Читать книгу: «วั๊นซ์ กอน », страница 4

Шрифт:

บทที่ 7

บิลรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรายล้อมไปด้วยคลื่นนัยน์ตาสีฟ้า ไม่มีคู่ไหนเป็นของจริง ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะเก็บเอาคดีมาฝันร้าย และเขาก็ไม่ได้กำลังฝันร้ายอยู่ – หากแต่มันรู้สึกราวกับเป็นความฝันอันน่าสะพรึง ใจกลางร้านขายตุ๊กตาที่ตรงนี้ ดวงตาสีฟ้าคู่เล็กๆมันมีอยู่ทั่วทุกมุม ทั้งหมดมีดวงตาเบิกโพลงวิบวับและจับจ้องบ

ริมฝีปากสีทับทิมของตุ๊กตาที่ส่วนมากกำลังฉีกยิ้มอยู่นั้น ทำให้แลดูน่าสะพรึงกลัว เช่นเดียวกับผมปลอมที่ถูกหวีรวบตึงไว้อย่างแข็งๆและขยับเขยื้อนไม่ได้ ระหว่างซึบซับเอารายละเอียดเหล่านี้อยู่นั้น บิลเพิ่งนึกประหลาดใจว่าทำไมเขาถึงพลาดในการตีความนัยน์ของเจ้าฆาตกรไปได้ – จุดประสงค์ที่ต้องการทำให้เหยื่อดูใกล้เคียงกับตุ๊กตามากเท่าที่จะทำได้ ซึ่งที่สุดแล้วต้องพึ่งไรล์ลี่ในการเชื่อมความเกี่ยวพันกันของสิ่งเหล่านั้น

ขอบคุณพระเจ้าที่เธอกลับมา เขาคิดในใจ

แต่ถึงอย่างนั้น บิลก็ยังอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เขาเคยอึ้งกับการทำคดีของเธอตั้งแต่สมัยคดีเมืองโมวส์บี้แล้ว แต่หลังจากที่เขาขับรถกลับไปส่งเธอที่บ้าน ดูเธอเหนื่อยและล้าเหลือเกิน เธอแทบไม่ได้พูดอะไรกับเขาระหว่างทางขากลับ มันอาจจะมากเกินไปสำหรับเธอรึเปล่า

ไม่ว่าอย่างไร บิลก็ยังคงหวังให้ไรล์ลี่มาอยู่ด้วยตรงนี้ในเวลานี้ เธอคิดว่ามันเป็นการดีที่ทั้งสองจะแยกกันหาหลักฐานเพื่อให้เสร็จไวยิ่งขึ้น ซึ่งเขาก็ปฏิเสธข้อนั้นไม่ได้ เธอส่งหน้าที่ให้เขารับผิดชอบบริเวณร้านขายตุ๊กตาในขณะที่เธอจะไปสำรวจสถานที่เกิดเหตุของคดีเก่าเมื่อหกเดือนก่อน

บิลเดินสำรวจไปรอบๆ ยังคิดอะไรไม่ออก นึกสงสัยว่าหากไรล์ลี่ได้เห็นร้านขายตุ๊กตานี้แล้วจะมีความเห็นว่าอย่างไร ร้านนี้เป็นร้านที่หรูหราที่สุดจากทุกร้านที่เขาไปสำรวจมาวันนี้ ตั้งอยู่ในชานเมืองของแคปิตอลเบลท์เวย์ ดูท่าร้านนี้คงจะมีนักช็อปไฮโซจากครอบครัวเศรษฐีในเทศมณฑลนอร์ธเทิร์นเวอร์จิเนียเป็นลูกค้าอยู่เป็นกระบุง

เขาเดินเลือกดูไปเรื่อยและสะดุดตากับตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวจิ๋ว ด้วยโทนผิวสีซีดและรอยยิ้มปากคว่ำมันยิ่งเตือนให้เขานึกถึงเหยื่อรายล่าสุด ถึงแม้ว่าตุ๊กตาจะใส่เสื้อผ้าครบอยู่ในชุดเดรสสีชมพูมีระบายลูกไม้ทั้งที่ปกคอ, ข้อมือ, และชายเดรส ตัวตุ๊กตานั้นยังนั่งอยู่ในท่าที่คล้ายกันอย่างน่าวิตกจริต

แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงพูดขึ้นทางด้านขวา

“ดิฉันว่าคุณกำลังดูผิดโซนแล้วมั้งคะ”

บิลหันกลับไปพบว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับหญิงสาวร่างเล็กพร้อมรอยยิ้มต้อนรับ เธอมีออร่าบางอย่างที่บอกว่าเธอคงเป็นเจ้าของที่นี่

“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ” บิลถาม

หญิงสาวขำเล็กน้อย

“ก็เพราะว่าคุณไม่มีลูกสาวน่ะสิคะ ฉันดูออกว่าผู้ชายคนไหนมีหรือไม่มีลูกตั้งแต่เห็นที่หน้าประตูร้านเลยล่ะค่ะ อย่าถามนะคะว่าทำได้ยังไง ฉันเดาว่ามันคงเป็นคล้ายๆสัญชาตญาณ

บิลนั้นทึ่งกับความรอบรู้ของหญิงสาว และออกจะประทับใจด้วย

เธอผายมือออกไปหาเขา

“รูธ เบนเก้ ค่ะ” เธอแนะนำตัว

บิลจับมือทักทายกับเธอ

“บิล เจฟฟรี่ส์ ครับ ผมเดาว่าคุณคงเป็นเจ้าของร้าน”

เธอหัวเราะเบาๆอีกครั้ง

“คุณเองก็ดูเหมือนจะมีสัญชาตญาณเหมือนกันนะคะ” เธอล้อเขาเล่น “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ว่าแต่ว่าคุณมีลูกชายใช่มั้ยคะ ฉันเดาว่าน่าจะเป็นลูกชายทั้งสามคน”

