Бесплатно

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Текст
0
Отзывы
iOSAndroidWindows Phone
Куда отправить ссылку на приложение?
Не закрывайте это окно, пока не введёте код в мобильном устройстве
ПовторитьСсылка отправлена
Отметить прочитанной
Шрифт:Меньше АаБольше Аа

“ฝ่าบาท ข้าขอเป็นผู้เริ่ม” โอเว็นทูล

“เชิญ รวบรัดหน่อยนะ วันนี้เวลาข้ามีจำกัด”

“วันนี้เจ้าหญิงคงจะได้รับของขวัญมากมาย ซึ่งเราทั้งหลายหวังว่ามันจะเต็มพระคลังของพระนาง และราษฎรนับพันที่ต้องการถวายบรรณาการและของขวัญแด่พระองค์ ต่างเข้าพักในโรงแรมและร้านนางโลมจนเต็ม นั่นก็คงจะช่วยเติมทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังหลวง แต่อย่างไรก็ตาม จากการเตรียมงานฉลองต่าง ๆ สำหรับวันนี้ทำให้ทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังพร่องไปจำนวนมากพอดู ข้าขอแนะนำให้ขึ้นภาษีราษฎรและพวกขุนนาง เป็นการเก็บครั้งเดียวเพื่อช่วยบรรเทาภาระจากเหตุสำคัญนี้”

ราชาแม็คกิลทรงเห็นความกังวลบนใบหน้าของเสนาบดีคลัง และทรงใจหายเมื่อคิดถึงเรื่องสมบัติในท้องพระคลังที่พร่องหายไป แต่พระองค์จะไม่เก็บภาษีอีก

“คงจะดีกว่า หากมีทรัพย์สมบัติน้อยแต่มีผู้จงรักภักดี” ราชาแม็คกิลตรัส “ความร่ำรวยของเรามาจากความสุขของราษฎร เราจะไม่เก็บภาษีอีก”

“แต่ฝ่าบาท หากเราไม่...”

“ข้าตัดสินใจแล้ว มีเรื่องอะไรอีก?”

โอเว็นทรุดลงนั่ง หมดหวัง

“ข้าแต่พระองค์” บรอมทูลบอกเสียงต่ำ “ตามที่ทรงมีรับสั่งให้เพิ่มกำลังพลประจำการในพระราชพิธีวันนี้ เป็นการแสดงแสนยานุภาพที่น่าประทับใจ แต่การที่เรากระจายกำลังไปเช่นนี้ หากมีการโจมตีขึ้นในอาณาจักร เราจะอ่อนแอ”

ราชาแม็คกิลพยักหน้า คิดทบทวน

“ศัตรูของเราจะไม่โจมตีตอนที่เราเลี้ยงอาหารพวกเขาหรอก”

คนอื่น ๆ พากันหัวเราะ

“แล้วมีข่าวอะไรจากเขตภูเขาบ้าง?”

“ไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวใด ๆ มาหลายสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนกองทัพของพวกนั้นจะถูกดึงไปเตรียมงานพิธีอภิเษกสมรส บางทีพวกนั้นอาจจะพร้อมสงบศึกแล้ว”

ราชาไม่ทรงแน่ใจนัก

“มันอาจจะหมายความว่าการจัดให้มีการแต่งงานนี้ได้ผล หรือพวกมันอาจรอจังหวะโจมตีในโอกาสหน้า ท่านคิดว่าอย่างไร ผู้เฒ่า?” แม็คกิลทรงหันไปตรัสถามอะเบอร์ธอล

อะเบอร์ธอลกระแอม เสียงของเขาแหบพร่า “ฝ่าบาท เสด็จพ่อและเสด็จปู่ของพระองค์ ไม่เคยไว้ใจพวกแม็คคลาวด์ การที่พวกเขากำลังนอนหลับ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไม่ตื่น”

แม็คกิลพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดนี้

“แล้วกองทหารยุวชน เป็นอย่างไรบ้าง?” พระองค์ตรัสถามคอล์ค

“วันนี้เราได้ทหารเกณฑ์มาใหม่” คอล์คทูลตอบ พร้อมพยักหน้าเร็ว

“ลูกชายข้าอยู่ด้วยไหม?” ราชาตรัสถาม

“เจ้าชายยืนอย่างภาคภูมิร่วมกับคนอื่น ๆ และทรงเป็นทหารที่ดี”

แม็คกิลพยักหน้า แล้วทรงหันไปหาบราเดห์

“มีข่าวอะไรจากภายนอกหุบเขาบ้าง?”

“ฝ่าบาท หน่วยลาดตระเวนของเราพบว่ามีการพยายามจะข้ามมาหลายครั้งในช่วงไม่นานนี้ อาจจะเป็นสัญญาณว่า พวกคนเถื่อนกำลังระดมกำลังเพื่อโจมตี”

“ถ้าหากมีการโจมตีเต็มกำลังล่ะ?” ราชาตรัสถาม

“ตราบเท่าที่เกราะยังทำงาน เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว พวกคนเถื่อนไม่เคยข้ามหุบเขาได้สำเร็จมาหลายศตวรรษแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะคิดเป็นอย่างอื่น”

ราชาแม็คกิลไม่มั่นใจนัก การโจมตีจากภายนอกนั้นล่วงเลยมานาน พระองค์อดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไร

“ฝ่าบาท” เฟิร์ธทูลด้วยเสียงขึ้นจมูกของเขา “ข้าจำเป็นต้องทูลว่าวันนี้ราชสำนักจะเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากอาณาจักรแม็คคลาวด์ คงจะเป็นการดูหมิ่นหากพระองค์ไม่ทรงให้การต้อนรับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคู่ปรับหรือไม่ ข้าขอแนะนำว่าฝ่าบาทควรจะใช้เวลาบ่ายนี้เพื่อทักทายพวกเขา นอกจากนี้ยังมีคณะผู้ติดตามกลุ่มใหญ่ ของขวัญจำนวนมาก และตามข่าวว่ามีสายลับจำนวนมากด้วย”

“ใครจะบอกได้ว่าสายลับไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วหรอกหรือ?” แม็คกิลตรัสถาม พลางมองเฟิร์ธอย่างพิจารณา และสงสัยเหมือนเช่นเคยว่าสายลับอาจจะเป็นเขาเอง

เฟิร์ธอ้าปากจะตอบ แต่ราชาแม็คกิลถอนหายใจพลางยกหัตถ์ขึ้น จบการสนทนา “ถ้ามีเรื่องเพียงเท่านี้ งั้นข้าจะไปล่ะ ต้องไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวข้า”

“ฝ่าบาท” เคลวินทูล กระแอมกระไอ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ตามจารีตประเพณี ในวันอภิเษกสมรสของบุตรองค์โตของพระองค์ กษัตริย์แม็คกิลทุกพระองค์จะต้องแต่งตั้งผู้สืบราชบัลลังก์ ราษฎรคงคาดหวังว่าพระองค์ก็จะทำเช่นเดียวกัน พวกเขาเริ่มซุบซิบกันแล้ว คงจะไม่เป็นการดีหากจะทำให้พวกเขาผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อดาบโชคชะตายังคงไม่ขยับ”

“เจ้าจะให้ข้าแต่งตั้งรัชทายาททั้งที่ข้ายังครองราชย์อยู่อย่างนั้นหรือ?” ราชาตรัสถาม

“ฝ่าบาท ข้ามิได้มีเจตนาจะทำให้ทรงขุ่นเคือง” เคลวินละล่ำละลัก เป็นกังวล

ราชายกหัตถ์ขึ้น “ข้ารู้ประเพณีดี และที่จริงวันนี้ข้าจะเลือกทายาทคนหนึ่ง”

“ทรงบอกพวกเราได้หรือไม่ว่าเป็นใคร?” เฟิร์ธทูลถาม

ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรมองเขาอย่างรำคาญ เฟิร์ธเป็นพวกช่างนินทา และพระองค์ไม่ไว้ใจชายผู้นี้

“เจ้าจะรู้ข่าวเองเมื่อเวลาเหมาะสม”

พระราชาประทับยืนขึ้น ทุกคนลุกตาม พวกเขาโค้งคำนับ แล้วหันหลังรีบออกจากท้องพระโรงไป

ราชาแม็คกิลยังคงประทับนิ่ง ครุ่นคิดไม่รู้ว่านานเท่าไร ในวันเช่นวันนี้พระองค์นึกหวัง ไม่อยากเป็นพระราชา

*

พระราชาเสด็จลงจากบัลลังก์ ฉลองพระบาทดังสะท้อนในความเงียบ ขณะเสด็จไปตามท้องพระโรง ทรงเปิดประตูไม้โอ๊คโบราณด้วยพระองค์เอง ทรงดึงที่จับประตูทำจากเหล็ก แล้วเสด็จเข้าไปในห้องด้านข้าง

พระองค์ทรงสำราญกับความสงบและสันโดษของห้องแสนสบายนี้เหมือนเช่นเคย ผนังห้องกว้างด้านละไม่ถึงยี่สิบก้าว แต่มีเพดานโค้งสูง ทั้งห้องทำด้วยหิน มีหน้าต่างกลมประดับกระจกสีเล็ก ๆ หนึ่งบานบนผนังด้านหนึ่ง แสงส่องผ่านกระจกสีเหลืองและแดง ส่องต้องวัตถุเพียงสิ่งเดียวในห้องโล่ง ๆ นี้

ดาบโชคชะตา

มันถูกวางอยู่กลางห้อง ทอดตัวอยู่บนแท่นรอง ยั่วยวนเหมือนหญิงงาม ราชาแม็คกิลเสด็จเข้าไปใกล้ วนดู และสำรวจดาบเล่มนี้เหมือนที่เคยทำเมื่อทรงพระเยาว์ ดาบโชคชะตา เป็นดาบในตำนาน เป็นขุมพลังและอำนาจของทั้งอาณาจักร ตกทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง ใครก็ตามที่มีพละกำลังยกมันขึ้นได้จะเป็นผู้ที่ถูกเลือก ผู้ที่ถูกกำหนดให้ปกครองอาณาจักรไปตลอดชีวิต ช่วยปลดปล่อยอาณาจักรจากภยันตรายทั้งปวง ทั้งภายในและภายนอกวงแหวน แม็คกิลทรงเติบโตมากับตำนานอันงดงามนี้ และทันทีที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ จึงได้ทรงลองยกดาบนี้ เนื่องจากมีเพียงกษัตริย์ราชวงศ์แม็คกิลเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ลองยก พระราชาทุกพระองค์ก่อนหน้าทรงทำไม่สำเร็จ แม็คกิลมั่นใจว่าพระองค์จะแตกต่าง มั่นใจว่าพระองค์คือผู้ถูกเลือก

แต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้น ความล้มเหลวของพระองค์เป็นรอยด่างในความเป็นกษัตริย์ของพระองค์นับตั้งแต่นั้น เช่นเดียวกับพระราชาทุกพระองค์ก่อนหน้านี้

