส น้ำเสียงของนางที่ธอร์ได้ยิน ไพเราะยิ่งกว่าความงามของนางเสียอีก

เจ้าชายรีสถอนหายใจ

“แล้วนี่ก็พี่สาวของข้า” ตรัสบอกพลางแย้มสรวล “เกว็น นี่คือธอร์ ธอร์ นี่เกว็น”

เจ้าหญิงเกว็นถอนสายบัว

“สบายดีไหม?” นางถามพร้อมแย้มสรวล

ธอร์ยืนนิ่ง แข็งทื่อ จนในที่สุดเจ้าหญิงเกว็นก็หัวเราะคิกคัก

“ค่อย ๆ พูดเถอะ” นางตรัสกลั้วหัวเราะ

ธอร์รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง กระแอมกระไอ

“ข้า...ข้า...ขอโทษ” เขาทูล “ข้าชื่อธอร์”

เจ้าหญิงเกว็นหัวเราะ

“ข้ารู้แล้ว” นางตรัสบอก แล้วหันไปหาน้องชาย “รีสน้องข้า เพื่อนของเจ้าช่างพูดนะ”

“พระบิดาทรงอยากพบเขา” เขาบอกอย่างหมดความอดทน “เรากำลังจะไปสาย”

ธอร์อยากจะพูดกับนาง บอกว่านางสวยงามเพียงใด เขายินดีเพียงใดที่ได้พบนาง และเขาซาบซึ้งที่นางแวะมา แต่ลิ้นของเขามันตายสนิท เขาไม่เคยประหม่าขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ดังนั้นที่พูดออกมาได้จึงมีเพียง

“ขอบพระทัย”

เจ้าหญิงเกว็นทรงหัวเราะดังขึ้น

“ขอบคุณสำหรับอะไรกัน?” นางตรัสถาม พระเนตรเป็นประกาย ทรงสนุกกับเรื่องนี้

ธอร์รู้สึกหน้าแดงอีก

“เอ่อ...ข้าไม่รู้” เขาพึมพำ

เจ้าหญิงเกว็นหัวเราะหนักขึ้น และธอร์รู้สึกอาย เจ้าชายรีสทรงใช้ศอกกระทุ้งเขา กระตุ้นให้เดินต่อ เมื่อก้าวมาได้สองสามก้าว ธอร์หันกลับไปมอง เจ้าหญิงเกว็นยังประทับอยู่ตรงนั้น ทอดเนตรมาที่เขา

ธอร์ใจเต้น เขาอยากจะคุยกับนาง เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาง เขาอายเหลือเกินที่พูดไม่ออก จริง ๆ แล้วเขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีมาก่อน สมัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ และแน่นอนว่าไม่เคยใกล้ชิดสตรีที่งดงามเช่นนี้ ไม่เคยมีใครสอนว่าเขาจะต้องพูดอะไร ทำอย่างไร

 

“นางพูดมาก” เจ้าชายรีสตรัสบอก ระหว่างที่เดินต่อไป เข้าใกล้พระราชามากขึ้น “อย่าไปสนใจนางเลย”

“นางชื่ออะไรนะ?” ธอร์ทูลถาม

เจ้าชายรีสทอดเนตรมองเขาอย่างขบขัน “นางเพิ่งบอกเจ้าไปนะ!” ทรงตรัสกลั้วหัวเราะ

“ข้าขอโทษ...เอ่อ...ข้าลืม” ธอร์บอกอย่างอับอาย

“เกว็นโดลิน แต่ทุกคนเรียกนางว่า เกว็น”

เจ้าหญิงเกว็นโดลิน ธอร์ท่องชื่อนี้ในใจ เกว็นโดลิน เกว็น เขาไม่อยากจะลืม อยากให้ชื่อนี้ค้างอยู่ในใจ เขาสงสัยว่าจะมีโอกาสได้พบนางอีกหรือไม่ เขาเดาว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาเป็นสามัญชน ความคิดนี้ทำให้เขาเจ็บปวด