บิลยิ้มรับ คงต้องยอมรับว่าสัญชาตญาณเธอจัดว่าค่อนข้างแม่นเลยทีเดียว เธอกับไรล์ลี่น่าจะเข้ากันได้ดี

“สองคนครับ” เขาตอบ “แต่ก็เดาได้เฉียดฉิวมาก”

เธอยังคงขำเล็กๆ

“อายุเท่าไหร่คะ” เธอถามต่อ

“แปด กับ สิบขวบครับ”

เธอมองไปรอบๆร้าน

“ฉันไม่รู้ว่าในร้านจะมีอะไรที่พวกเขาเล่นได้มั้ย เอ้อ อันที่จริงฉันพอมีตุ๊กตาทหารเท่ๆอยู่ที่ช่องถัดไป แต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายสมัยนี้ยังชอบเล่นแบบนี้กันอยู่รึเปล่า เดี๋ยวนี้เห็นเล่นกันแต่วิดิโอเกมส์ แถมยังเป็นแบบรุนแรงเลือดสาดอีกต่างหาก”

“ผมก็ว่าอย่างนั้น”

เธอหรี่ตามองเขาอย่างประเมิน

“คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อตุ๊กตาใช่มั้ยคะ” เธอถามเขา

บิลยิ้มพร้อมส่ายหน้า

“คุณนี่เก่งนะครับ” เขาตอบเธอกลับไป

“คุณเป็นตำรวจรึเปล่าคะ อาจจะใช่รึเปล่า” เธอถามอีก

บิลหัวเราะเงียบๆแล้วดึงตราประจำตัวออกมา

“ก็ไม่เชิงนะครับ แต่ก็ใกล้เคียง”

“นี่มันอะไรกันคะ!” เธอถามอย่างกังวล “เจ้าหน้าที่เอฟบีไอต้องการอะไรจากร้านเล็กๆของฉันเนี่ย ฉันถูกหมายหัวอะไรรึเปล่าคะ”

“ก็ทำนองนั้นครับ” บิลบอก “แต่คุณไม่ต้องกังวลไป จากการสืบข้อมูลของเรา ร้านของคุณเพียงแต่เป็นหนึ่งในหลายๆร้านในละแวกนี้ที่ขายของเก่าสะสมและตุ๊กตาที่ระลึกเท่านั้น”

อันที่จริงแล้ว บิลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า อะไร คือสิ่งที่เขากำลังค้นหา ไรล์ลี่แค่เพียงแนะนำให้เขาตรวจสอบสถานที่พวกนี้ เผื่อว่าเจ้าฆาตกรอาจจะเคยมาบ่อยๆ – หรืออย่างน้อยอาจจะเคยแวะมาบ้างเป็นครั้งคราว เขาเองไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เธอคาดหวังว่าจะเจอ หรือเธอหวังว่าจะเจอฆาตกรตัวเป็นๆที่นั่น? หรือหวังว่าจะเจอพนักงานที่อาจจะเคยเห็นเจ้าฆาตกรมาก่อน?

ไม่คิดว่าจะพวกเขาจะเคยเห็นมันหรอกนะ หรือถึงแม้จะเคยเจอ ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่พวกเขาจะคิดว่ามันเป็นอาชญากร พวกผู้ชายที่เข้ามาที่ร้านนี้มันน่าจะเป็นพวกวิตถารซะมากกว่า

ไรล์ลี่น่าจะกำลังพยายามทำให้เขาได้เข้าใจวิธีการตกผลึกทางความคิดของเจ้าฆาตกรนั่นมากกว่า เช่นวิธีการมองโลกของมัน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาว่าเธอคงจะต้องผิดหวังเสียแล้ว เขาแค่ไม่มีมันสมองหรือความสามารถในการอ่านใจฆาตกรเหมือนอย่างที่เธอมี

สำหรับเขาแล้วตอนนี้ดูเหมือนเธอกำลังหว่านแห มีร้านขายตุ๊กตาตั้งมากมายหลายสิบร้านภายในระยะวิถีที่พวกเขาออกสำรวจ เขาคิดกับตัวเองว่าเธอควรจะให้ทีมนิติเวชเป็นฝ่ายตามหาคนทำตุ๊กตาต่อน่าจะดีกว่า ถึงแม้ว่าผ่านมาจนวันนี้แล้ววิธีนั้นก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร

“ฉันอยากจะถามว่ามันเป็นคดีเกี่ยวกับอะไร” รูธกล่าว “แต่ฉันน่าจะไม่ควรถามใช่มั้ยคะ”

“ครับ” บิลตอบ “ไม่ควรจะถาม”

มันก็ไม่เชิงว่าคดีจะเป็นความลับอะไรแล้ว – มันไม่ใช่ความลับตั้งแต่คนของวุฒิสมาชิกนิวโบรออกมาแถลงข่าวแล้วล่ะ

ตอนนี้สื่อเล่นข่าวนี้กันอย่างหนัก เหมือนเช่นทุกครั้ง ตอนนี้องค์กรกำลังหน้ามืดกับพวกโทรศัพท์ก่อกวน อินเตอร์เน็ตก็ลือหึ่งไปด้วยทฤษฎีแปลกประหลาดเต็มไปหมด เรื่องราวทั้งหมดมันกลายเป็นฝันร้ายไปแล้ว

ก็แล้วทำไมจะต้องบอกเรื่องพวกนี้ให้เธอรู้ด้วย? เธอดูเป็นคนจิตใจดี และร้านของเธอก็ดูดีงามไม่มีพิษมีภัยจนบิลไม่อยากจะทำให้เธอกังวลกับอะไรที่ดูร้ายกาจและน่าตกใจอย่างเช่นฆาตกรต่อเนื่องผู้หมกหมุ่นกับตุ๊กตา