ตอนนี้ราชาแม็คกิลกำลังทอดพระเนตรดาบโชคชะตา ทรงสำรวจคมดาบยาวที่สร้างขึ้นจากวัตถุที่เป็นปริศนา ซึ่งไม่เคยมีใครรู้จัก ต้นกำเนิดของดาบเล่มนี้ยิ่งคลุมเครือ มีข่าวลือว่ามันผุดขึ้นมาจากพื้นดินขณะเกิดแผ่นดินไหว

เมื่อมองดูมันอีก ก็ทรงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากความล้มเหลวขึ้นอีกครั้ง แม้จะทรงเป็นราชาที่ดี แต่ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ราษฎรรู้เรื่องนี้ดี ศัตรูของพระองค์ก็รู้ ถึงจะเป็นพระราชาที่ดี แต่ไม่ว่าจะทรงทำสิ่งใด พระองค์ก็ไม่มีทางเป็นผู้ที่ถูกเลือกได้

หากพระองค์สามารถยกดาบขึ้นได้ ทรงคิดว่าความไม่สงบในราชสำนัก การสมคบคิดกันคงจะมีน้อยลง ราษฎรก็จะเชื่อมั่นในพระองค์มากขึ้น ศัตรูก็จะไม่กล้าคิดรุกราน ส่วนหนึ่งของพระองค์อยากให้ดาบเล่มนี้หายไปพร้อมกับตำนานของมัน แต่ทรงรู้ดีว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น มันเป็นคำสาป และอำนาจของตำนาน แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ากองทัพ

ขณะที่ทรงทอดพระเนตรดูมันเป็นครั้งที่พัน ราชาแม็คกิลอดสงสัยขึ้นมาอีกไม่ได้ ว่าใครจะเป็นผู้ถูกเลือก สายเลือดของพระองค์คนใดถูกกำหนดให้ยกมันขึ้นได้? ขณะคิดถึงดาบที่วางอยู่ตรงหน้า และการเลือก

รัชทายาท ทรงสงสัยว่าจะบุตรคนใดจะถูกกำหนดให้ยกดาบขึ้นได้

“น้ำหนักของดาบนั้นมหาศาล” มีเสียงดังขึ้น

ราชาแม็คกิลหมุนตัว ทรงประหลาดใจที่มีคนอื่นอยู่ในห้องเล็กนี้ด้วย

พบอาร์กอนยืนอยู่ตรงช่องประตู แม็คกิลทรงจำเสียงของเขาได้ก่อนที่จะเห็นตัวเสียอีก ทั้งหงุดหงิดที่เขาไม่มาเฝ้าก่อนหน้านี้และทั้งยินดีที่เขามาในตอนนี้

“ท่านมาสาย” แม็คกิลตรัส

“การรับรู้เรื่องเวลาของพระองค์ใช้กับข้าไม่ได้” อาร์กอนทูลตอบ

ราชาแม็คกิลหันกลับไปที่ดาบ

“ท่านเคยคิดไหมว่าข้าจะสามารถยกมันขึ้นได้?” ตรัสถามอย่างครุ่นคิด “เมื่อวันที่ข้าขึ้นครองราชย์”

“ไม่” อาร์กอนทูลตอบเสียงเรียบ

แม็คกิลหันกลับมาทอดพระเนตรเขา

“ท่านรู้ว่าข้าจะทำไม่ได้ ท่านเห็นมันใช่ไหม?”

“ถูกแล้ว”

พระราชาทรงครุ่นคิด

“มันทำให้ข้ากลัวเวลาที่ท่านตอบตรง ๆ นี่ไม่เหมือนเป็นท่านเลย”

อาร์กอนนิ่งเงียบ จนในที่สุดราชาแม็คกิลจึงทรงตระหนักว่าเขาจะไม่กล่าวสิ่งใดอีก

“วันนี้ข้าจะเลือกรัชทายาท” พระราชาตรัส “มันรู้สึกไม่มีประโยชน์เลยที่จะเลือกรัชทายาทในวันนี้ เป็นเรื่องทำลายความสุขของราชาในงานแต่งงานของลูกสาว”

“บางทีความสำราญเช่นนั้นอาจจะต้องลดน้อยลง”

“แต่ข้ายังเหลือเวลาครองราชย์อีกหลายปี” แม็คกิลทรงอ้าง

“อาจจะไม่มากเท่าที่ท่านคิด” อาร์กอนทูลตอบ

ราชาแม็คกิลหรี่พระเนตร นึกสงสัย นี่เป็นข้อความอย่างนั้นหรือ?

แต่อาร์กอนก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มอีก

“ลูกหกคน ข้าควรจะเลือกใคร?” ราชาตรัสถาม

“ทำไมทรงถามข้า? ในเมื่อพระองค์ได้เลือกแล้ว”

แม็คกิลทอดเนตรมองเขา “ท่านเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมาย ถูกต้อง ข้าได้เลือกแล้ว แต่ข้าอยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร”

“ข้าคิดว่าทรงเลือกได้ฉลาด” อาร์กอนทูล “แต่ทรงจำไว้ว่า ราชาไม่สามารถปกครองจากหลุมศพ ไม่ว่าท่านคิดจะเลือกใคร โชคชะตาก็มีทางเลือกของมันเอง”

“ข้าจะมีชีวิตอยู่ไหม อาร์กอน?” แม็คกิลตรัสถามจริงจัง ถามคำถามที่ทรงอยากรู้นับตั้งแต่ตื่นบรรทมจากฝันร้ายน่ากลัวเมื่อกลางดึกคืนก่อน

“เมื่อคืนข้าฝันถึงอีกา” ทรงเล่าเพิ่ม “มันเข้ามาขโมยมงกุฎของข้า แล้วกาอีกตัวก็พาข้าไป ข้ามองเห็นอาณาจักรอยู่เบื้องล่าง มันกลายเป็นสีดำเมื่อข้าผ่านไป กลายเป็นที่ดินแห้งแล้งและรกร้าง”

ทรงเงยหน้ามองอาร์กอน น้ำพระเนตรคลอ

“มันเป็นแค่ความฝัน หรือมีอะไรมากกว่านั้น?”