ผู้คนเริ่มเงียบเสียงลง เมื่อธอร์เงยหน้าขึ้นและรู้ตัวว่าเข้ามาอยู่ใกล้พระราชาแล้ว ราชาแม็คกิลประทับอยู่บนบัลลังก์ ทรงฉลองพระองค์คลุมสีม่วง สวมมงกุฎและทรงสง่างาม

เจ้าหญิงรีสทรงคุกชานุลงต่อหน้าพระบิดา ฝูงชนเงียบเสียง ธอร์ทำตาม เกิดความเงียบไปทั่วห้อง

พระราชากระแอม เมื่อทรงตรัส พระสุรเสียงเปล่งดังไปทั่วห้อง

“ธอร์กรินแห่งที่ราบจากจังหวัดทางใต้ของอาณาจักรตะวันตก” พระราชาเริ่มตรัส “เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เจ้าได้เข้าไปแทรกแซงการประลองหลวง?”

ธอร์รู้สึกคอแห้งผาก เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร มันไม่มีวิธีดี ๆ เลย เขาสงสัยว่าจะถูกลงโทษหรือไม่

“ขอประทานอภัย ฝ่าบาท” เขาทูลไปในที่สุด “ข้าไม่ได้มีเจตนา”

ราชาแม็คกิลเอนวรกายไปข้างหน้า และทรงเลิกพระขนงข้างหนึ่งขึ้น

“เจ้าไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นหรือ? เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจช่วยชีวิตอีเร็คอย่างนั้นหรือ?”

ธอร์กระสับกระส่าย เขารู้ว่าเขาทำให้เรื่องแย่ลง

“หามิได้ ฝ่าบาท ข้าตั้งใจที่จะ....”

“เช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับว่าได้เข้าไปแทรกแซงใช่หรือไม่?”

ธอร์รู้สึกหัวใจเต้นเร็ว เขาควรจะพูดอย่างไรดี?

“ขอประทานอภัย ฝ่าบาท ข้าคิดว่า ข้าเพียง...ต้องการช่วย”

“ต้องการช่วยอย่างนั้นหรือ?” ราชาแม็คกิลเอนหลังแล้วทรงพระสรวลเสียงดัง

“เจ้าอยากช่วย! อีเร็ค! อัศวินที่โด่งดังและยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา!”

ทั้งห้องหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ธอร์หน้าร้อน หลายครั้งเกินไปแล้วในหนึ่งวัน เขาจะทำอย่างไรได้ตรงนี้?

“ยืนขึ้นแล้วเข้ามาใกล้ ๆ เจ้าหนู” ราชาทรงมีรับสั่ง

ธอร์เงยหน้ามองอย่างประหลาดใจที่เห็นพระราชาทรงแย้มสรวล และทรงทอดพระเนตรดูเขา ขณะที่เขายืนขึ้นและเดินเข้าไปใกล้

“ข้าเห็นลักษณะสง่างามบนใบหน้าเจ้า เจ้าไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา ไม่ ไม่ธรรมดาเลย”

ราชาแม็คกิลทรงกระแอม

“อีเร็คเป็นอัศวินที่เรารักมากที่สุด สิ่งที่เจ้าทำในวันนี้ยิ่งใหญ่มาก และเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเราทุกคน และเพื่อเป็นรางวัล นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าถือว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พึงได้รับความเคารพและเกียรติยศทั้งหลายเช่นเดียวกับโอรสของข้า”

พระราชาทรงเอนวรกาย และตรัสเสียงดัง “ประกาศให้รู้ทั่วกัน”

มีเสียงโห่ร้องยินดีและกระทืบเท้าดังไปทั่วห้อง

ธอร์มองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ มันเกินความฝันเพ้อเจ้อของเขาเสียอีก ที่เขาต้องการคือการยอมรับ และได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชน แต่ในตอนนี้ เขาได้รับสิ่งนี้ มันช่างท่วมท้นไปด้วยความซาบซึ้งและยินดี เขาแทบจะไม่รู้ว่าต้องทำอะไร