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาก็อยากจะรู้อยู่เรื่องหนึ่ง

“บอกผมหน่อยได้มั้ยครับ” บิลเอ่ย “คุณขายของให้พวกผู้ใหญ่มากแค่ไหน – ผมหมายถึงผู้ใหญ่ที่ไม่มีลูก”

“อ๋อ นั่นเป็นลูกค้าหลักของฉันเลยนะคะ ส่วนมากก็จะเป็นพวกนักสะสม”

บิลรู้สึกฉงนกับคำตอบ เขาไม่มีทางจะเดาออกมาแบบนี้ได้เลย

“ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นพวกนักสะสม” เขาถาม

หญิงสาวยิ้มแปลกจางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

“เพราะว่าคนเราเกิดมาก็ต้องตาย คุณบิล เจฟฟรี่ส์”

ฟังถึงตรงนี้บิลถึงกับสะดุ้ง

“อะไรนะครับ” เขาเริ่มไม่แน่ใจ

“เมื่อเราอายุมากขึ้น เราก็จะต้องสูญเสียคนรอบตัว เพื่อนและครอบครัวของเราต้องจากไป เราจะเศร้าโศกเสียใจ ตุ๊กตาทำให้เวลาของเราหยุดหมุน พวกมันทำให้เราลืมความเจ็บปวด ปลอบโยนและปลอบประโลมใจเรา คุณลองดูรอบๆสิคะ ฉันมีตุ๊กตาบางตัวที่อายุเกือบร้อยปีและบางตัวก็ยังใหม่อยู่มาก อย่างน้อยๆกับตุ๊กตาบางตัวนั้นคุณก็แยกแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวไหนใหม่ตัวไหนเก่า พวกมันไม่มีวันแก่

บิลกวาดตามองไปรอบตัว รู้สึกขนหัวลุกไปกับนัยน์ตาร้อยปีสารพัดคู่ที่กำลังจ้องมองเขากลับมา นึกอยากรู้ว่าตุ๊กตาพวกนี้อยู่ทนทายาดมานานกว่าคนจำนวนเท่าไหร่ เขาข้องใจว่าพวกมันจะได้เห็นอะไรมาบ้าง – ความรัก, ความโกรธ, ความเกลียด, ความโศกเศร้า, ความรุนแรง ซึ่งแล้วทำไมยังสามารถที่จะจ้องตอบกลับมาด้วยสายตาอันว่างเปล่าได้อย่างนั้น เขาไม่เข้าใจเลย

คนเราควรต้องเดินตามอายุ เขาคิดกับตัวเอง พวกเขาควรต้องแก่ลง มีรอยตีนตา และมีผมขาว อย่างเช่นที่บิลเองก็มี จากความมืดมนและความน่ากลัวที่มีอยู่ในโลกใบนี้ จากที่เขาเคยประสบพบมา เขาคิดว่ามันคงจะเป็นกรรมหากเขายังดูไม่เปลี่ยนไปเลย ภาพฉากเหตุการณ์ฆาตกรรมนั้นยังฝังอยู่ภายในของเขาไม่ไปไหน และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะดูหนุ่มอีกต่อไป

“พวกมันก็—เป็นสิ่งไม่มีชีวิต” บิลพูดออกมาในที่สุด

รอยยิ้มของเธอเปลี่ยนเป็นขมขื่น เกือบจะเป็นสังเวช

“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอคะคุณบิล ลูกค้าส่วนมากของฉันไม่คิดแบบนั้น ตัวฉันก็ไม่แน่ใจว่าเห็นด้วยกับคุณเช่นกัน”

ความเงียบผิดปกติเข้าปกคลุม หญิงสาวทำลายมันด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เธอยื่นโบรชัวร์สีสดใสมีรูปตุ๊กตามากมายให้แก่เขา

“ฉันกำลังจะเดินทางไปหอประชุมในวอชิงตันดีซี คุณอาจจะอยากไปด้วยกัน ไม่แน่มันอาจจะทำให้คุณเกิดไอเดียบางอย่างในสิ่งที่กำลังค้นหาอยู่”

บิลขอบคุณหญิงสาวและเดินออกจากร้าน รู้สึกขอบคุณสำหรับคำแนะนำเรื่องหอประชุมนั้น เขาได้แต่หวังว่าไรล์ลี่อาจจะไปกับเขา พลางนึกขึ้นมาได้ว่าเธอนั้นจะต้องไปสอบปากคำวุฒิสมาชิกนิโบรและภริยาในช่วงบ่ายวันนี้ มันเป็นนัดที่สำคัญซะด้วยสิ – ไม่ใช่แค่เพียงเพราะท่านวุฒิสมาชิกอาจจะมีข้อมูลอะไรดีๆ หากแต่เป็นเหตุผลทางการทูตต่างหาก นิวโบรนั้นตามเร่งเรื่องกับองค์กรประหนึ่งเอาไฟลนก้น ไรล์ลี่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่รับหน้าที่มาเพื่อโน้มน้าวให้วุฒิสมาชิกเข้าใจว่าเราพยายามทำอย่างดีที่สุดมาโดยตลอด

แต่เธอจะโผล่มามั้ยนะ? บิลนึกสงสัย

เหมือนเป็นเรื่องแปลกประหลาดเหลื่อเชื่อที่เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก จนถึงเมื่อ 6 เดือนก่อน ไรล์ลี่ยังเป็นหลักยึดเหนี่ยวในชีวิตของเขาอยู่เลย บิลไว้ใจฝากชีวิตไว้กับเธอ หากแต่ความเศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัดของเธอนั้นทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดถึงเธอ ถึงบางครั้งจะมีซึมไปบ้างเวลาเจอสมองคิดไวกว่าปรอทของเธอเข้าไป แต่อย่างไรซะเขาก็ต้องการเธอในงานแบบนี้ นอกจากนั้นบิลยังตระหนักแล้วว่าเขาต้องการมิตรภาพจากไรล์ลี่

หรือลึกๆแล้ว มันจะมีอะไรมากกว่านั้น?

