Бесплатно

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ

Текст
0
Отзывы
iOSAndroidWindows Phone
Куда отправить ссылку на приложение?
Не закрывайте это окно, пока не введёте код в мобильном устройстве
ПовторитьСсылка отправлена
Отметить прочитанной
Шрифт:Меньше АаБольше Аа

บทที่ 2

ธอร์เดินเรื่อยเปื่อยไปตามเนินเขาอยู่หลายชั่วโมงด้วยความเดือดดาล จนกระทั่งในที่สุดเขาก็หยุดนั่งพักที่เนินเขาลูกหนึ่ง ธอร์นั่งกอดเข่ามองไปยังขอบฟ้า เขาเฝ้ามองขบวนรถม้าหายลับไป มองดูฝุ่นที่ยังฟุ้งอยู่อีกหลายชั่วโมงหลังจากนั้น

คงจะไม่มีการมาคัดเลือกอีกแล้ว ตอนนี้ชะตาของเขาถูกกำหนดให้อยู่ที่นี่ ในหมู่บ้านนี้ไปอีกหลายปี รอคอยโอกาสต่อไป ถ้าพวกทหารจะกลับมาอีก ถ้าเพียงแต่บิดาของเขายอมอนุญาต ตอนนี้ก็เหลือแค่เขาและบิดาเพียงลำพังในบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าบิดาจะต้องระเบิดโทสะใส่เขาอย่างเต็มที่ เขาคงต้องเป็นคนรับใช้ให้บิดาต่อไป และเมื่อวันเวลาผ่านไป ธอร์ก็คงจะลงเอยเหมือนบิดา ติดแหงกอยู่ในเมืองเล็ก ๆ มีชีวิตที่ต่ำต้อย ขณะที่พี่ชายมีชีวิตที่รุ่งโรจน์และมีชื่อเสียง เส้นเลือดของธอร์ร้อนผ่าวด้วยความอดสู นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ เขารู้ดี

เด็กหนุ่มพยายามคิดหาสิ่งที่เขาจะทำได้ ทางไหนก็ได้ที่เขาจะเปลี่ยนแปลงมัน แต่ก็คิดไม่ออก นี่คงเป็นชีวิตในแบบที่เขาถูกกำหนดมา

หลังจากนั่งอยู่หลายชั่วโมง ธอร์ก็ลุกขึ้นอย่างเศร้าสร้อย แล้วเริ่มเดินกลับไปตามเนินเขาที่คุ้นเคย สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เขาเดินกลับไปหาฝูงสัตว์บนเนินสูงอย่างไม่มีทางเลือก ขณะที่ปีนป่าย อาทิตย์ดวงแรกเริ่มคล้อยลง และดวงที่สองเคลื่อนสู่จุดสูงสุด แผ่รัศมีสีเขียวจาง ๆ ธอร์เดินช้า ๆ ไม่เร่งรีบ หยิบหนังสติ๊กที่เหน็บเอวไว้มาอย่างใจลอย แผ่นหนังเปื่อยจากการใช้งานมานานปี เขาล้วงเข้าไปในถุงที่ผูกอยู่ที่สะโพก แตะลูกหินที่ไปเลือกหามาจากลำธารที่ดีที่สุด แต่ละก้อนเกลี้ยงเกลากว่าก้อนถัดไป บางทีเขาก็ยิงนก บ้างก็หนู เป็นกิจวัตรที่เขาปฏิบัติมานานปี ตอนแรกเขายิงไม่โดนเลย หลังจากนั้นเขาก็ยิงถูกครั้งหนึ่ง และนับตั้งแต่นั้น เขาก็เล็งได้แม่นยำ ตอนนี้ลูกหินกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว และมันยังช่วยให้เขาได้ระบายโทสะ พวกพี่ชายอาจจะได้เหวี่ยงดาบใส่ท่อนไม้ แต่พวกเขาไม่มีทางยิงนกที่กำลังบินได้ด้วยก้อนหิน

ธอร์หยิบลูกหินใส่หนังสติ๊กอย่างไม่ใส่ใจ ง้างแล้วยิงออกไปสุดแรง สมมุติว่ากำลังยิงไปที่บิดา เขายิงถูกกิ่งของต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป หักสะบั้นลงมา ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าสามารถฆ่าสัตว์ที่กำลังเคลื่อนที่ได้ เขาก็หยุดเล็งไปที่พวกมัน เพราะกลัวพลังของตัวเองและไม่อยากจะทำร้ายสิ่งมีชีวิต ตอนนี้เป้าของเขาคือกิ่งไม้ แต่แน่นอนว่ายกเว้นหมาจิ้งจอกที่มาไล่ฝูงแกะของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกหมาจิ้งจอกเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ห่าง ผลที่ได้คือฝูงแกะของธอร์ปลอดภัยที่สุดในหมู่บ้าน

ธอร์คิดถึงพวกพี่ชายแล้วก็โมโหอีก พวกเขาจะอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้ หลังจากนั่งรถไปหนึ่งวันก็คงจะไปถึงปราสาทของพระราชา เขาทำได้แต่เพียงนึกจินตนาการ เด็กหนุ่มเห็นภาพพี่ชายได้รับการต้อนรับอย่างเอิกเกริก ผู้คนแต่งกายด้วยชุดที่ดีที่สุดมาต้อนรับ บรรดานักรบจากกองรบเงินกล่าวทักทาย พวกเขาคงจะได้เข้าไปอยู่ในค่ายทหาร สถานที่ฝึกซ้อมในเขตราชสำนัก ได้ใช้อาวุธชั้นยอด แต่ละคนคงได้รับมอบให้ติดตามอัศวินที่มีชื่อเสียง แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็จะได้เป็นอัศวิน มีม้าเป็นของตัวเอง มีตราเครื่องหมายประจำตัว และมีเด็กรับใช้ของตัวเอง พวกเขาคงจะได้เข้าร่วมงานเทศกาลทุกงานและได้ร่วมโต๊ะเสวยกับพระราชา มันช่างเป็นชีวิตที่น่าหลงใหล แล้วมันก็หลุดมือธอร์ไปแล้ว

เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบาย พยายามผลักความคิดเหล่านั้นออกไปจากใจ แต่ก็ทำไม่ได้ มีส่วนหนึ่งในตัวเขา ส่วนที่ลึกที่สุดกรีดร้องบอกเขาว่าอย่ายอมแพ้ บอกว่าเขามีชะตาที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้ว่ามันไม่ใช่ที่นี่ ธอร์รู้สึกว่าเขาแตกต่าง อาจจะพิเศษด้วยซ้ำ ไม่มีใครเข้าใจเขาและต่างก็ประเมินค่าของเขาต่ำเกินไป

ธอร์ขึ้นไปถึงเนินที่สูงที่สุดและมองเห็นฝูงแกะของเขา พวกมันได้รับการฝึกมาอย่างดี ยังคงอยู่รวมฝูงกัน เล็มหญ้าอะไรก็ได้ที่พวกมันหาเจออยู่อย่างพอใจ เขานับจำนวน มองหาสีแดงที่ทำเครื่องหมายไว้บนหลังพวกมัน ธอร์ตัวแข็งทื่อเมื่อนับเสร็จ แกะหายไปหนึ่งตัว

เขานับอีกครั้งและอีกครั้ง ธอร์ไม่อยากจะเชื่อว่าแกะหายไปหนึ่งตัว

เขาไม่เคยทำแกะหายมาก่อน และบิดาคงจะไม่มีทางยกโทษให้เขาแน่ ที่แย่กว่านั้นคือเขาทนไม่ได้ที่แกะของเขาหลงหายไปในป่าเพียงลำพัง เขาไม่ชอบเห็นสัตว์ไร้เดียงสาต้องลำบาก