ก่อนที่เขาจะทูลตอบอะไร ทันใดนั้นก็มีเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น ทุกคนต่างเต้นรำและรับประทานอาหาร ผู้คนเฉลิมฉลองอยู่รอบตัวเขา มันช่างชุลมุน เขาเงยหน้ามองพระราชา มองเห็นความรักในพระเนตร รวมถึงความชื่นชมและการยอมรับ เขาไม่เคยรู้สึกถึงความรักของบิดามาก่อนในชีวิต แต่ตอนนี้เขารู้สึก เป็นความรักที่ไม่ได้มาจากคน ๆ หนึ่ง แต่จากพระราชา โลกของเขาเปลี่ยนไปในเวลาแค่หนึ่งวัน เขาได้แต่ภาวนาให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความจริง

*

เจ้าหญิงเกว็นโดลินเสด็จฝ่าฝูงชนไป ทรงอยากเห็นเด็กหนุ่มก่อนที่เขาจะถูกพาออกไปจากเขตพระราชฐาน ธอร์ พระหทัยเต้นเร็วขึ้นเมื่อนึกถึงเขา ทรงอดไม่ได้ที่จะทวนชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมาในใจ พระนางไม่อาจหยุดคิดถึงเขานับตั้งแต่ตอนที่ได้พบกัน เขาเด็กกว่านางแต่ไม่น่าจะเกินหนึ่งหรือสองปี นอกจากนี้เขายังมีลักษณะบางอย่างที่ทำให้เขาดูแก่กว่า เป็นผู้ใหญ่กว่าคนอื่น ๆ และมีความลึกซึ้งกว่า นับตั้งแต่ได้พบกัน นางทรงรู้สึกเหมือนรู้จักเขา เจ้าหญิงทรงแย้มสรวลเมื่อคิดถึงตอนพบกัน เขาช่างดูประหม่า นางทรงเห็นในสายตาของเขา ว่าเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับนาง

แน่นอนว่าเจ้าหญิงไม่รู้จักเด็กหนุ่ม แต่ทรงได้เห็นสิ่งที่เขาทำในลานประลอง ได้เห็นอนุชาไปหาเขา ทรงเฝ้ามองเขานับตั้งแต่นั้น ด้วยรู้สึกว่ามีบางอย่างพิเศษเกี่ยวกับตัวเขา มันแตกต่างจากคนอื่น การได้พบกับเขายิ่งช่วยยืนยัน เขาแตกต่างจากพวกเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ ต่างจากทุกคนที่เกิดและโตที่นี่ มีบางสิ่งที่จริงแท้เกี่ยวกับเขา เขาเป็นคนนอก เป็นสามัญชน แต่น่าแปลกที่เขามีลักษณะสูงศักดิ์ มันเหมือนกับเขาทระนงเกินไปกับตัวตนของเขา

เจ้าหญิงเกว็นเสด็จมาถึงริมระเบียงด้านบนแล้วทอดเนตรลงไป ที่ลานกว้างด้านล่าง ทรงเห็นธอร์แวบหนึ่งก่อนที่เขาจะถูกพาออกไป โดยมีเจ้าชายรีสอยู่เคียงข้าง พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปยังค่ายทหารเป็นแน่ เพื่อกลับไปฝึกร่วมกับคนอื่น ๆ เจ้าหญิงทรงรู้สึกเศร้าเสียใจ ทรงคิดสงสัยและหาทางว่าทำอย่างไรจึงได้พบเขาอีก

เจ้าหญิงทรงอยากรู้จักเขามากขึ้น นางต้องหาวิธี สำหรับเรื่องนี้นางต้องคุยกับสตรีนางหนึ่งที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกคนและทุกสิ่งในอาณาจักรนี้ นั่นคือพระมารดา