บทที่ 8

ไรล์ลี่ขับรถลงจากทางด่วนสองเลน ปากก็จิบเครื่องดื่มชูกำลังและเปิดกระจกรถไว้ ช่างเป็นเช้าที่มีแสงแดดอบอุ่น กลิ่นอ่อนๆของมัดฟางอบอวลอยู่ในอากาศ ทุ่งหญ้าขนาดพอประมาณที่รายล้อมนั้นมีวัวควายอยู่เป็นหย่อมๆ จรดขอบทุ่งด้วยตีนภูเขาทั้งสองด้าน เธอชอบที่นี่

หากแต่เธอต้องเตือนตัวเองว่าเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อชื่นชมบรรยากาศ เธอมีงานที่ต้องสะสาง

ไรล์ลี่เลี้ยวผ่านเข้าไปในถนนหินกรวดเก่าทรุดโทรม ขับต่อไปอีกสักนาทีสองนาทีเธอก็มาถึงทางแยก เธอเลี้ยวเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ขับเข้าไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็จอดรถไว้ตรงไหล่ทาง

เธอลงจากรถแล้วเดินข้ามไปยังลานกว้างที่มีต้นโอ๊คสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางเหนือของทิศบูรพา

ที่นี่นั่นเอง สถานที่ที่พบศพของ เอลีน โรเจอร์ส – จัดวางเก้ๆกังๆพิงต้นไม้ไว้ เธอกับบิลเคยมาที่นี่ด้วยกันเมื่อหกเดือนก่อน ไรล์ลี่เริ่มจินตนาการภาพเหตุการณ์ในมโนภาพของเธอ

สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือสภาพอากาศ ย้อนกลับไปช่วงนั้นเป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่หนาวสุดขั้วหัวใจ หิมะบางๆแผ่ปกคุมไปทั่วบริเวณ

กลับเข้าไป เธอบอกกับตัวเอง กลับเข้าไปสัมผัสความรู้สึกนั้น

เธอสูดหายใจลึก เข้าและออกๆ จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบที่เวียนผ่านหลอดลมเข้ามา แทบจะเห็นเป็นก้อนน้ำแข็งหนาทึบปกคลุมทุกลมหายใจเข้าออก

ศพอันเปลือยเปล่านั้นแข็งทื่อราวกับโดนแช่แข็ง มันตอบยากที่จะระบุว่าบาดแผลใดบนร่างกายของเธอเป็นรอยแผลที่เกิดจากมีด และรอยไหนเป็นเพียงแค่รอยแยกรอยปริแตกที่เกิดจากอากาศอันหนาวเหน็บ

ไรล์ลี่เรียกภาพเหตุการณ์กลับมา กวาดตาไปในทุกรายละเอียด ทั้งวิกผม รอยยิ้มที่ฉาบไว้ เปลือกตาที่ถูกเย็บเปิด ดอกกุหลาบพลาสติกที่วางระหว่างขาของศพกลางหิมะ

ภาพในมโนของเธอนั้นเริ่มชัดเจนแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ให้เธอทำเช่นเดียวกับเมื่อวาน – รับสัมผัสผ่านประสบการณ์ของฆาตกร

เธอหลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยตัวผ่อนคลายและก้าวลงสู่ความมืดของเหวลึก ยินดีต้อนรับความวิงเวียนและมึนศีรษะขณะหลุดเข้าสู่ห้วงความคิดของอาชญากร เพียงไม่นานเธอก็มายืนอยู่ข้างๆมัน มองเห็นทุกอย่างที่มันเห็น รับรู้ทุกอารมณ์ที่มันรู้สึก

เขากำลังขับรถมาที่นี่ในตอนดึก แลดูขาดความมั่นใจ มองถนนด้วยความกระวนกระวาย กังวลกับหิมะที่อยู่ใต้ล้อรถ จะทำอย่างไรถ้าหากเขาเกิดควบคุมรถไม่อยู่ลื่นไถลลงคูน้ำ เขามีศพอยู่บนรถด้วย ต้องโดนจับได้แน่ เขาต้องขับต่อไปอย่างระมัดระวัง ได้แต่ภาวนาให้ฆาตกรรมรอบที่สองนี้จะง่ายกว่ารอบแรก แต่ยังไงเสียก็ยังกังวลจนประสาทจะเสียอยู่ดี

เขาจอดรถลงตรงนี้ ลากร่างของหญิงสาวออกมาภายนอก – ไรล์ลี่เดาว่าน่าจะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่ร่างนั้นแข็งทื่อไปแล้วจากภาวะแข็งตัวหลังเสียชีวิต เขาไม่ได้คิดถึงข้อนี้มาก่อน นั่นทำให้เขาหัวเสีย ทำลายความมั่นใจลง และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือมันมืดจนไม่ว่าจะทำอะไรก็มองเห็นไม่ค่อยชัด แม้ว่าจะมีแสงจากไฟหน้ารถสาดกระทบกับต้นไม้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ท้องฟ้าค่ำคืนนี้มันมืดสนิทเกินไป เขาจดบันทึกลงในหัวว่าคราวหน้าหากเป็นไปได้จะต้องจัดการเรื่องนี้ในตอนกลางวัน