ธอร์รีบวิ่งไปที่ยอดเนินแล้วกวาดตามองไปตามแนวขอบฟ้าจนกระทั่งมองเห็นมัน อยู่ที่เนินเขาซึ่งห่างออกไปหลายลูก เจ้าแกะตัวหนึ่งมีรอยสีแดงบนหลัง เป็นเจ้าตัวเกเรของฝูง เขาใจหายวูบเมื่อรู้ว่าแกะตัวนั้นไม่เพียงแต่หนีไป ทั้ง ๆ ที่มีที่ให้เลือกไปมากมาย แต่มันดันเลือกไปทางตะวันตก ไปยังป่าดาร์ควู้ด

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย ดาร์ควู้ดเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่เพียงแกะเท่านั้น แต่รวมถึงมนุษย์ด้วย มันอยู่นอกเขตหมู่บ้าน และตั้งแต่ธอร์เดินได้ เขาก็รู้ว่าไม่ควรจะเสี่ยงไปที่นั่น ซึ่งเขาไม่เคยไป มีตำนานบอกว่าการไปที่นั่นคือการหาเรื่องตาย ต้นไม้ในป่านั้นไม่มีจุดสังเกต และเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย

ธอร์เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดอย่างใคร่ครวญ เขาปล่อยให้แกะหายไปไม่ได้ เด็กหนุ่มประเมินว่าหากเขารีบไป เขาน่าจะพามันกลับมาทันเวลา

หลังจากเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง เขาก็หันหลังและพุ่งไปทางทิศตะวันตก ตรงไปยังป่าดาร์ควู้ด มีเมฆหนารวมตัวกันอยู่เหนือที่นั่น เขารู้สึกหดหู่แต่ดูเหมือนขาของเขาจะพาเขาก้าวไปได้เอง เด็กหนุ่มรู้ว่าหันหลังกลับไม่ได้ แม้เขาจะอยากทำก็ตาม

มันเหมือนเขากำลังวิ่งไปสู่ฝันร้าย

*

ธอร์วิ่งเร็วจี๋ผ่านเนินหลายลูกโดยไม่หยุด เข้าไปสู่ร่มเงาของป่าดาร์ควู้ด ทางเดินสิ้นสุดลงที่แนวชายป่า เขาวิ่งเข้าไปในเขตแดนที่ไม่มีจุดสังเกต ใบไม้ในฤดูร้อนกรอบแกรบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของธอร์

ทันที่เขาเข้าไปในป่า ก็ถูกกลืนหายไปในความมืด ต้นสนสูงตระหง่านบดบังแสงสว่างไว้ ในป่านี้อากาศหนาวกว่า เมื่อเขาก้าวเข้ามา ธอร์รู้สึกเย็นยะเยือก ไม่ใช่เพียงเพราะความมืดหรือความหนาวเท่านั้น แต่เป็นเพราะอย่างอื่นด้วย บางอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก เป็นความรู้สึกว่า...กำลังถูกเฝ้ามอง

ธอร์เงยหน้ามองกิ่งก้านโบราณและลำต้นตะปุ่มตะป่ำที่ใหญ่กว่าตัวเขา แกว่งไกวและส่งเสียงเอี้ยดอ้าดอยู่ในสายลม เขาเดินเข้ามาในป่ายังไม่ถึงห้าสิบก้าว ก็ได้ยินเสียงร้องประหลาดของสัตว์ เมื่อเหลียวกลับมามองก็แทบจะมองไม่เห็นช่องทางที่เพิ่งเข้ามา เขารู้สึกราวกับหาทางออกไม่ได้เสียแล้ว ธอร์เริ่มลังเล

ป่าดาร์ควู้ดตั้งอยู่ที่ชายขอบของหมู่บ้านและชายขอบของการรับรู้ของธอร์ เป็นสิ่งที่ลึกล้ำและเป็นปริศนา คนเลี้ยงสัตว์คนไหนที่เคยทำแกะหายเข้ามาในป่านี้ ไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาตาม แม้แต่บิดาของธอร์ เรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าแห่งนี้มันเร้นลับและหลอกหลอนเกินไป

อย่างไรก็ตามเรื่องไม่ธรรมดาในวันนี้ทำให้ธอร์ไม่ใส่ใจอีกต่อไป และทำให้เขาเลิกกังวล ส่วนหนึ่งในตัวเขาอยากจะฝ่าพรมแดน ไปให้ไกลจากบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วปล่อยให้ชะตาชีวิตพาเขาไป

เขาเดินต่อไปก่อนจะหยุด ไม่แน่ใจว่าควรไปทางไหน เขาสังเกตเห็นร่องรอย กิ่งไม้หักงอซึ่งคงจะเป็นทางที่แกะของเขาผ่านไป จึงหันไปตามทางนั้น ครู่หนึ่งก็เลี้ยวอีก

ก่อนที่อีกหนึ่งชั่วโมงจะผ่านไป ธอร์ก็หลงทางอย่างสิ้นหวัง เขาพยายามจดจำทิศทางที่เขาผ่านมา แต่แล้วก็กลับไม่แน่ใจ ความกังวลปั่นป่วนอยู่ในช่องท้อง อย่างไรก็ตามธอร์คิดว่าทางออกทางเดียวคือการเดินหน้าต่อไป เขาจึงเดินต่อ

เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ธอร์สังเกตเห็นลำแสงดวงอาทิตย์จึงมุ่งหน้าไปหา และพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าที่โล่งเล็ก ๆ เขาหยุดยืนนิ่ง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่กำลังเห็นตรงหน้า

มีคนยืนอยู่ตรงนั้น หันหลังให้ธอร์ เขาสวมเสื้อคลุมผ้าซาตินสีฟ้าตัวยาว ไม่สิ ไม่ใช่คนธรรมดา ธอร์รู้สึกได้ เขาคนนั้นเป็นอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นนักบวชดรูอิด เขายืนตัวสูงตรง ศีรษะคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมศีรษะ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับไม่สนใจโลก

ธอร์ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขาเคยได้ยินเรื่องของพวกดรูอิด แต่ไม่เคยพบมาก่อน แต่เมื่อดูจากเครื่องหมายบนเสื้อคลุมที่ตกแต่งด้วยทองอย่างปราณีตแล้ว คน ๆ นี้ไม่ได้เป็นแค่นักบวชดรูอิด เครื่องหมายพวกนั้นเป็นตราหลวง สัญลักษณ์ราชสำนักของพระราชา ธอร์ไม่เข้าใจว่านักบวชดรูอิดหลวงมาทำอะไรที่นี่?

หลังจากรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานชั่วกัปชั่วกัลป์ นักบวชดรูอิดก็หันหน้ามาหาธอร์ช้า ๆ เมื่อเขาหันมา ธอร์จำใบหน้าของเขาได้ มันทำให้ธอร์ถึงกับลืมหายใจ เป็นหนึ่งในใบหน้าที่มีผู้จดจำได้มากที่สุดในอาณาจักร เขาคือนักบวชดรูอิดประจำพระองค์ของพระราชา อาร์กอน เป็นที่ปรึกษาของพระราชาแห่งอาณาจักรตะวันตกมาหลายศตวรรษ สาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่ ห่างไกลจากราชสำนัก มาอยู่ใจกลางป่าดาร์ควู้ดนั้นเป็นปริศนา ธอร์สงสัยว่าตัวเองกำลังจินตนาการไปเองหรือไม่

“ดวงตาของเจ้าไม่ได้หลอกลวงเจ้าหรอก” อาร์กอนบอก จ้องตรงมาที่ธอร์

เสียงของเขาต่ำและโบราณราวกับต้นไม้พวกนั้นพูดออกมา ดวงตาโตขุ่นมัวดูเหมือนจะมองประเมินธอร์ทะลุปรุโปร่ง ธอร์รู้สึกถึงพลังงานรุนแรงแผ่จากร่างนักบวชดรูอิด ราวกับเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าดวงอาทิตย์

เด็กหนุ่มคุกเข่าแล้วน้อมศีรษะลงทันที

“ใต้เท้า” เขากล่าว “ข้อขออภัยที่รบกวนท่าน”

การไม่เคารพที่ปรึกษาของพระราชาจะได้รับโทษจองจำหรือประหารชีวิต เป็นความจริงที่ฝังหัวมาตั้งแต่เขาเกิด

“ยืนขึ้น เจ้าหนู” อาร์กอนบอก “ถ้าข้าอยากให้เจ้าคุกเข่า ข้าจะบอกเอง”

ธอร์ค่อย ๆ ลุกขึ้นและมองไปที่เขา อาร์กอนเดินใกล้เข้ามาอีกสองสามก้าว ก่อนจะหยุดและจ้องมองธอร์ จนกระทั่งธอร์รู้สึกอึดอัด

“เจ้ามีดวงตาของมารดา” อาร์กอนบอก

ธอร์ตกใจ เขาไม่เคยพบมารดาและไม่เคยพบใครที่รู้จักมารดา นอกจากบิดาของเขา บิดาบอกว่ามารดาตายตอนให้กำเนิดเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ธอร์มักจะรู้สึกผิด เขาสงสัยมาตลอดว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ครอบครัวเกลียดเขา

“ข้าคิดว่าท่านคงจะจำข้าเป็นคนอื่น” ธอร์กล่าว “ข้าไม่มีมารดา”

“อย่างนั้นหรือ?” อาร์กอนถามยิ้ม ๆ “เจ้าเกิดจากบิดาคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”

“ใต้เท้า ข้าหมายถึงมารดาของข้าเสียชีวิตตอนให้กำเนิดข้า ข้าคิดว่าท่านจำคนผิด”

“เจ้าคือธอร์กริน แห่งเชื้อสายแม็คคลอยด์ เป็นน้องชายคนเล็กในบรรดาพี่น้องสี่คน เป็นคนที่ไม่ถูกเลือก”

ธอร์เบิกตากว้าง เขาแทบไม่รู้ว่าควรจะคิดอย่างไร ที่คนระดับท่านอาร์กอนรู้ว่าเขาคือใคร เป็นเรื่องที่เกินกว่าที่ธอร์จะเข้าใจ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมีใครนอกหมู่บ้านรู้จักเขา

“ท่าน...รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

อาร์กอนยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร

ธอร์รู้สึกใคร่รู้ขึ้นมาทันที

“ท่าน...” ธอร์ตะกุกตะกักหาคำพูด “...ท่านรู้จักมารดาของข้าได้อย่างไร? ท่านเคยพบนางหรือ? นางเป็นใคร?”

อาร์กอนหันหลังแล้วเดินจากไป

“เก็บคำถามไว้โอกาสหน้า” เขาบอก

ธอร์มองเขาจากไปด้วยความสงสัย มันช่างเป็นการเผชิญหน้าที่น่าเวียนหัวและเป็นปริศนา และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้อาร์กอนเดินจากไป ธอร์รีบวิ่งตามเขาไป

“ท่านมาทำอะไรที่นี่?” ธอร์ถาม รีบวิ่งตามให้ทัน อาร์กอนซึ่งใช้ไม้เท้าสีงาช้างเก่าแก่ เดินเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ “ท่านคงจะไม่ได้มารอข้าอยู่ใช่ไหมขอรับ?”

“จะใครเสียอีกล่ะ?” อาร์กอนถาม

ธอร์วิ่งตามหลังเขาเข้าไปในป่า ทิ้งลานโล่งไว้เบื้องหลัง

“แต่ทำไมถึงเป็นข้า? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมาที่นี่? ท่านต้องการอะไรขอรับ?”

“มากคำถามเหลือเกิน” อาร์กอนบอก “เจ้าพูดมากไป ควรจะหยุดฟังเสียบ้าง”ะ

ธอร์ยังตามไปจนเข้าไปถึงป่าทึบ เขาพยายามหุบปากเงียบ

“เจ้าเข้ามาหาแกะที่หลงทางมา” อาร์กอนบอก “เป็นความพยายามที่สูงส่ง แต่เจ้าเสียเวลาเปล่า เจ้าแกะนั่นไม่มีทางรอด”

 

ธอร์เบิกตาโต

“ท่านทราบได้อย่างไร?”

“ข้ารู้จักโลกที่เจ้าไม่รู้จัก เจ้าหนุ่ม อย่างน้อยก็ในเวลานี้”

ธอร์ประหลาดใจขณะปีนป่ายตามไป

“แต่เจ้าก็ยังไม่ฟัง มันเป็นธรรมชาติของเจ้า ดื้อดึงเหมือนกับมารดาของเจ้า เจ้าจะไปตามแกะ ตั้งใจที่จะช่วยชีวิตมัน”

ธอร์หน้าแดงเมื่ออาร์กอนอ่านใจเขาออก

“เจ้าเป็นเด็กคล่องแคล่ว มีความมุ่งมั่น ทะนงตัวเกินไป มันเป็นคุณสมบัติที่ดี แต่วันหนึ่งมันอาจจะเป็นหายนะของเจ้า”

อาร์กอนเริ่มปีนขึ้นไปถึงสันเขาที่ปกคลุมด้วยมอสส์ ขณะที่ธอร์ตามไป

“เจ้าอยากจะเข้าร่วมในกองทหารยุวชนของพระราชา” อาร์กอนพูด

“ใช่ขอรับ” ธอร์บอกอย่างตื่นเต้น “ข้าพอจะมีโอกาสไหม? ท่านช่วยได้หรือไม่?”

อาร์กอนหัวเราะเสียงต่ำก้องกังวานที่ทำให้ธอร์เย็นวาบไปตามแนวสันหลัง

“ข้าสามารถทำให้หลายสิ่งเกิดขึ้นได้ ชะตากรรมของเจ้าถูกกำหนดไว้แล้ว อยู่ที่เจ้าจะเลือกเดิน”

ธอร์ไม่เข้าใจ

เมื่อพวกเขาขึ้นไปถึงยอดเขา อาร์กอนหยุดและหันมาหาธอร์ เขายืนห่างไปไม่กี่ฟุต พลังของอาร์กอนแผดเผาธอร์

“ชะตากรรมของเจ้าสำคัญมาก” เขาบอก “จงอย่าละทิ้งมัน”

ธอร์เบิกตากว้าง ชะตากรรมของเขาอย่างนั้นหรือ? สำคัญอย่างนั้นหรือ? เขารู้สึกตัวพองด้วยความภาคภูมิ

“ข้าไม่เข้าใจ ท่านกล่าวเป็นปริศนา ได้โปรดบอกข้าอีกหน่อยเถอะ”

อาร์กอนอันตรธานหายไป

ธอร์อ้าปากค้าง เขามองหาไปทุกทาง ฟังเสียง และพิศวงสงสัย นี่เขาจินตนาการเรื่องทั้งหมดขึ้นมาหรือเปล่า? มันเป็นภาพลวงตาอย่างนั้นหรือ?