เจ้าหญิงเกว็นทรงหันหลังแล้ววิ่งฝ่าฝูงชนไปอีกครั้ง เลี้ยวไปตามทางเดินด้านหลังปราสาท ทางที่ทรงจำได้ขึ้นใจ เจ้าหญิงรู้สึกหัวหมุน วันนี้ช่างเป็นวันที่วุ่นวาย เริ่มจากการเข้าเฝ้าพระบิดาในตอนเช้า และได้รู้ข่าวน่าตกใจที่ทรงอยากให้พระองค์สืบทอดอาณาจักร เจ้าหญิงไม่ทันตั้งตัวและไม่ทรงคาดคิดว่าจะเกิดในพันปีนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังทรงไม่เชื่อ พระนางจะปกครองอาณาจักรได้อย่างไร? ทรงพยายามผลักเรื่องนี้ออกจากหัว หวังว่าวันนั้นจะไม่มาถึง ถึงอย่างไรพระบิดาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และเหนืออื่นใด ทรงต้องการให้พระบิดาดำรงพระชนม์ชีพ ทรงอยู่กับพระองค์และทรงมีความสุข

เจ้าหญิงเกว็นไม่อาจลืมการเข้าเฝ้าเมื่อเช้า มีบางอย่างที่หยั่งรากรอเวลา ไม่ว่าเมื่อไรที่เวลานั้นมาถึง พระนางจะเป็นคนต่อไป เป็นผู้สืบทอด ไม่ใช่เชษฐาหรืออนุชา แต่เป็นพระนาง แม้เรื่องนี้จะทำให้หวั่นกลัว แต่ก็ทำให้ทรงรู้สึกสำคัญและมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็น พระบิดาทรงเห็นว่าพระนางเหมาะสมจะเป็นรัชทายาท เห็นว่า พระนาง ทรงชาญฉลาดที่สุด เจ้าหญิงทรงสงสัยว่าด้วยเหตุใดกัน

นอกจากนี้เรื่องนี้ยังทำให้ทรงกังวล ทรงรู้ว่าได้ทำให้เกิดความไม่พอใจและริษยาอย่างมาก ที่สตรีได้รับเลือก เจ้าหญิงทรงรู้สึกถึงความริษยาของเจ้าชายกาเร็ธ และนั่นทำให้หวาดหวั่น ด้วยทรงรู้ดีว่าเชษฐาองค์นี้เป็นคนชอบปั่นหัวและอาฆาต เขาจะไม่หยุดจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งเจ้าหญิงเกว็นไม่ชอบใจเลยที่ต้องตกเป็นเป้า พระนางพยายามคุยกับเชษฐาหลังการเข้าเฝ้า แต่เขาไม่ยอมมองมาด้วยซ้ำ

เจ้าหญิงวิ่งลงไปตามบันไดวน เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินดังก้อง ก่อนจะทรงเลี้ยวไปตามทางเดินอีกแห่ง วิ่งผ่านหอสวดมนต์ด้านหลัง ไปออกประตูอีกด้าน ผ่านทหารยามหลายนาย และเข้าไปในเขตราชฐานชั้นใน เจ้าหญิงต้องการพบพระมารดา ทรงรู้ว่าพระมารดาจะต้องพักผ่อนอยู่ที่นี่ ตอนนี้ทรงเหน็ดเหนื่อยกับงานสังคมที่ยาวนานพวกนี้ และมักจะทรงหลบมาที่ห้องประทับส่วนพระองค์ เพื่อพักผ่อนอยู่บ่อย ๆ

เจ้าหญิงเกว็นผ่านทหารยามอีกนาย เสด็จผ่านห้องโถงอีกห้อง แล้วในที่สุดก็มาถึงประตูห้องแต่งตัวของพระมารดา ทรงกำลังจะเปิดออก แต่ต้องชะงัก เมื่อทรงได้ยินเสียงแว่วมาจากด้านหลังประตู เสียงนั้นดังขึ้น ทรงรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เป็นเสียงของพระมารดากำลังโต้เถียง เจ้าหญิงเงี่ยหูฟัง ทรงได้ยินเสียงพระบิดา ทั้งสองพระองค์กำลังเถียงกัน แต่ทำไมกันล่ะ?