“ความฝันมักมีอะไรมากกว่านั้นเสมอ มิใช่หรือ?” อาร์กอนทูลถาม

ราชาแม็คกิลทรงห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

“อันตรายอยู่ที่ไหน? บอกข้าอีกหน่อยเถอะ”

อาร์กอนก้าวเข้าไปใกล้ แล้วจ้องมองพระเนตรอย่างจริงจัง พระราชาแม็คกิลทรงรู้สึกราวกับกำลังมองเข้าไปยังอีกโลกหนึ่ง

อาร์กอนก้าวไปข้างหน้า แล้วกระซิบว่า

“มักจะอยู่ใกล้กว่าที่ทรงคิด”

บทที่ 4

ธอร์ซ่อนตัวอยู่ในกองฟางด้านหลังรถม้าที่แล่นกระแทกกระทั้นไปตามถนนชนบท เขาวิ่งมาถึงถนนเมื่อคืนก่อนและรอคอยอย่างอดทนจนกระทั่งรถม้าบรรทุกที่ผ่านมาใหญ่พอที่เขาจะแอบขึ้นไปโดยไม่เป็นที่สังเกต ตอนนั้นมืดแล้ว และรถม้าแล่นช้าพอที่เขาจะวิ่งไล่และกระโดดขึ้นไปด้านหลัง เขาหล่นลงบนกองฟางและมุดแอบอยู่ด้านใน โชคดีที่คนขับไม่เห็นเขา ธอร์ไม่แน่ใจว่ารถม้าคันนี้จะไปที่ปราสาทของพระราชาหรือไม่ แต่มันมุ่งหน้าไปทางนั้น และรถม้าใหญ่ขนาดนี้กับเครื่องหมายต่าง ๆ พวกนี้ คงจะไปอยู่ไม่กี่แห่ง

ระหว่างที่ธอร์เดินทางมาทั้งคืน เขาตื่นอยู่หลายชั่วโมง นอนคิดถึงการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย การได้พบอาร์กอน และคิดถึงโชคชะตาของเขา บ้านหลังเก่าและมารดา เขารู้สึกว่าจักรวาลกำลังตอบรับเขา บอกว่าเขามีชะตากรรมอื่นอีก เขานอนประสานมือหนุนศีรษะ มองท้องฟ้ายามค่ำคืน ผ่านหลังคาผ้าใบรุ่งริ่ง ธอร์มองดูจักรวาลสุกสกาว กลุ่มดาวสีแดงช่างอยู่ห่างไกล เขารู้สึกเบิกบานใจ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เขาได้ออกเดินทาง เขาไม่รู้ว่าไปไหนแต่เขาก็จะไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไปให้ถึงปราสาทของพระราชา

 

เมื่อธอร์ลืมตาตื่นในตอนเช้า แสงสว่างจ้าพุ่งเข้ามา เขาจึงรู้ตัวว่าเผลอหลับไป เขารีบลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบ ๆ ก่นด่าตัวเองที่หลับไป เขาควรจะระวังมากกว่านี้ เขาโชคดีแล้วที่ไม่โดนจับได้

รถม้ายังคงเคลื่อนที่ แต่ไม่กระเทือนมาก นั่นหมายถึงถนนดีขึ้นแล้ว พวกเขาคงจะอยู่ใกล้เมือง ธอร์มองลงไปและเห็นว่าถนนเรียบ ไม่มีก้อนหิน ไม่มีหลุมบ่อ วางแนวด้วยเปลือกหอยสีขาวสะอาด หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น พวกเขากำลังจะถึงปราสาทของพระราชาแล้ว

ธอร์มองไปด้านหลังของรถม้าแล้วรู้สึกเต็มตื้น บนถนนเรียบสะอาดนี้ มีกิจกรรมมากมาย รถม้าหลายสิบคัน มีทุกแบบทุกขนาดบรรทุกของหลากหลายชนิด แล่นอยู่เต็มถนน คันหนึ่งบรรทุกขนสัตว์ อีกคันบรรทุกพรม มีอีกคันบรรทุกไก่ นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าอีกหลายร้อยคนเดินเท้ามา บางคนจูงฝูงปศุสัตว์ บ้างก็เทินตะกร้าสินค้าบนศีรษะ ชายสี่คนถือมัดผ้าไหม ทรงตัวมาบนไม้ค้ำถ่อ ฝูงชนต่างมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน

ธอร์รู้สึกมีชีวิตชีวา เขาไม่เคยเห็นคนเยอะขนาดนี้ ไม่เคยเห็นสินค้ามากมาย เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น เขาเคยอยู่แต่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ มาตลอดชีวิต แล้วตอนนี้ได้มาอยู่ที่ศูนย์กลาง แวดล้อมด้วยผู้คน