ธอร์หันกลับไปมองป่าดาร์ควู้ด จากจุดนี้ สูงขึ้นมาบนยอดเขา เขามองเห็นได้กว้างไกลขึ้น เขาเพ่งมอง เห็นความเคลื่อนไหวอยู่ไกลออกไป เขาได้ยินเสียงและมั่นใจว่านั่นคือแกะของเขา

ธอร์ถลันลงไปตามแนวสันเขาที่ปกคลุมด้วยมอสส์ รีบไปตามทิศของเสียง กลับเข้าไปในป่า ระหว่างที่วิ่งไป เขาก็ยังไม่อาจสลัดภาพการเผชิญหน้ากับอาร์กอนออกไปได้ เขาไม่อยากเชื่อว่ามันได้เกิดขึ้นจริง นักบวชดรูอิดของพระราชามาทำอะไรที่นี่? ถ้าเขามารอธอร์ มันเพราะอะไร? แล้วเขาหมายถึงอะไรเรื่องชะตากรรมของธอร์?

ยิ่งธอร์พยายามหาคำตอบ เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ อาร์กอนเตือนไม่ให้เขาไปต่อ แต่ขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้เขาทำ ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปนี้ ธอร์รู้สึกสังหรณ์แรงขึ้นว่าเหตุการณ์สำคัญกำลังจะเกิดขึ้น

เขาเลี้ยวและหยุดยืนตัวแข็งกับภาพที่เห็นตรงหน้า ฝันร้ายที่สุดทั้งหมดของเขาเกิดขึ้นพร้อมกันในเวลานี้ ธอร์ขนหัวลุกเมื่อตระหนักว่าเขาทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่เข้ามาในป่าดาร์ควู้ดลึกขนาดนี้

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ห่างออกไปไม่ถึงสามสิบเก้าคือ ซีโบลด์ ลำตัวเทอะทะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมัน ยืนตรงอยู่บนขาทั้งสี่ ขนาดใกล้เคียงกับม้า มันเป็นสัตว์ที่น่ากลัวที่สุดในป่าดาร์ควู้ด หรืออาจจะในอาณาจักรด้วยซ้ำ

ธอร์ไม่เคยเห็นตัวจริงของมัน เคยได้ยินแต่ในตำนาน มันคล้ายสิงโตแต่ลำตัวใหญ่และหนากว่า หนังของมันเป็นสีแดงเข้ม มีดวงตาสีเหลืองแวววาว ตำนานบอกว่าสีแดงของมันเกิดขึ้นจากเลือดของเด็กไร้เดียงสา

ตลอดชีวิตของธอร์ เขาได้ยินว่ามีไม่กี่คนที่เคยพบเจ้าสัตว์ร้ายนี้ แต่ก็ยังเป็นที่กังขา อาจจะเป็นเพราะไม่เคยมีใครรอดชีวิตมาได้จริง ๆ บางคนก็บอกว่าซีโบลด์เป็นเทพแห่งป่า หรือภาพนิมิต แต่ภาพนิมิตอะไร ธอร์ก็ไม่เข้าใจ

เขาก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง

ปากของเจ้าซีโบลด์อ้าค้าง น้ำลายหยดมาตามเขี้ยว มันจ้องมองมาด้วยดวงตาสีเหลือง ในปากของมันมีแกะที่หลงมานอนหงายท้อง ร้องครวญครางอยู่ ลำตัวครึ่งหนึ่งถูกเขี้ยวฝัง ใกล้ตายเต็มที ซีโบลด์ดูจะเพลิดเพลินกับการฆ่า มันไม่รีบร้อน ดูพอใจที่ได้ทรมานเหยื่อของมัน

ธอร์ทนฟังเสียงร้องไม่ได้ เจ้าแกะดิ้นรนอย่างอับจนหนทาง เขารู้สึกว่าเป็นความผิดของเขา

ความคิดแรกของธอร์บอกให้เขาหันหลังแล้ววิ่งหนี แต่เขารู้ดีว่าคงไม่มีทางพ้น เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้น่าจะวิ่งชนะทุกสิ่ง การวิ่งหนีคงแค่กระตุ้นมันเท่านั้น เขาไม่อาจปล่อยให้แกะของเขาตายแบบนั้น

เด็กหนุ่มยืนนิ่งด้วยความกลัว รู้ดีว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง

ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเข้าควบคุม ธอร์ค่อย ๆ ล้วงลงไปในถุง หยิบลูกหินออกมา แล้วใส่เข้าที่ในหนังสติ๊ก เขาง้างมันด้วยมือสั่นเทา ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วยิงออกไป

ลูกหินพุ่งผ่านอากาศไปกระทบเป้าอย่างจัง แม่นราวจับวาง ยิงถูกดวงตาของเจ้าแกะทะลุผ่านเข้าไปในสมองของมัน

เจ้าแกะตัวอ่อนพับ ตายทันที ธอร์ช่วยให้มันพ้นจากความทรมาน

ซีโบลด์ถลึงตา เดือดดาลที่ธอร์สังหารของเล่นของมัน มันค่อย ๆ อ้าข้ากรรไกรมหึมาออก ทิ้งซากแกะให้หล่นตุ้บลงบนพื้นป่า จากนั้นจึงหันกลับมาหาธอร์

มันคำราม เสียงต่ำน่ากลัวดังออกมาจากท้องของมัน

เมื่อมันเริ่มย่างตรงมาหาเขา ธอร์ใจเต้นรัว เขาหยิบลูกหินอีกก้อนใส่หนังสติ๊ก เอนตัว เตรียมยิงอีกครั้ง

ซีโบลด์เริ่มวิ่งเต็มที่ มันเคลื่อนที่เร็วกว่าสิ่งใดที่ธอร์เคยเห็นมาในชีวิต เขาก้าวมาข้างหน้า แล้วยิงลูกหิน ภาวนาให้โดนเป้า เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีเวลายิงได้อีกก่อนที่มันจะมาถึงตัว

ลูกหินกระแทกตาขวาของเจ้าสัตว์ร้ายหลุดกระเด็น เป็นการยิงที่ทรงพลัง หากเป็นสัตว์เล็กกว่านี้คงจะทรุดลงไปกองแล้ว

แต่ซีโบลด์ไม่ใช่สัตว์เล็กกว่านี้ มันไม่หยุด ส่งเสียงคำรามกับการบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย แม้จะเหลือตาข้างเดียว และแม้จะมีก้อนหินฝังอยู่ในสมอง มันก็ยังคงพุ่งเข้าใส่ธอร์อย่างไม่สนใจ ไม่มีทางที่ธอร์จะทำอะไรได้เลย

ชั่วขณะต่อมา เจ้าสัตว์ยักษ์ก็อยู่บนตัวเขา มันเงื้อกรงเล็บมหึมาและตะปบลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม

ธอร์ร้องโหยหวน รู้สึกเหมือนถูกมีดสามเล่มเฉือนเนื้อ เลือดอุ่น ๆไหลทะลักออกมา

ซีโบลด์ตรึงเขาไว้กับพื้นด้วยขาทั้งสี่ของมัน น้ำหนักมหาศาลราวกับมีช้างเหยียบอยู่บนอก ธอร์รู้สึกว่าซี่โครงถูกบีบ