เจ้าหญิงทรงรู้ดีว่าไม่ควรแอบฟัง แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ พระนางเอื้อมมือไปดันประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ ค่อย ๆ ผลักให้แง้มออกเล็กน้อย ยึดที่จับประตูเหล็กไว้ แล้วทรงฟัง

“เขาจะต้องไม่อยู่ในบ้านของข้า” พระมารดาเสียงดัง

“เจ้าด่วนสรุปไป ทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมด”

“ข้ารู้” พระมารดาโต้กลับ “รู้ดีพอ”

เจ้าหญิงได้ยินความเกรี้ยวกราดในน้ำเสียงของพระมารดา ทรงรู้สึกประหลาดใจ พระนางแทบจะไม่เคยเห็นทั้งสองพระองค์ทะเลาะกัน น้อยครั้งมากในชีวิต และไม่เคยได้เห็นพระมารดาขุ่นเคืองถึงเพียงนี้ พระนางไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใด

“เขาจะต้องอยู่ที่ค่ายทหารกับเด็กคนอื่น ๆ ข้าไม่ต้องการให้เขามาอยู่ภายใต้หลังคาของข้า ท่านเข้าใจไหม?” พระมารดาทรงย้ำ

“ปราสาทนี่ใหญ่โต” พระบิดาโต้กลับ “เจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่นี่”

“ข้าไม่สนใจว่าจะรู้หรือไม่ ข้าไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่นี่ เขาเป็นปัญหาของท่าน ท่านเป็นคนพาเขาเข้ามา”

“เจ้าก็มีส่วนเหมือนกัน” พระบิดาโต้

เจ้าหญิงได้ยินเสียงฝีเท้าและเห็นพระบิดาเสด็จออกที่ประตูอีกด้าน แล้วกระแทกปิดตามหลังอย่างแรงจนห้องสะเทือน พระมารดาประทับอยู่กลางห้อง แล้วเริ่มกรรแสง

เจ้าหญิงรู้สึกแย่ พระนางไม่รู้จะทำเช่นไร ใจหนึ่งทรงคิดว่าน่าจะเป็นการดีถ้าจะหลบออกไป แต่อีกใจก็ไม่อาจทนเห็นพระมารดากรรแสง ไม่อาจทิ้งพระนางไว้เช่นนั้น นอกจากนี้ยังทรงไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองพระองค์ถึงโต้เถียงกัน ทรงพอเข้าใจว่าทั้งสองตรัสถึงธอร์ แต่ทำไมกันล่ะ? ทำไมพระมารดาจะต้องทรงสนพระทัยด้วย? มีคนตั้งมากมายอยู่ในปราสาทนี้

เจ้าหญิงเกว็นไม่อาจเดินจากไป ทั้งที่พระมารดากำลังเป็นเช่นนั้น พระนางอยากจะปลอบประโลมพระมารดา จึงเอื้อมมือไปผลักประตูเปิดออก

เสียงเอี้ยดของประตูทำให้พระมารดาหันมา ไม่ทันระวังตัว ทรงนิ่วหน้าใส่ธิดา

“นี่เจ้าไม่เคาะก่อนหรือ?” พระมารดาตะคอก เจ้าหญิงทรงเห็นว่าพระนางทรงอารมณ์ไม่ดีเพียงใดและรู้สึกไม่สบายใจ

“เกิดอะไรขึ้น พระมารดา?” เจ้าหญิงเกว็นตรัสถาม พลางเสด็จเข้าไปหาช้า ๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้ แต่ข้าได้ยินท่านเถียงกับพระบิดา”

“ถูกแล้ว เจ้าไม่ควรสอดรู้” พระมารดาโต้กลับ

เจ้าหญิงประหลาดพระทัย แม้บางครั้งจะพระมารดาจะเกินทนแต่ก็แทบจะไม่เคยเป็นเช่นนี้ ความกริ้วกราดของพระมารดาทำให้ทรงหยุดยืนนิ่งห่างไปหลายฟุตอย่างไม่แน่ใจ

“เรื่องนี้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่มาใหม่อย่างนั้นหรือ? ธอร์ใช่ไหม?” พระนางตรัสถาม

พระมารดาทรงเมินหนี เช็ดน้ำตา

“ข้าไม่เข้าใจ” เจ้าหญิงทูล “ทำไมท่านจะต้องสนใจด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหน?”

“ธุระของข้าไม่ใช่เรื่องของเจ้า” พระมารดาตรัสอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าต้องการจบการสนทนา “เจ้าต้องการอะไร? มาที่นี่ทำไม?”