เขาลากร่างหญิงสาวมาที่ต้นไม้พยายามจะจัดวางท่าตามที่มโนภาพไว้ในหัว มันไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเท่าใดนัก ศีรษะของหญิงสาวนั้นเอียงลงด้านซ้าย แข็งทื่อจากการภาวะแข็งตัว เขาทั้งดึงทั้งบิด แม้จะหักคอแล้วก็ยังไม่สามารถจะจัดให้นั่งมองตรงไปข้างหน้าได้

แล้วเขาจะแบะขาออกวางตามที่คิดได้ยังไง? เมื่อขาหนึ่งข้างมันอยู่ในสภาพบิดเบี้ยวอย่างนั้น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินไปหยิบไขควงเหล็กขันล้อออกมาจากกระบะท้ายรถแล้วทุบไปที่ต้นขากับหัวเข่า หลังจากนั้นก็บิดขาได้ตามทิศทางที่ต้องการ หากแต่ยังไม่พอใจอยู่ดี

จนสุดท้าย เขาก็ทิ้งริบบิ้นไว้รอบคอของเธอตามหน้าที่ จัดการวิกผมบนศีรษะของเธอ และจัดการกับดอกกุหลาบกลางหิมะ แล้วจึงกลับไปขึ้นรถขับออกไปอย่างผิดหวังและไม่ได้ดั่งใจ ในขณะที่ก็หวาดกลัวไปด้วย ซุ่มซ่ามแบบนี้นี่ตัวเขาทิ้งร่องร่อยหลักฐานสำคัญอะไรไว้หรือเปล่า? เขารีเพลย์ทุกการกระทำในหัวแต่ก็ยังไม่แน่ใจ

เขารู้ตัวว่าจะต้องทำให้ดีกว่านี้ในคราวหน้า สัญญากับตัวเองว่าจะพัฒนายิ่งขึ้น

ไรล์ลี่เปิดเปลือกตาขึ้น ปล่อยให้ภาพซ้อนทับของฆาตกรมลายหายไป เธอพอใจกับผลงานในขณะนี้ ที่ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองโดนครอบงำโดยความสั่นกลัว และได้เห็นมุมมองที่มีค่า เธอได้เรียนรู้ว่าฆาตกรนั้นเรียนรู้และพัฒนาฝีมืออย่างไร

เธอหวังว่าเธอจะรู้อะไรบ้าง – อะไรก็ได้ – เกี่ยวกับฆาตกรรมรายแรกของเขา เธอมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกในตอนนี้ว่าเขาจะต้องเคยฆ่ามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง นี่เป็นผลงานของเด็กฝึกหัด แต่ก็ไม่ใช่มือใหม่ซะทีเดียว

ในขณะที่ไรล์ลี่กำลังจะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถ อะไรบางอย่างที่ต้นไม้มันสะดุดตาเธอ เป็นรอยขีดเส้นสีเหลืองตรงรอยแยกของลำต้นไม้เหนือศีรษะเธอขึ้นไปนิดหนึ่ง

เธอเดินวนไปอีกด้านของต้นไม้แล้วแหงนมองขึ้นไป

“มันเคยกลับมาที่นี่!” ไรล์ลี่หลุดเสียงดังออกมา ความหวิวและขนหัวลุกแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย เธอกวาดตามองรอบอย่างหวั่นๆ ดูเหมือนตอนนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้

ที่ถูกผูกติดกับกิ่งไม้ห้อยลงมาจ้องหน้าไรล์ลี่นั้นคือ ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงล่อนจ้อนผมสีบลอนด์ อยู่ในท่าที่เหมือนกับที่ฆาตกรต้องการให้เหยื่อเป็น

ตุ๊กตานี่น่าจะเพิ่งมาอยู่ไม่นาน – อย่างมากก็สามหรือสี่วัน มันยังไม่โดนลมตีหลุดหรือมีรอยคราบเปื้อนจากฝน ฆาตกรเคยกลับมาที่นี่ตอนกำลังเตรียมตัวก่อเหตุฆาตกรรมของ รีบ้า ฟราย ด้วยเหตุเดียวกับที่ไรล์ลี่มา มันเองก็มาที่นี่เพื่อสำรวจผลงานเก่าของตัวเอง มาเพื่อจับจุดหาข้อผิดพลาด

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ เพื่อส่งต่อให้องค์กรในทันที

ไรล์ลี่รู้ว่าทำไมมันถึงทิ้งตุ๊กตาไว้

เธอเข้าใจแล้วว่ามันทำ เพื่อเป็นการไถ่โทษจากผลงานลวกๆที่ผ่านมา

และมันก็คือคำสัญญาสำหรับงานที่จะพัฒนาขึ้นต่อไป

บทที่ 9

ไรล์ลี่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ ของวุฒิสมาชิก มิช นิวโบร ใจของเธอเต็มไปด้วยความกลัวเมื่อเริ่มใกล้เข้าไปถึงสถานที่ คฤหาสน์นั้นตั้งอยู่สุดปลายทางของถนนยาวที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่สองข้างทาง ขนาดของตัวบ้านนั้นดูใหญ่โต เป็นทางการ และน่าเกรงขาม ส่วนตัวแล้วเธอคิดว่าพวกคนรวยและคนมีอำนาจนั้นคุยด้วยยากกว่าคนธรรมดาสามัญ

เธอชะลอรถมาจอดที่วงเวียนหน้าแมนชั่นหินหรู ถูกแล้ว ครอบครัวนี้นี่รวยจริงแท้แน่นอนเลย

เธอลงจากรถเดินขึ้นไปที่ประตูหน้าบ้านขนาดมหึมา หลังจากกดกริ่งเรียก เธอก็ได้รับการต้อนรับจากชายวัยประมาณสามสิบปีหน้าตาท่าทางดูเนี้ยบเป็นระเบียบเรียบร้อย