เขาได้ยินเสียงดัง เสียงโซ่กระทบกัน เสียงไม้แผ่นใหญ่กระแทกแรงมากจนพื้นสะเทือน ครู่ต่อมามีเสียงอื่นดังขึ้น เป็นเสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นไม้ ธอร์มองลงไปจึงเห็นว่าพวกเขากำลังข้ามสะพาน เบื้องล่างคือคูน้ำกว้าง นี่คือสะพานยกนั่นเอง

ธอร์ชะโงกออกไปดู เห็นเสาหินขนาดใหญ่ มีประตูเหล็กแหลมอยู่ด้านบน พวกเขากำลังผ่านประตูกษัตริย์

มันเป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเห็น ธอร์เงยหน้ามองเหล็กแหลม นึกสงสัยว่าหากมันหล่นลงมา พวกเขาคงจะถูกผ่าเป็นสองซีก เขาสังเกตเห็นทหารกองรบเงินสี่นายเฝ้าที่ทางเข้า หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น

พวกเขาผ่านอุโมงค์หินยาว ครู่ต่อมาท้องฟ้าจึงปรากฏอีกครั้ง พวกเขาอยู่ภายในเขตปราสาทของพระราชาแล้ว

ธอร์แทบไม่อยากเชื่อ ภายในนี้ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเสียอีก ถ้าจะเป็นไปได้ ดูเหมือนมีผู้คนนับพัน หลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทาง มีสนามหญ้ากว้างเพิ่งตัดใหม่ ดอกไม้บานอยู่ทุกแห่ง ถนนกว้างขึ้น สองข้างทางเป็นซุ้ม แผงขายของ และตึกหิน มีทหารของพระราชาอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ แต่งกายด้วยชุดเกราะ ธอร์ทำสำเร็จแล้ว

ด้วยความตื่นเต้น ธอร์ยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขาทำเช่นนั้น รถม้าก็หยุดลงทันที ทำให้เขาเซหงายหลัง ลงไปนอนบนกองฟาง ก่อนที่ธอร์จะทันลุกขึ้น เขาได้ยินเสียงไม้เปิดออก มองขึ้นไปเห็นชายชรา ศีรษะล้าน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ ทำหน้าบึ้งตึงโกรธเกรี้ยว คนขับรถม้ายื่นมือเข้ามา คว้าข้อเท้าธอร์ไว้ด้วยมือผอมมีแต่กระดูก แล้วลากเขาออกมา

ธอร์ลอยลงไปนอนกระแทกพื้นดิน เกิดฝุ่นฟุ้งตลบ เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา

“ถ้าคราวหน้าเจ้าแอบขึ้นรถข้าอีก เจ้าหนู เจ้าโดนล่ามแน่ ๆ โชคดีแล้วที่ข้าไม่เรียกกองรบเงินมาตอนนี้”

ชายแก่หันหลัง ถ่มน้ำลาย รีบกลับไปขึ้นรถแล้วเฆี่ยนม้าให้ออกวิ่งไป

ธอร์ค่อย ๆ เรียกสติแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความอาย เขามองไปรอบ ๆ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาคนหรือสองคนหัวเราะเบา ๆ ธอร์ยิ้มเยาะกลับไปจนพวกนั้นเมินหลบ เขาปัดฝุ่นออกแล้วถูแขนทั้งสองข้าง แม้ความภาคภูมิของเขาจะถูกทำร้าย แต่ไม่ใช่ร่างกายของเขา

กำลังใจของเขาคืนกลับมาขณะที่มองไปรอบ ๆ รู้สึกพิศวงและคิดว่าเขาควรจะมีความสุขที่อย่างน้อยเขาก็มาได้ไกลขนาดนี้แล้ว ตอนนี้เขาได้ออกจากรถม้าและมองดูรอบ ๆ ได้อย่างอิสระ เป็นทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ สนามกว้างสุดลูกหูลูกตา ตรงกลางคือปราสาทหินงดงาม ล้อมรอบด้วยหอคอย กำแพงหินแข็งแรงที่มีเชิงเทินอยู่ด้านบน ทุกแห่งมีทหารของพระราชาเดินลาดตระเวน รอบตัวพวกเขาคือสนามหญ้าสีเขียวที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีเยี่ยม ลานหิน น้ำพุ สวนต้นไม้ นี่คือเมืองกรุง มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามา

ทุกแห่งเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย ทั้งพ่อค้า ทหาร คนชั้นสูงที่ต่างดูรีบเร่ง ธอร์ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเข้าใจว่ามีเหตุการณ์สำคัญกำลังเกิดขึ้น ระหว่างที่เขาเดินไปเรื่อย ๆ ได้เห็นว่ากำลังมีการเตรียมการ วางเก้าอี้และตั้งปะรำพิธี ดูเหมือนพวกเขากำลังเตรียมงานแต่งงาน

หัวใจธอร์เต้นสะดุด สิ่งที่เขาเห็นอยู่ไกล ๆ นั่นคือสนามประลองบนหลังม้าของอัศวิน ทางดินยาวที่มีเชือกกั้นแบ่ง ส่วนอีกสนามเขาเห็นทหารกำลังขว้างหอกใส่เป้าที่อยู่ไกลออกไป สนามอีกด้านมีนักธนูกำลังเล็งไปที่มัดฟาง ดูเหมือนทุกที่มีแต่การละเล่น การแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีดนตรี พิณ ขลุ่ย และฉิ่งฉาบ คณะนักดนตรีเดินเตร่ไปทั่ว เหล้าองุ่นถังใหญ่ถูกกลิ้งออกมา มีการเตรียมจัดโต๊ะและอาหาร บริเวณงานเลี้ยงไกลสุดลูกหูลูกตา เหมือนกับธอร์เข้าไปอยู่ท่ามกลางการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่