สัตว์ร้ายเงยหน้า อ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยว และค่อย ๆ ก้มต่ำลงหาลำคอของธอร์

ขณะนั้นธอร์ยื่นมือขึ้นไปจับคอมันไว้ มันเหมือนจับกล้ามเนื้อแข็ง ๆ เขาเกือบจะยันไม่ไหวอีกแล้ว แขนสองข้างเริ่มสั่น เมื่อเขี้ยวคมลดต่ำลงมา ธอร์รู้สึกถึงลมหายใจร้อนเป่ารดหน้า รู้สึกว่าน้ำลายของมันหยดลงมาที่คอของเขา เสียงคำรามลึกจากในอกของมัน สนั่นอยู่ข้างหู เขารู้ว่าเขาคงจะต้องตาย

ธอร์หลับตา

ได้โปรดเถิด พระเจ้า โปรดประทานพลังแก่ข้า ให้ข้าได้ต่อสู้กับเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ โปรดเถิด ข้าขอวิงวอน ข้าจะทำทุกอย่างที่พระองค์ต้องการ จะถือเป็นหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงของข้า

ทันใดนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น ธอร์รู้สึกถึงความร้อนรุนแรงแผ่จากร่างกายของเขา แล่นไปตามเส้นเลือด เหมือนสนามพลังพุ่งทะลุผ่านเขา ธอร์ลืมตาและเห็นสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ มีแสงสีเหลืองแผ่จากฝ่ามือของเขา เมื่อเขาผลักลำคอของซีโบลด์ ช่างน่าอัศจรรย์ที่เขาสามารถต้านแรงของมัน และยันมันให้หยุดนิ่งได้

ธอร์ออกแรงดันจนสามารถผลักมันถอยห่าง พละกำลังของเขาเพิ่มยิ่งขึ้น ตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงลูกปืนพลังงานที่ผลักเจ้าสัตว์ยักษ์กระเด็นถอยหลังไป ธอร์ส่งมันลอยไปไกลถึงสิบฟุต ลงไปนอนหงายท้อง

เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

ซีโบลด์ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยโทสะ แต่ครั้งนี้ธอร์รู้สึกแตกต่างไป พลังงานบางอย่างไหลผ่านตัวเขา เขารู้สึกมีพลังยิ่งกว่าที่เคย

เมื่อสัตว์ร้ายกระโจนขึ้นสู่อากาศ ธอร์หมอบต่ำลง คว้าท้องของมันไว้ แล้วเหวี่ยง ใช้แรงของมันผลักตัวมันเองออกไป

ซีโบลด์ลอยเข้าไปในป่า กระแทกเข้ากับต้นไม้ แล้วหล่นลงบนพื้น

ธอร์จ้องเขม็ง ด้วยความประหลาดใจ นี่เขาเพิ่งเหวี่ยงซีโบลด์ลอยไปอย่างนั้นหรือ?

สัตว์ร้ายกระพริบตาสองครั้ง มองมาที่ธอร์ มันยืนขึ้นและพุ่งเข้าใส่อีก

ครั้งนี้ เมื่อมันกระโจน ธอร์คว้าคอมันไว้ แล้วล้มลงไปบนพื้นด้วยกัน ซีโบลด์ทับอยู่บนตัวเขา แต่ธอร์พลิกตัวขึ้นไปคร่อมมันไว้ เขาจับคอมันไว้แน่น บีบไว้ด้วยมือทั้งสอง ซีโบลด์พยายามจะยกหัวขึ้น แล้วใช้เขี้ยวงับแต่ไม่โดน ธอร์รู้สึกถึงพละกำลังใหม่ เขากดมือลงไปและยึดไว้แน่น ปล่อยให้พลังงานพุ่งผ่านตัวเขา ทันใดนั้นเอง เขารู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งว่าเจ้าสัตว์ร้ายอย่างน่าอัศจรรย์

ในที่สุดเขาบีบคอซีโบลด์จนตาย เจ้าสัตว์ยักษ์ตัวอ่อนพับไป

ธอร์ยังไม่ยอมปล่อยอยู่อีกนาทีเต็ม

เขายืนขึ้นช้า ๆ หอบหายใจ จ้องมองด้วยดวงตาเบิกโพลง พลางกุมแขนข้างที่บาดเจ็บไว้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นี่เขา..ธอร์..เพิ่งสังหารซีโบลด์อย่างนั้นหรือ?

เขาคิดว่ามันคือสัญญาณ วันนี้ทั้งวัน เขารู้สึกมาตลอดว่าจะมีสิ่งสำคัญเกิดขึ้น เขาเพิ่งฆ่าสัตว์ที่น่ากลัวและเลื่องชื่อที่สุดในอาณาจักร ด้วยมือข้างเดียว ปราศจากอาวุธ มันดูเป็นไปไม่ได้เลย ไม่มีใครเชื่อเขาแน่ ๆ

ธอร์รู้สึกโลกหมุนขณะที่นึกสงสัยว่าพลังอะไรครอบงำเขา มันหมายถึงอะไรกัน และตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใคร พวกที่จะมีพลังแบบนั้นได้มีแต่นักบวชดรูอิดเท่านั้น แต่บิดาและมารดาของเขาก็ไม่ใช่ดรูอิด ดังนั้นเขาเองก็ไม่มีทางเป็นได้

หรือว่าเขาเป็นดรูอิด?

ธอร์รู้สึกว่ามีบางคนอยู่ด้านหลัง เขาหมุนตัวไปพบอาร์กอนยืนอยู่ตรงนั้น กำลังจ้องมองไปที่สัตว์ร้าย

“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?” ธอร์ถามอย่างประหลาดใจ

อาร์กอนไม่ใส่ใจ

“ท่านเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่?” ธอร์ถาม ยังคงไม่เชื่อ “ข้าไม่รู้ว่าข้าทำได้อย่างไร”

“แต่เจ้ารู้” อาร์กอนบอก “ลึกลงไปในตัวเจ้ารู้ดี เจ้าแตกต่างจากคนอื่น”

“มันเหมือนกับ...คลื่นพลัง” ธอร์บอก “เหมือนพละกำลังที่ข้าไม่เคยรู้ว่ามี”

“สนามพลัง” อาร์กอนพูด “วันหนึ่งเจ้าจะรู้จักมันอย่างดี และอาจจะเรียนรู้การควบคุมมัน”

ธอร์กุมไหล่ รู้สึกเจ็บปวดรุนแรง เขามองเห็นมืออาบไปด้วยเลือด รู้สึกวิงเวียนและกังวลว่าจะเป็นเช่นไรหากเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือ

อาร์กอนก้าวมาข้างหน้าสามก้าว ยื่นมือมาจับมือข้างที่ว่างของธอร์ แล้ววางปิดลงบนแผล เขากดไว้อย่างนั้น เอนตัวแล้วหลับตา

ธอร์รู้สึกถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านไปตามแขน ไม่กี่วินาที เลือดเหนียวบนมือเขาก็แห้ง และรู้สึกว่าความเจ็บปวดจางหายไป

เขามองดูแต่ไม่อาจเข้าใจ เขาหายจากการบาดเจ็บ ที่เหลืออยู่คือรอยแผลเป็นสามรอยจากกรงเล็บ บาดแผลปิดสนิทและดูเหมือนหายมาหลายวันแล้ว ไม่มีเลือดไหลอีก

ธอร์มองอาร์กอนอย่างประหลาดใจ

“ท่านทำได้อย่างไร?” เขาถาม

อาร์กอนยิ้ม

“ข้าเปล่า เจ้าต่างหาก ข้าเพียงแต่ชี้นำพลังของเจ้า”