“ผมโรเบิร์ตครับ” เขาทักทาย “เป็นลูกชายของท่านวุฒิสมาชิก คุณน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ ไรล์ลี่ เชิญข้างในก่อนครับ คุณแม่กับคุณพ่อกำลังรอคุณอยู่เลย”

โรเบิร์ต นิวโบร เชื้อเชิญไรล์ลี่เข้ามาภายในบ้าน ทำให้เธอจำได้ว่าตัวเธอนั้นเคยไม่ชอบบ้านของพวกอวดรวยมากแค่ไหน บ้านนิวโบรนั้นดูมืดเป็นโพรงเหมือนอยู่ในถ้ำ ทางเดินไปพบวุฒิสมาชิกกับภริยานั้นก็แสนยาว ไรล์ลี่มั่นใจเลยว่าการให้แขกผู้มาเยือนต้องเดินไปพบไกลขนาดนี้นั้นเป็นเทคนิคข่มขวัญบางอย่าง เพื่อจะสื่อว่าคนที่อยู่อาศัยในบ้านหลังนี้นั้นมีอำนาจมากเกินกว่าใครจะมาวุ่นวายด้วยได้ ไรล์ลี่ยังมีความเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์แนวลักษณะของเมืองอาณานิคมเก่าที่มีอยู่ทั่วทุกมุมบ้านนั้นมันไม่น่าดูเอาเสียเลย

เหนือสิ่งอื่นใด เธอกลัวกับสิ่งที่กำลังจะตามมา สำหรับเธอแล้ว การพูดคุยกับครอบครัวของเหยื่อนั้นมันเป็นความรู้สึกที่แย่ – แย่ยิ่งกว่าการจัดการกับสถานที่ฆาตกรรมหรือการจัดการกับศพ มันง่ายเหลือเกินที่จะเกิดความหวั่นไหวไปกับความโศกเศร้า ความโกรธเกรี้ยว และความสับสนของคน ความรู้สึกหนักหนาสาหัสแบบนั้นทำให้เธอเสียสมาธิและหลุดโฟกัสไปจากงาน

ขณะที่เดินไปด้วยกันนั้น โรเบิร์ต นิวโบร ก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อกลับจากริชม่อนมาอยู่ที่บ้านตั้งแต่…”

เขาสำลักเบาๆตรงกลางประโยค ไรล์ลี่สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของการสูญเสียครั้งนี้ของเขา

“ตั้งแต่เรารู้เรื่องของรีบ้า” เขาพูดต่อ “ทุกอย่างก็แย่มาก คุณแม่นั้นยิ่งรับไม่ได้ พยายามอย่าให้กระทบกระเทือนจิตใจเธอมาก”

“ดิฉันเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ด้วย” ไรล์ลี่กล่าวกับเขา

โรเบิร์ตไม่ได้ตอบรับ แต่พาเธอเข้ามาในห้องโถงกว้าง วุฒิสมาชิก มิช นิวโบร และภริยากำลังนั่งจับมืออยู่ด้วยกันบนโซฟาหลังใหญ่

“เจ้าหน้าที่เพจครับ” โรเบิร์ตแนะนำ “เจ้าหน้าที่เพจ นี่คือคุณพ่อคุณแม่ของผม ท่านวุฒิสมาชิกและภรรยา คุณแอนนาเบ็ธ”

โรเบิร์ตเชื้อเชิญให้เธอนั่ง พร้อมกับที่เขาก็นั่งลงด้วย

“เรื่องแรก” ไรล์ลี่กล่าวอย่างสงบ “ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียของท่าน”

แอนนาเบ็ธ นิวโบร พยักหน้ารับเงียบๆเป็นการตอบรับ ส่วนวุฒิสมาชิกเพียงนั่งอยู่ท่านั้นมองไปเบื้องหน้า

ในช่วงที่ความเงียบนั้นปกคลุม ไรล์ลี่สำรวจหน้าตาของพวกเขา เธอเคยเห็นวุฒิสมาชิกในทีวีอยู่บ่อยครั้ง ผู้มีสีหน้ายิ้มขรึมในแบบของนักการเมืองอยู่เสมอ เขาไม่ได้ยิ้มอยู่ในตอนนี้ ไรล์ลี่ไม่ค่อยได้เห็นภรรยาของท่านสักเท่าไหร่ ตัวจริงเธอก็ดูเหมือนภรรยาที่ว่านอนสอนง่ายของนักการเมืองทั่วไป

ทั้งสองอายุราวหกสิบต้นๆ ไรล์ลี่พบว่าทั้งคู่คงต้องเคยโดนลงมีดหมอมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อคงความอ่อนเยาว์ – ทั้งปลูกผม, ย้อมสีผม, ดึงหน้า, แต่งหน้า เท่าที่เธอเห็นนั้น ความพยายามลดวัยของทั้งสองนั้นกลับทำให้พวกเขาดูเหมือนพลาสติกก็เท่านั้น

เหมือนตุ๊กตาพลาสติก ไรล์ลี่คิดในใจ

“ดิฉันต้องขอถามคำถามเกี่ยวกับบุตรสาวของท่านซักสองสามข้อ” ไรล์ลี่เอ่ยพร้อมหยิบสมุดโน๊ตออกมา “ท่านได้มีการติดต่อใกล้ชิดกับคุณรีบ้าบ้างหรือไม่ในระยะที่ผ่านมา”

“อ้อ มีค่ะ” คุณนาย นิวโบร กล่าว “พวกเราเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันดี”

ไรล์ลี่สังเกตความติดขัดในน้ำเสียงของหญิงกลางคน ฟังดูเหมือนเป็นอะไรที่เธอคงพูดอยู่บ่อยๆ เหมือนเป็นกิจวัตร ไรล์ลี่ค่อนข้างแน่ใจว่าชีวิตครอบครัวภายในบ้านนิวโบรนี้คงห่างไกลคำว่าสวยหรู

“คุณรีบ้ามีพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับการโดนข่มขู่ในช่วงที่ผ่านมาบ้างหรือไม่คะ” เธอถามต่อ

“ไม่มี” คุณนายนิวโบรตอบ “ไม่มีซักคำ”

ไรล์ลี่สังเกตว่าท่านวุฒิสมาชิกยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เธอสงสัยว่าเหตุไฉนเขาถึงเงียบนัก เธอต้องทำให้เขาเปิดปากพูดให้ได้ แต่ยังไงล่ะ?