ระหว่างที่กำลังสงสัยกับสิ่งรอบตัว ธอร์นึกขึ้นได้ว่าต้องหากองทหารยุวชน เขามาช้าแล้ว และเขาต้องแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จัก

ธอร์รีบไปหาคนแรกที่เขาเห็น เป็นชายแก่ที่ดูจากเสื้อคลุมเปื้อนคราบเลือด น่าจะเป็นคนขายเนื้อ กำลังรีบเดินไปตามถนน ทุกคนที่นี่ดูเร่งรีบ

“ขอโทษครับ ท่าน” ธอร์กล่าว คว้าแขนเขาไว้

ชายแก่ก้มมองดูมือของธอร์อย่างไม่พอใจ

“อะไรกัน เจ้าหนู?”

“ข้ากำลังหากองทหารยุวชนของพระราชา ท่านรู้ไหมว่าพวกเขาฝึกกันที่ไหน?”

“ข้าดูเหมือนแผนที่อย่างนั้นหรือ?” ชายแก่ทำเสียงไม่พอใจ แล้วผละจากไป

ธอร์ผงะกับความหยาบคายนั้น

เขาหันไปหาคนถัดไป เป็นผู้หญิงที่กำลังนวดแป้งอยู่บนโต๊ะยาว มีผู้หญิงหลายคนที่โต๊ะตัวนี้ กำลังทำงานกันคร่ำเคร่ง ธอร์คิดว่าพวกนางคนหนึ่งน่าจะรู้

“ขอโทษครับ แม่หญิง” เขาบอก “ท่านพอจะรู้ไหมว่ากองทหารยุวชนของพระราชาฝึกกันที่ไหน?”

พวกนางมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก บางคนดูแก่กว่าเขาไม่กี่ปี

คนที่ดูอายุมากที่สุดหันมามองเขา

“เจ้ามาหาผิดที่แล้วล่ะ” นางบอก “ที่นี่พวกเรากำลังเตรียมงานฉลอง”

“แต่มีคนบอกข้าว่าพวกเขาฝึกกันในบริเวณปราสาทของพระราชา” ธอร์บอก รู้สึกงุนงง

กลุ่มผู้หญิงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง คนที่โตสุดยกมือเท้าสะโพกแล้วส่ายศีรษะ

“เจ้าทำเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาที่ปราสาท เจ้าไม่รู้รึไงว่ามันใหญ่โตแค่ไหน?”

ธอร์หน้าแดงเมื่อพวกผู้หญิงหัวเราะ จากนั้นจึงผละจากมา เขาไม่ชอบที่ถูกล้อเลียน

เด็กหนุ่มเห็นถนนหลายสิบสายอยู่ตรงหน้า คดโค้งไปมาทั่วเขตปราสาท ตลอดแนวกำแพงมีประตูทางเข้าอย่างน้อยสิบสองแห่ง ขนาดและขอบเขตของที่นี่ช่างไพศาล เขารู้สึกท้อแท้ ถึงหากันหลายวันก็อาจจะไม่เจอ

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ทหารต้องรู้แน่นอนว่าพวกนั้นฝึกกันที่ไหน เขารู้สึกกังวลที่จะต้องไปหาทหารของพระราชา แต่ก็รู้ว่าต้องทำ

ธอร์หันหลัง รีบไปที่กำแพงเมือง ที่มีทหารยืนเฝ้ายามตรงประตูที่อยู่ใกล้ที่สุด หวังว่าจะไม่ถูกโยนออกมา ทหารยามยืนตรง มองตรงไปข้างหน้า

“ข้ากำลังหากองทหารยุวชน” ธอร์บอก พยายามทำเสียงให้กล้าหาญที่สุด

ทหารยังคงมองตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจเขา

“ข้าบอกว่าข้ากำลังหากองทหารยุวชน!” ธอร์ยืนกราน เสียงดังขึ้น ตั้งใจให้เขาสนใจ

หลังจากผ่านไปสองสามวินาที ทหารนายนั้นเหลือบมามอง ยิ้มเยาะ

“ท่านบอกข้าได้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?” ธอร์เซ้าซี้

“แล้วเจ้ามีธุระอะไรกับพวกนั้น?”

“ธุระสำคัญมาก ๆ” ธอร์รีบบอก หวังว่าทหารนายนี้จะไม่ผลักไสเขา

ทหารหันกลับไปมองตรงไปด้านหน้า ไม่สนใจเขาอีกครั้ง ธอร์รู้สึกหมดหวัง กลัวว่าเขาคงจะไม่ได้คำตอบ

แต่หลังจากที่รู้สึกเหมือนนานมาก ทหารก็ตอบเขา “ไปทางประตูตะวันออก จากนั้นมุ่งหน้าไปทางเหนือให้ไกลเท่าที่เจ้าจะไปได้ แล้วใช้ประตูที่สามทางซ้ายมือ แล้วแยกไปทางขวา และขวาอีกที ผ่านประตูหินโค้งอันที่สอง พวกนั้นอยู่หลังประตูนั้นแหละ แต่ข้าขอบอกว่าเจ้าเสียเวลาเปล่า พวกเขาไม่ต้อนรับแขกหรอก”