“แต่ข้าไม่มีพลังรักษา” ธอร์บอกอย่างงุนงง

“ไม่อย่างนั้นหรือ?” อาร์กอนบอก

“ข้าไม่เข้าใจ เรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีเหตุผลเลย” ธอร์กล่าว เริ่มหมดความอดทน “ได้โปรด บอกข้าทีเถิด”

อาร์กอนมองเมิน

“บางอย่างเจ้าต้องเรียนรู้เมื่อเวลาผ่านไป”

ธอร์คิดถึงบางอย่าง

“นี่หมายความว่าข้าสามารถเข้าร่วมกองทหารยุวชนของพระราชาได้ ใช่หรือไม่?” เขาถามอย่างตื่นเต้น “แน่นอนสิ ถ้าข้าสามารถฆ่าซีโบลด์ได้ ข้าก็สามารถเป็นที่ยอมรับเหมือนคนอื่น ๆ”

“แน่นอนเจ้าเข้าได้” เขาตอบ

“แต่พวกเขาเลือกพี่ชายของข้า...พวกเขาไม่ได้เลือกข้า”

“พี่ชายของเจ้าไม่สามารถสังหารสัตว์ตัวนี้ได้หรอก”

ธอร์มองกลับมา ครุ่นคิด

“แต่พวกเขาปฏิเสธข้าแล้ว ข้าจะเข้าร่วมได้อย่างไร?”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นักรบต้องการคำเชิญ?” อาร์กอนถาม

คำพูดของเขาซึมซาบเข้ามา ธอร์รู้สึกตัวอุ่นขึ้น

“ท่านหมายถึงว่า ข้าเพียงแค่ไปแสดงตัว? โดยไม่ต้องเชิญอย่างนั้นหรือ?”

อาร์กอนยิ้ม

“เจ้ากำหนดชะตากรรมของเจ้าเอง ผู้อื่นไม่สามารถทำได้”

ธอร์กระพริบตา แล้วทันใดนั้น อาร์กอนก็หายไปอีกครั้ง

ธอร์หมุนหาไปรอบ ๆ ทุกทิศทาง แต่ไม่พบร่องรอยของเขา

“ทางนี้” เสียงดังขึ้น

ธอร์หันไปและพบก้อนหินใหญ่อยู่ข้างหน้า เขาได้ยินเสียงดังมาจากด้านบน จึงปีนก้อนหินขึ้นไปทันที

เขาขึ้นไปถึงด้านบน แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ไม่พบอาร์กอน

จากมุมนี้ เขาสามารถมองเห็นเหนือยอดไม้ในป่าดาร์ควู้ด เขาเห็นจุดที่สิ้นสุดแนวป่า เห็นอาทิตย์ดวงที่สองกำลังตกเป็นสีเขียวเข้ม และไกลกว่านั้นเขาเห็นถนนที่มุ่งไปสู่ปราสาทของพระราชา

“ถนนเส้นนั้นเป็นทางให้เจ้าเดินไป” เสียงดังขึ้นอีก “หากเจ้ากล้า”

ธอร์หันหลังแต่ไม่พบสิ่งใด มีเพียงเสียง สะท้อนก้อง แต่เขารู้ดีว่าอาร์กอนอยู่ที่นั่น ตรงไหนสักแห่ง กำลังกระตุ้นเขา ซึ่งลึกลงไปในใจธอร์รู้ดีว่าอาร์กอนพูดถูก

ธอร์ลงจากก้อนหินใหญ่อย่างไม่ลังเลอีกต่อไป แล้วมุ่งหน้าออกจากป่า ไปยังถนนที่อยู่ไกลออกไป

วิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อโชคชะตาของเขา

บทที่ 3

ราชาแม็คกิล มีวรกายล่ำสัน อุระบึกบึน มีเคราหนาสีดอกเลาและเกศายาวสีเดียวกัน กับนลาฏกว้างที่มีร่องรอยผ่านการสู้รบมามากเกินไป พระองค์ประทับอยู่บนเชิงเทินด้านบนของปราสาท โดยมีราชินีประทับอยู่เคียงข้าง ทั้งสองกำลังดูการเตรียมงานเฉลิมฉลองของวันนี้ ในเขตราชสำนักที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่างด้วยความรุ่งโรจน์ กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เมืองที่รุ่งเรืองนี้ล้อมรอบด้วยป้อมปราการหินโบราณ ปราสาทของพระราชา เชื่อมต่อกับถนนคดเคี้ยวหลายสาย มีอาคารสร้างด้วยหินหลายรูปทรงหลายขนาด ซึ่งใช้เป็นที่พักของบรรดานักรบ ผู้ดูแล คอกม้า กองรบเงิน กองทหารยุวชน ทหารรักษาการณ์ ค่ายทหาร คลังอาวุธ และชุดเกราะ และท่ามกลางบรรดาอาคารเหล่านี้ เป็นบ้านเรือนของราษฎรที่เลือกอาศัยอยู่ภายในกำแพงเมืองอีกหลายร้อยหลังคาเรือน ระหว่างถนนสายต่าง ๆ มีสนามหญ้ากว้างหลายเอเคอร์ อุทยานหลวง ลานหิน และบ่อน้ำพุ ตัวปราสาทได้รับการบูรณะมาหลายศตวรรษ โดยพระบิดาของราชาแม็คกิล และบรรพชนรุ่นก่อน โดยในขณะนี้เป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นป้อมปราการที่ปลอดภัยที่สุดในอาณาจักรตะวันตกของวงแหวน

พระราชาแม็คกิลมีนักรบที่จงรักภักดีและเก่งกาจที่สุดที่ราชาองค์ใดจะมีได้ และตลอดพระชนม์ชีพ ไม่มีผู้ใดกล้ารุกราน ทรงเป็นแม็คกิลองค์ที่เจ็ดที่ครองบัลลังก์ และทรงปกครองด้วยดีมาตลอดสามสิบสองปี พระองค์เป็นราชาที่ประเสริฐและปราดเปรื่อง อาณาจักรเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในรัชสมัยของพระองค์ ทรงมีกำลังทหารเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า อาณาจักรแผ่ไพศาลออกไป ทรงพระราชทานเงินช่วยเหลือแก่ราษฏร และไม่มีคำร้องทุกข์แม้แต่คำเดียวจากราษฎร พระองค์ทรงเป็นราชาที่มีเมตตา ไม่เคยมีช่วงเวลาที่บ้านเมืองสงบสุขและประชาชนอยู่ดีกินดีเช่นนี้ นับตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์

ช่างน่าแปลกที่เรื่องนี้ทำให้พระองค์ไม่อาจบรรทมในยามราตรี ราชาแม็คกิลรู้ประวัติศาสตร์หลายยุคหลายสมัยดี ไม่เคยมีช่วงเวลาสงบสุขได้ยาวนาน โดยปราศจากสงคราม พระองค์จะไม่แปลกพระทัยเลย หากจะถูกโจมตี แต่จะเมื่อไร และจากใครกัน