โรเบิร์ตเริ่มพูดขึ้นมาบ้าง

“เธอเพิ่งจะผ่านปัญหาหย่าร้างวุ่นวายมาหมาดๆ เรื่องมันจบไม่ค่อยสวยน่ะครับ ระหว่างเธอกับพอลเกี่ยวกับการขอสิทธิ์เลี้ยงดูลูกทั้งสอง”

“ใช่ ฉันไม่เคยชอบผู้ชายคนนั้นเลย” คุณนายนิวโบรบอก “เขาอารมณ์ร้อน คุณว่าจะเป็นไปได้มั้ยที่ – ?” เธอลดเสียงลง พูดไม่จบประโยค

ไรล์ลี่สั่นหัว

“สามีเก่าของเธอไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยค่ะ” เธอบอก

“ทำไมถึงจะไม่ใช่ล่ะ” คุณนายนิวโบรถาม

ไรล์ลี่ชั่งน้ำหนักในหัวว่าอะไรควรบอกและอะไรไม่ควรจะบอกพวกเขา

“คุณคงได้อ่านมาบ้างแล้วว่าฆาตกรเคยก่อคดีมาก่อน” เธอตอบ “มีเคสเหยื่อที่คล้ายกันอยู่ใกล้เมืองแด็กเก็ตต์”

คุณนายนิวโบรเริ่มออกอาการหงุดหงิด

“แล้วเรื่องพวกนั้นมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”

“เรากำลังต่อกรอยู่กับฆาตกรต่อเนื่องค่ะ” ไรล์ลี่บอก “มันไม่มีอะไรบ่งชี้ถึงคนใกล้ตัว บุตรสาวของท่านอาจจะไม่เคยรู้จักฆาตกรเลยด้วยซ้ำไป มันเป็นไปได้อย่างมากที่เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่องส่วนตัว”

คุณนายนิวโบรตอนนี้เริ่มสะอื้นแล้ว ไรล์ลี่รู้สึกเสียใจกับการเลือกใช้คำของเธอ

“ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเหรอ?” คุณนายนิวโบรเกือบจะแผดเสียงออกมา “มันจะใช่เรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวได้ยังไงห๊ะ?”

วุฒิสมาชิกนิวโบรหันไปบอกลูกชาย

“โรเบิร์ต ช่วยพาแม่ของเธอไปสงบสติอารมณ์ที่อื่นก่อน พ่อมีเรื่องต้องคุยกับเจ้าหน้าที่เพจตามลำพัง”

โรเบิร์ต นิวโบร ปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายและพาแม่ของเขาออกไป วุฒิสมาชิกนิวโบรไม่พูดอะไรเลยอยู่อึดใจหนึ่ง เขาจ้องตาไรล์ลี่เขม็ง เธอแน่ใจว่าเขาคงเคยชินกับการข่มคนด้วยสายตาแบบนี้ แต่มันไม่ค่อยจะได้ผลกับเธอนัก เพราะเธอกลับจ้องตาเขากลับเช่นกัน

ในที่สุด วุฒิสมาชิกก็ล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบเอาห่อขนาดเท่าซองจดหมายออกมา เขาเดินข้ามมาหาเธอที่เก้าอี้แล้วส่งมันให้กับเธอ

“เอ้า นี่” เขาพูด พร้อมกับเดินกลับไปนั่งที่โซฟา

“นี่มันอะไรคะ” ไรล์ลี่ถาม

วุฒิสมาชิกจ้องมาที่เธออีกครั้ง

“ทุกอย่างที่เธออยากรู้” เขาตอบ

ตอนนี้ไรล์ลี่นั้นเต็มไปด้วยความงุนงง

“ดิฉันขออนุญาตเปิดดูได้มั้ยคะ” ไรล์ลี่ถามย้ำ

“เชิญตามสบาย”

ไรล์ลี่แกะซองออก ในนั้นเป็นกระดาษแผ่นเดียวที่มีรายชื่ออยู่สองคอลัมน์ เธอรู้จักบางรายชื่อในนั้น สามหรือสี่คนเป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียงอยู่ในสถานีข่าวท้องถิ่น อีกหลายคนคือนักการเมืองที่โด่งดังของรัฐเวอร์จิเนีย ไรล์ลี่ยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก

“พวกเขาเป็นใครกันคะ” เธอถาม

“ศัตรูของผม” วุฒิสมาชิกนิวโบรตอบเสียงเรียบ “ในรายชื่อนั่นก็ไม่น่าจะรวมไว้ครบทั้งหมดหรอก แต่พวกนั้นเป็นพวกที่เด่นๆ ต้องมีใครซักคนในนั้นที่เป็นคนผิด”

ตอนนี้ไรล์ลี่นั้นถึงกับอึ้งกิมกี่ไปเลย เธอนั่งอย่างนั้นไม่พูดอะไรต่อ

“ผมไม่ได้บอกว่าใครบางคนในรายชื่อนั้นลงมือฆาตกรรมลูกสาวผมด้วยตัวเอง” เขาพูดต่อ “แต่พวกมันต้องจ่ายเงินจ้างใครมาทำงานนี้แน่”