นั่นคือทั้งหมดที่ธอร์ต้องการได้ยิน เขาหันหลังวิ่งข้ามสนาม ไปตามคำบอกโดยไม่รอช้า ทบทวนทิศทางอยู่ในใจ พยายามจดจำมัน เขาสังเกตว่าดวงอาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้น ได้แต่ภาวนาว่าเมื่อเขาไปถึง มันจะยังไม่สายเกินไป

*

ธอร์รีบวิ่งไปตามถนนสะอาดที่วางเปลือกหอยเป็นแนว เลี้ยวไปมาไปตามทางในเขตปราสาท เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะไปตามทางที่รู้มา และหวังว่าเขาจะไม่หลงทาง ที่อีกฟากของสนาม เขาเห็นประตูทั้งหมด แล้วเลือกบานที่สามทางซ้าย เขาวิ่งผ่านเข้าไปแล้วไปตามทางแยก วิ่งไปตามทางแล้วทางเล่า ธอร์วิ่งฝ่าฝูงชน ผู้คนนับพันหลั่งไหลเข้ามาในเมือง ฝูงชนหนาแน่นขึ้นทุกนาที ไหล่เขากระแทกกับนักเล่นพิณ นักมายากล ตัวตลก และผู้ให้ความบันเทิงทุกรูปแบบ ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงาม

ธอร์ทนไม่ได้เมื่อคิดว่าการคัดเลือกเริ่มต้นไปแล้วโดยไม่มีเขา พยายามตั้งสมาธิขณะที่เลี้ยวไปตามทาง มองหาสัญลักษณ์ใด ๆ ของสนามฝึก เขาวิ่งผ่านประตูหินโค้ง เลี้ยวไปตามถนนอีกสาย และที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ นั่นคือจุดหมายปลายทางของเขา อัฒจันทร์ขนาดเล็ก สร้างจากหินเป็นรูปวงกลมสมบูรณ์ มีทหารยืนเฝ้ายามที่ประตูขนาดใหญ่ตรงกลาง ธอร์ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีแว่วดังมาจากด้านหลังกำแพงแล้วใจเต้นรัว เขามาถูกที่แล้ว

ธอร์วิ่งเร็วจนหายใจไม่ทัน เมื่อเขาไปถึงประตู ทหารยามสองนายก้าวออกมาแล้วลดหอกของพวกเขาลงขวางทางไว้ ทหารยามคนที่สามก้าวมา ยกมือขึ้นห้าม

“หยุดอยู่ตรงนั้น” เขาสั่ง

ธอร์หยุดทันที หอบหายใจ แทบจะระงับความตื่นเต้นไม่ได้

“ท่าน...ไม่...เข้าใจ” เขาหอบ ตะกุกตะกักคำพูดออกมาระหว่างพยายามหายใจ “ข้าต้องเข้าไปข้างใน ข้ามาช้าแล้ว”

“ช้าสำหรับอะไร?”

“การคัดเลือก”

ทหารยามร่างเตี้ยล่ำมีผิวตะปุ่มตะป่ำ หันไปมองเพื่อน ที่มองกลับมาอย่างดูถูก เขาหันกลับมามองสำรวจธอร์ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

“พวกเกณฑ์ใหม่ถูกพาเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้ว มากับรถม้าหลวง ถ้าเจ้าไม่ได้รับเชิญ ก็เข้าไปไม่ได้”

“แต่ท่านไม่เข้าใจ ข้าต้อง...”

ทหารยามยื่นมือมาคว้าเสื้อของธอร์

“เจ้าสิไม่เข้าใจ เจ้าเด็กอวดดี กล้าดียังไงถึงมาที่นี่และพยายามจะบุกเข้าไป? ไปได้แล้ว ก่อนที่ข้าจะจับล่าม”

เขาผลักธอร์ กระเด็นถอนหลังไปหลายฟุต

ธอร์เจ็บที่อกตรงที่ถูกทหารยามผลัก แต่ยิ่งกว่านั้นคือเจ็บที่ถูกปฏิเสธ เขารู้สึกโกรธ เขาไม่ได้มาไกลขนาดนี้เพื่อถูกปฏิเสธจากทหารยามโดยที่ยังไม่ได้เข้าไปแสดงตัว เขาตั้งใจที่จะเข้าไปข้างในให้ได้

ทหารยามนายนั้นหันกลับไปหาเพื่อน ธอร์เดินจากมาช้า ๆ เขาเดินตามเข็มนาฬิกาไปรอบอาคารรูปวงกลม เด็กหนุ่มมีแผนอยู่ในใจ เขาเดินไปจนพ้นสายตา จากนั้นจึงวิ่งเหยาะ ๆ เลาะไปตามกำแพง เขาหันไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีทหารยามกำลังมอง แล้วจึงเร่งฝีเท้าขึ้นเต็มกำลัง เมื่อไปได้ครึ่งทางเขาสังเกตเห็นอีกช่องทางเข้าไปในสนาม สูงขึ้นไปมีช่องโค้งในกำแพงหิน มีลูกกรงเหล็กกั้นไว้ แต่มีช่องหนึ่งที่ลูกกรงเหล็กหายไป เขาได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้นอีก ธอร์โหนตัวขึ้นไปแล้วมอง

หัวใจเขาเต้นรัวเร็ว ที่เห็นอยู่ภายในสนามฝึกขนาดใหญ่คือพลที่เกณฑ์มาใหม่หลายสิบคน รวมทั้งพวกพี่ชายของเขา กำลังเข้าแถว พวกนั้นยืนอยู่ต่อหน้าทหารกองรบเงินสิบสองนาย มีทหารเดินตรวจแถวเพื่อประเมิน