แน่นอนว่าภัยที่น่ากลัวที่สุดนั้นมาจากภายนอกวงแหวน จากดินแดนป่าเถื่อนที่ปกครองโดยเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ห่างไกล ซึ่งได้ปราบปรามเอาชนะผู้คนที่อาศัยอยู่ภายนอกวงแหวน ภายนอกเขตหุบเขาลึก สำหรับราชาแม็คกิลและบรรพกษัตริย์เจ็ดรัชสมัยก่อนพระองค์ พวกคนเถื่อนไม่เคยเป็นภัยคุกคามโดยตรง เนื่องจากทำเลที่ตั้งที่มีลักษณะเฉพาะของอาณาจักรของพระองค์ เป็นรูปวงกลม เหมือนวงแหวน แยกตัวจากโลกภายนอกโดยมีหุบเขาลึกกว้างหนึ่งไมล์คั่นไว้ และมีสนามพลังปกป้องมานับตั้งแต่รัชสมัยของราชาแม็คกิลพระองค์แรก จึงแทบจะไม่ต้องกังวลกับพวกคนเถื่อนเลย แม้พวกนั้นจะพยายามหลายต่อหลายครั้ง ที่จะบุกโจมตี ฝ่าสนามพลัง เพื่อข้ามหุบเขามา แต่ไม่เคยทำสำเร็จเลย ตราบเท่าที่พระองค์และราษฎรอยู่ภายในวงแหวน จะไม่มีภัยอันตรายใด ๆ จากภายนอก

 

ถึงกระนั้น ก็ไมได้หมายความว่าจะไม่มีภัยจากภายใน และนั่นคือสาเหตุที่ราชาแม็คกิลไม่อาจบรรทมหลับได้ในช่วงหลังนี้ อันที่จริงสาเหตุของการเฉลิมฉลองในวันนี้คือพิธีอภิเษกสมรสของธิดาองค์โต เป็นการอภิเษกที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อระงับศึก เพื่อรักษาสันติภาพอันเปราะบางระหว่างอาณาจักรตะวันออกและตะวันตกของวงแหวน

วงแหวนมีรัศมีห้าร้อยไมล์แผ่กว้างไปทุกทิศทุกทาง ถูกแบ่งกลางด้วยแนวเทือกเขา เป็นเขตภูเขาสูง อีกด้านของเขตภูเขา เป็นที่ตั้งของอาณาจักรตะวันออก ซึ่งปกครองครึ่งหนึ่งของวงแหวน อาณาจักรตะวันออกปกครองโดยคู่ปรับของพวกเขา ราชวงศ์แม็คคลาวด์ ที่มักจะพยายามทำลายการสงบศึกอันเปราะบางกับราชวงศ์แม็คกิล แม็คคลาวด์ไม่พอใจและไม่ยินดีกับอาณาเขตของตัวเอง เชื่อว่าอาณาจักรฝั่งตนมีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์น้อยกว่า พวกเขาพยายามแย่งชิงดินแดนเขตภูเขาด้วย โดยยืนยันว่าเขตภูเขาทั้งหมดเป็นของพวกเขา ทั้งที่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นของแม็คกิล มีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนไม่จบไม่สิ้น และเป็นภัยรุกรานที่เกิดขึ้นมาตลอด

เมื่อราชาแม็คกิลทรงคิดถึงเรื่องนี้ พระองค์รู้สึกรำคาญใจ แม็คคลาวด์ควรจะพอใจ พวกเขาปลอดภัยอยู่ภายในวงแหวน มีหุบเขาลึกคอยปกป้อง ได้อยู่บนดินแดนที่ดีและไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว ทำไมพวกเขาจึงไม่พอใจกับครึ่งหนึ่งของวงแหวน? เป็นเพราะราชาแม็คกิลทรงมีกองทัพที่แข็งแกร่งอย่างมากเป็นครั้งแรกในประวัติกาล แม็คคลาวด์จึงไม่กล้าบุกโจมตี แต่ราชาแม็คกิลทรงชาญฉลาด พระองค์รู้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ทรงตระหนักว่าความสุขสงบนี้ไม่ยั่งยืน ดังนั้นจึงทรงจัดให้มีพิธีอภิเษกสมรสระหว่างธิดาองค์โตของพระองค์กับเจ้าชายองค์โตของราชวงศ์แม็คคลาวด์ และพิธีก็มาถึงในวันนี้แล้ว

ขณะที่ทอดพระเนตรมองเบื้องล่าง ทรงเห็นราษฎรนับพันคนแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีสันสดใส ทยอยกันมาจากทุกมุมของอาณาจักร จากทั้งสองฟากของเขตภูเขา ผู้คนจากเกือบทั้งอาณาจักรวงแหวน หลั่งไหลกันมาที่ป้อมปราการของพระองค์ บรรดาราษฎรต่างเตรียมงานกันแรมเดือน สั่งการให้ทุกอย่างดูมั่งคั่งและแข็งแกร่ง นี่ไม่ใช่เพียงแค่พิธีอภิเษกสมรสเท่านั้น แต่เป็นวันส่งข้อความถึงพวกแม็คคลาวด์

ราชาแม็คกิลทรงสำรวจทหารนับร้อยที่เข้าแถวประจำการอยู่บนเชิงเทิน บนถนน และตามกำแพง มีทหารมากกว่าที่พระองค์ต้องการเสียอีก แต่ก็ทรงพอพระทัย มันคือการแสดงแสนยานุภาพที่ทรงประสงค์ อย่างไรก็ตาม ทรงรู้สึกกังวลด้วย สถานการณ์นั้นตึงเครียด เสี่ยงต่อการปะทะ พระองค์หวังว่าจะไม่มีพวกใจร้อน เมาอาละวาดลุกฮือขึ้นมาจากทั้งสองฝั่ง

ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรสนามประลอง สนามเด็กเล่น แล้วคิดถึงวันที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเต็มไปด้วยการละเล่นและการประลอง รวมถึงการเฉลิมฉลองทุกรูปแบบ มันคงจะรุนแรง แม็คคลาวด์จะต้องมาพร้อมกับกองทัพเล็ก ๆ และทุกการประลอง มวยปล้ำ และการแข่งขันอื่น ๆ จะต้องถือเป็นสำคัญ หากมีการตุกติกขึ้นแม้เพียงครั้งเดียว นั่นอาจจะนำไปสู่สงคราม

“ราชาของข้า”

พระองค์รู้สึกถึงหัตถ์นุ่มบนพระกร เมื่อหันไปหาครีอา ราชินีของพระองค์ พระนางยังคงเป็นสตรีที่มีสิริโฉมงดงามที่สุดที่พระองค์เคยพบ ทรงครองรักร่วมกันอย่างมีความสุขมาตลอดรัชสมัย และได้ทรงให้กำเนิดโอรสและธิดาถึงห้าพระองค์ โดยไม่เคยปริปากบ่น ในจำนวนนี้ทรงมีพระโอรสถึงสามพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้น พระนางยังเป็นที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้มากที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ราชาแม็คกิลได้เรียนรู้ว่าพระนางทรงชาญฉลาดยิ่งกว่าใคร ที่จริงทรงฉลาดกว่าพระองค์เองเสียด้วยซ้ำ

“มันเป็นวันแห่งการเมือง” พระนางตรัส “แต่ก็เป็นวันแต่งงานของลูกสาวของเราด้วย พยายามมีความสุขหน่อยเถิด มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

“ข้าคงจะกังวลน้อยกว่านี้ หากข้าไม่มีอะไรเลย” ราชาตรัสตอบ “แต่ตอนนี้เรามีทุกสิ่ง ทุกอย่างทำให้ข้าต้องกังวล เราปลอดภัยแต่ข้ากลับไม่รู้สึกปลอดภัยเลย”