เจ้าหญิงเริ่มกังวล ทรงอยากให้พระมารดาเล่าทุกสิ่งเกี่ยวกับธอร์ให้ฟัง แต่ตอนนี้คงเป็นจังหวะที่ไม่เหมาะสมที่สุด ทรงกระแอมอย่างลังเล

“ข้า...จริง ๆ ข้าอยากมาถามเรื่องเขา พระมารดาทรงรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง?”

ราชินีทรงหันมาหรี่ตามองธิดาอย่างสงสัย

“ทำไม?” พระนางตรัสถาม อย่างจริงจังที่สุด เจ้าหญิงทรงรู้สึกได้ว่ากำลังถูกมองอย่างพิจารณาทะลุปรุโปร่ง และคงจะทรงรู้ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างว่าเจ้าหญิงเกว็นชอบเขา แม้เจ้าหญิงจะพยายามปิดบังไว้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์

“ข้าเพียงแต่สงสัย” เจ้าหญิงทูลตอบ แต่ไม่น่าเชื่อถือ

ทันใดนั้นราชิขีทรงก้าวมาข้างหน้าสามก้าว คว้าแขนธิดาไว้อย่างแรง แล้วทรงจ้องเขม็ง

“ฟังข้าให้ดี” พระนางตรัสขู่ “ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียว อยู่ให้ห่างจากเด็กคนนั้น ได้ยินที่แม่พูดไหม? ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเข้าใกล้เขา ไม่ว่าในสถานการณ์ใด”

เจ้าหญิงทรงหวาดหวั่น

“ทำไมเพคะ? เขาเป็นวีรบุรุษ”

“เขาไม่ใช่พวกเรา” พระมารดาตรัส “ถึงแม้พระบิดาของเจ้าจะคิดว่าเขาเป็น ข้าอยากให้เจ้าอยู่ห่าง ๆ เขา ได้ยินที่ข้าพูดไหม? สาบานกับแม่ สาบานมาเดี๋ยวนี้”

“ข้าไม่สาบาน” เจ้าหญิงเกว็นทูล พยายามดึงแขนจากการเกาะกุมของพระมารดา

“เขาเป็นสามัญชน ส่วนเจ้าเป็นเจ้าหญิง” พระมารดาทรงตะโกน “เจ้าเป็นเจ้าหญิง เข้าใจไหม? หากเจ้าเข้าใกล้เขา ข้าจะเนรเทศเขาไปจากที่นี่ เข้าใจไหม?”

เจ้าหญิงเกว็นไม่รู้จะตอบอย่างไรดี พระนางไม่เคยเห็นพระมารดาเป็นเช่นนี้

“อย่าทรงสั่งว่าข้าต้องทำเช่นไร พระมารดา” เจ้าหญิงทูลในที่สุด

ทรงพยายามทำเสียงให้กล้าหาญที่สุด แต่ลึกไปภายในกำลังสั่นเทิ้ม พระนางมาที่นี่ด้วยอยากรู้ทุกสิ่ง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหวาดหวั่น และไม่เข้าพระทัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

“ทำตามที่เจ้าต้องการแล้วกัน” พระมารดาตรัส “แต่ชะตาของเขาอยู่ในมือเจ้า อย่าลืมเสียล่ะ”

แล้วพระมารดาก็ทรงหันหลัง เสด็จออกไปจากห้อง กระแทกประตูปิดตามหลัง ทิ้งให้เจ้าหญิงเกว็นประทับอยู่คนเดียวในความเงียบ อารมณ์รื่นเริงถูกทำลายไปหมด อะไรกันที่ทำให้พระมารดาและพระบิดามีพระอาการรุนแรงเช่นนี้?

เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกัน?

Купите 3 книги одновременно и выберите четвёртую в подарок!

Чтобы воспользоваться акцией, добавьте нужные книги в корзину. Сделать это можно на странице каждой книги, либо в общем списке:

  1. Нажмите на многоточие
    рядом с книгой
  2. Выберите пункт
    «Добавить в корзину»