พวกที่เกณฑ์ใหม่อีกกลุ่มยืนอยู่อีกด้าน มีทหารนายหนึ่งเฝ้าดูอยู่ พวกนั้นกำลังขว้างหอกไปที่เป้าที่อยู่ห่างออกไป มีคนหนึ่งขว้างพลาด

เลือดของธอร์ร้อนผ่าวด้วยความขุ่นเคือง เขาสามารถขว้างโดนเป้าพวกนั้นได้ เขาก็เก่งไม่น้อยไปกว่าพวกนั้น เพียงแค่เขาเด็กกว่า ตัวเล็กกว่า มันไม่ยุติธรรมเลยที่เขาถูกกันออกมา

ทันใดนั้น ธอร์รู้สึกว่ามีมือบนหลังเขาและถูกดึงลอยลงมา กระแทกพื้นแข็งด้านล่างจนจุกแอ้ด

เขามองขึ้นมาเห็นทหารยามจากหน้าประตู กำลังยิ้มเยาะ

“ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไรเจ้าหนู?”

ก่อนที่เขาจะทันมีปฏิกิริยาอย่างไร ทหารยามเอนตัวแล้วเตะธอร์อย่างแรง เขารู้สึกถึงแรงกระแทกที่ซี่โครง ขณะที่ทหารยามเตรียมจะเตะเขาอีกครั้ง

คราวนี้ ธอร์ยึดขาของทหารยามไว้ได้กลางอากาศ เขาผลัก ทำให้ทหารเสียการทรงตัวแล้วล้มลง

ธอร์รีบลุกขึ้นยืน ในขณะเดียวกัน ทหารยามก็ลุกขึ้นยืนด้วย ธอร์จ้องมองเขา ตกใจกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป ทหารถลึงตาใส่เขา

“ข้าไม่เพียงแต่จะล่ามเจ้าเท่านั้น” ทหารยามขู่ “แต่ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ ไม่มีใครแตะต้องทหารของพระราชาได้ ลืมไปเลยเรื่องการเข้าร่วมกองทหารยุวชนของเจ้า ตอนนี้เจ้าต้องถูกเฉดไปอยู่ในคุกใต้ดิน! เจ้าคงจะโชคดีถ้าได้ออกมาให้ใครพบเจออีก!”

ทหารยามดึงโซ่ตรวนของเขาออกมา แล้วก้าวเข้าหาธอร์ มีความเคียดแค้นบนใบหน้า

ธอร์รีบคิด เขายอมให้ตัวเองถูกตีตรวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากจะทำร้ายทหารยาม เขาต้องคิดหาทางอื่น และต้องคิดให้เร็วด้วย

เด็กหนุ่มนึกถึงหนังสติ๊กของเขา สัญชาตญาณเข้าควบคุมเมื่อเขาคว้ามันขึ้นมา ใส่ลูกหิน เล็งแล้วยิง

ลูกหินแหวกอากาศไปกระแทกโซ่ตรวนหลุดจากมือทหารยามที่กำลังตกตะลึง มันยังกระแทกโดนนิ้วของเขาด้วย ทหารยามผงะและสะบัดมือ ตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่โซ่ตรวนหล่นไปกองที่พื้น

ทหารมองธอร์อย่างหมายหัว เขาชักดาบออกมา เป็นดาบแบบพิเศษที่มีห่วงโลหะ

“นั่นเป็นความผิดพลาดอย่างสุดท้ายของเจ้า” เขาขู่อย่างน่ากลัวแล้วพุ่งเข้าใส่

ธอร์ไม่มีทางเลือก ทหารนายนี้คงไม่ปล่อยเขาแน่ เด็กหนุ่มใส่ลูกหินอีกลูกในหนังสติ๊กแล้วง้าง เขาเล็งอย่างตั้งใจ ไม่ต้องการสังหารทหารยาม แต่ก็ต้องหยุดเขาให้ได้ ดังนั้นแทนที่จะเล็งไปยังหัวใจ จมูก ตา หรือศีรษะ ธอร์จึงเล็งไปยังบริเวณที่เขารู้ว่าจะหยุดทหารนายนี้ได้โดยไม่ฆ่าเขา

ที่หว่างขาของทหารยามนั่นเอง

เด็กหนุ่มยิงลูกหินออกไป โดยออมกำลังไว้แต่ก็แรงพอที่จะล้มทหารได้

มันตรงเผงเข้าเป้า

ทหารยามทรุดลง ทิ้งดาบ กุมเป้าลงไปนอนงอก่องอขิงบนพื้น

“เจ้าจะต้องถูกแขวนคอ!” เขาคำรามออกมา ทั้งที่เจ็บปวด “ทหาร! ทหาร!”

ธอร์เงยหน้าขึ้น เห็นทหารยามอีกหลายนายกำลังวิ่งมาทางเขา

ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็คงจะหมดโอกาส

เขาไม่ยอมเสียเวลาอีก รีบวิ่งไปยังช่องเปิดบนกำแพง เด็กหนุ่มต้องกระโดดผ่านช่องนั้นเข้าไปภายในสนาม แล้วแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จัก เขาจะสู้กับทุกคนที่ขวางทาง

Купите 3 книги одновременно и выберите четвёртую в подарок!

Чтобы воспользоваться акцией, добавьте нужные книги в корзину. Сделать это можно на странице каждой книги, либо в общем списке:

  1. Нажмите на многоточие
    рядом с книгой
  2. Выберите пункт
    «Добавить в корзину»