ไรล์ลี่เอ่ยออกมาช้าๆอย่างระมัดระวัง

“ท่านวุฒิสมาชิกคะ ด้วยความเคารพนะคะ ดิฉันคิดว่าได้บอกกับท่านไปแล้วว่าการฆาตกรรมของบุตรสาวของท่านมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ได้มาจากเรื่องส่วนตัว เพราะมันมีคดีที่เหมือนกันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งคดี”

“นี่คุณกำลังบอกว่าลูกสาวผมโดนฆ่าโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อย่างงั้นเหรอ” วุฒิสมาชิกถาม

ค่ะ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ไรล์ลี่นึกตอบในใจ

หากแต่เธอก็รู้ว่าไม่ควรตอบออกไปแบบนั้น

ก่อนที่เธอจะได้อ้าปากตอบคำถามเขา เขาก็พูดขึ้นว่า “เจ้าหน้าที่เพจ ผมเรียนรู้จากประสบการณ์นะว่าไม่มีอะไรหรอกที่เป็นเรื่องบังเอิญ ผมไม่รู้ว่าทำไมหรือเป็นไปได้ยังไง แต่ลูกสาวของผมเป็นเหยื่อฆาตกรรมทางการเมือง และในการเมืองนั้น ทุกอย่าง เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะฉะนั้น อย่ามาบอกผมว่ามันอาจเป็นเพราะเรื่องอะไรก็ได้แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว นั่นมันเป็นหน้าที่ของคุณกับองค์กรของคุณที่จะต้องหาตัวใครก็แล้วแต่ที่ต้องรับผิดชอบและเอาตัวมันมาลงโทษ”

ไรล์ลี่สูดหายใจเข้าเต็มปอด เธอพิจารณาใบหน้าของชายผู้นี้อย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง เธอเห็นชัดเจนแล้ว ณ บัดนี้ ว่าวุฒิสมาชิกนิวโบรนั้นเป็นพวกหลงตัวเองแบบสุดกู่

ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องน่าแปลกอะไร เธอคิด

ไรล์ลี่เข้าใจขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง คือ วุฒิสมาชิกนั้นรับไม่ได้กับความเชื่อที่ว่าทุกอย่างในชีวิตนั้นไม่ได้หมุนรอบตัวเขา หรือเกี่ยวกับเขาคนเดียวเท่านั้น แม้แต่การตายของลูกสาวยังต้องดึงมาเกี่ยวพันกับตัวเอง คงเชื่อจริงๆว่ารีบ้านั้นโดนลูกหลงจากศัตรูที่เกลียดเขา

“ท่านคะ” ไรล์ลี่เริ่มพูดอีก “ด้วยความเคารพนะคะ แต่ดิฉันไม่คิดว่า —”

“ผมไม่ได้ต้องการให้คุณคิดนะ” นิวโบรสวน “คุณได้ข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการแล้วอยู่ตรงหน้า”

ทั้งสองจ้องหน้ากันค้างไปหลายวินาที

“เจ้าหน้าที่เพจ” วุฒิสมาชิกกล่าวขึ้นในที่สุด “ผมมีความรู้สึกว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่อง อยู่กันคนละคลื่นความถี่ นั่นก็น่าเสียดายนะ คุณอาจจะไม่รู้ แต่ผมมีคนรู้จักสนิทสนมในตำแหน่งระดับสูงอยู่หลายคนในองค์กรของคุณ บางคนก็ติดหนี้บุญคุณผมหลายเรื่อง ผมจะติดต่อพวกเขาเดี๋ยวนี้ ผมต้องการคนดูแลเรื่องนี้ที่สามารถจะจบปัญหานี้ได้”

ไรล์ลี่นั่งเหวอ ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร ชายผู้นี้เพ้อเจ้อมากขนาดนี้จริงหรือนี่

วุฒิสมาชิกลุกยืนขึ้น

“เจ้าหน้าที่เพจ เดี๋ยวผมให้คนมาพาคุณออกไป” เขาบอกเธอ “ต้องขอโทษด้วยที่เราคิดไม่เหมือนกัน”

วุฒิสมาชิกนิวโบรเดินลิ่วออกไปจากห้อง ทิ้งให้ไรล์ลี่นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ยังอ้าปากค้างด้วยความเหวอ มันก็จริงที่ชายคนนี้ช่างหลงตัวเองเสียเหลือเกิน แต่เธอเองก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

มีบางอย่างที่วุฒิสมาชิกกำลังปิดบังไว้อยู่

และไม่ว่ามันจะคืออะไร ยังไงเธอจะต้องรู้มันให้ได้

Покупайте книги и получайте бонусы в Литрес, Читай-городе и Буквоеде.

Участвовать в бонусной программе
Возрастное ограничение:
16+
Дата выхода на Литрес:
10 октября 2019
Объем:
231 стр. 2 иллюстрации
ISBN:
9781632918062
Правообладатель:
Lukeman Literary Management Ltd
Формат скачивания:
Первая книга в серии "คดีลึกปริศนาลับของ ไรล์ลี่ เพจ"
Все книги серии
Аудио
Средний рейтинг 4,5 на основе 118 оценок
Аудио
Средний рейтинг 4,7 на основе 417 оценок
Аудио
Средний рейтинг 4,6 на основе 543 оценок
Текст
Средний рейтинг 4,3 на основе 6 оценок
По подписке
Аудио
Средний рейтинг 4,4 на основе 457 оценок
Текст
Средний рейтинг 0 на основе 0 оценок
По подписке
Аудио
Средний рейтинг 4,6 на основе 330 оценок
По подписке
Аудио
Средний рейтинг 4,5 на основе 129 оценок
Аудио
Средний рейтинг 4,1 на основе 23 оценок