พระนางทอดพระเนตรตอบด้วยดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มอย่างเห็นใจ ดวงตาทั้งคู่ของพระนางดูราวกับเก็บปัญญาแห่งโลกเอาไว้ เปลือกตาหลุบต่ำเหมือนเช่นที่เคยเป็น ทำให้ดูคล้ายง่วงงุนเล็กน้อย พระพักตร์ล้อมกรอบด้วยเกศางามสีน้ำตาลแซมเทาเหยียดตรงที่ห้อยระอยู่สองข้างแก้ม พระนางทรงมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย

“นั่นเป็นเพราะพระองค์ไม่ได้ปลอดภัย” พระนางตรัสบอก “ไม่มีราชาองค์ใดปลอดภัย มีสายลับแฝงอยู่ในราชสำนักของเรามากกว่าที่พระองค์จะสนพระทัยอยากรู้เสียอีก แต่มันก็เป็นเช่นนั้น”

ราชินีเอนกายเข้าใกล้และจุมพิต ก่อนจะแย้มสรวล

“พยายามสนุกสนานบ้าง” พระนางบอก “อย่างไรเสียมันก็คืองานแต่งงาน”

แล้วจึงหันหลัง และเสด็จไปจากเชิงเทินปราสาท

ราชาแม็คกิลทอดเนตรมองพระนางจากไป แล้วจึงหันกลับไปมองราชสำนักของพระองค์ พระนางพูดถูก ถูกเสมอ พระองค์เองก็อยากจะสนุกสนาน ด้วยทรงรักธิดาองค์โต และนี่มันก็คืองานแต่งงาน เป็นวันที่สวยงามที่สุดในช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของปี ฤดูใบไม้ผลิมาถึงจุดสูงสุดของมันแล้ว และฤดูร้อนกำลังจะเริ่มต้น ดวงอาทิตย์ทั้งสองเหมาะเจาะอยู่บนท้องฟ้า สายลมเย็นพัดโชยแผ่วเบา ทุกอย่างกำลังเบ่งบาน ต้นไม้ทุกต้น

ปกคลุมด้วยดอกไม้สีชมพู ม่วง ส้มและขาว ไม่มีสิ่งใดที่จะทรงปรารถนามากไปกว่าการได้ลงไปประทับอยู่กับพสกนิกร ได้ทอดพระเนตรเห็นธิดาอภิเษกสมรส ได้เสวยเหล้าเอลจนกระทั่งเสวยอีกไม่ไหว

แต่พระองค์ไม่อาจทำได้ ทรงมีราชกิจมากมายที่ต้องทำก่อน จึงจะสามารถออกไปจากปราสาทได้ นอกจากนี้วันพิธีอภิเษกสมรสของพระธิดานั้นเป็นพันธะสัญญาของราชา พระองค์ต้องพบกับคณะที่ปรึกษา โอรสธิดา และราษฎรที่มาต่อแถวยาว พวกเขามีสิทธิ์ที่จะได้เห็นราชาในวันนี้ ราชาแม็คกิลคงจะทรงโชคดีมาก หากได้ออกจากปราสาทไปทันพระราชพิธีช่วงอาทิตย์ตก

*

แม็คกิลทรงฉลองพระองค์ที่งดงามที่สุด ทรงสนับเพลาสีดำอมม่วง รัดพระองค์ทองคำ ฉลองพระองค์ยาวทำจากเส้นไหมชั้นเยี่ยมสีทองและม่วง ฉลองพระองค์ตัวนอกสีขาว ฉลองพระบาทหนังสูงถึงพระชงฆ์ และทรงมงกุฎทองคำที่มีทับทิมเม็ดเขื่องประดับอยู่ตรงกลาง พระองค์เสด็จผ่านโถงปราสาท ที่มีข้าราชบริพารเฝ้าอยู่สองข้าง ทรงดำเนินผ่านห้องแล้วห้องเล่า ลงบันไดจากเชิงเทิน ตัดผ่านท้องบรรทม และผ่านห้องโถงหลังคาโค้งสูงกับแนวหน้าต่างกระจกสี ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จไปถึงบานประตูไม้โอ๊คโบราณ หนาเท่ากับไม้ทั้งต้น ซึ่งมหาดเล็กเปิดออกให้ก่อนที่จะถอยหลบไป ที่นี่คือท้องพระโรง

คณะที่ปรึกษาของพระองค์ยืนรอเฝ้าเมื่อเสด็จมาถึง แล้วประตูก็ปิดลงตามหลัง

“เชิญนั่งได้” แม็คกิลตรัสบอก น้ำเสียงห้วนกว่าปกติ ทรงเบื่อหน่ายพิธีรีตองการปกครองแผ่นดินที่ไม่จบไม่สิ้น โดยเฉพาะในวันนี้ และทรงอยากให้ผ่านไปโดยเร็ว

ราชาแม็คกิลเสด็จผ่านท้องพระโรงที่ทำให้พระองค์ประทับใจอยู่เสมอ หลังคาสูงห้าสิบฟุต ผนังด้านหนึ่งเป็นแผ่นกระจกสี พื้นและผนังด้านอื่น ๆ สร้างจากก้อนหินหนาหนึ่งฟุต ห้องนี้สามารถรองรับเจ้าขุนมูลนายได้กว่าหนึ่งร้อยคน แต่ในวันเช่นวันนี้ เมื่อคณะที่ปรึกษาขอเข้าเฝ้า มีเพียงพระองค์กับที่ปรึกษาจำนวนหยิบมือในห้องกว้างมืดทึม ในห้องมีโต๊ะรูปครึ่งวงกลมตัวมหึมาตั้งอยู่ คณะที่ปรึกษาของพระองค์ยืนอยู่หลังโต๊ะตัวนี้

ราชาแม็คกิลเสด็จผ่านทางที่ผ่าตรงกลางไปยังบัลลังก์ ก้าวขึ้นบันไดหิน ผ่านรูปสลักสิงโตสีทอง แล้วประทับนั่งบนบัลลังก์ทองคำ ที่หุ้มด้วยเบาะกำมะหยี่สีแดง พระบิดาของพระองค์เคยประทับบนบัลลังก์นี้ เช่นเดียวกับพระบิดาของพระองค์ และกษัตริย์แม็คกิลองค์อื่น ๆ เมื่อประทับบนบัลลังก์ทรงรู้สึกถึงภาระของบรรพบุรุษทุกรัชสมัย

ราชาทรงมองสำรวจคณะที่ปรึกษาที่มารอเฝ้า บรอมเป็นแม่ทัพที่เก่งที่สุดและเป็นที่ปรึกษาด้านการทหาร คอล์คเป็นแม่ทัพคุมกองทหารยุวชน อะเบอร์ธอลผู้ชราที่สุดเป็นนักปราชญ์และนักประวัติศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาแก่ราชามาสามรัชกาลแล้ว เฟิร์ธที่ปรึกษาด้านกิจการภายในราชสำนัก เป็นชายร่างผอมมีผมสั้นสีเทากับดวงตาลึกหลุกหลิก เฟิร์ธเป็นคนที่แม็คกิลไม่เคยไว้ใจเลย และทรงไม่เข้าใจตำแหน่งของเขาด้วย แต่พระบิดาและเสด็จปู่ของพระองค์มีตำแหน่งที่ปรึกษากิจการราชสำนัก พระองค์จึงคงตำแหน่งนี้ไว้เพื่อถวายความเคารพต่อบุพการี ต่อมาคือโอเว็นเสนาบดีคลัง บราเดห์ที่ปรึกษากิจการภายนอก เออร์แนนผู้ดูแลการเก็บภาษี ดูเว็นที่ปรึกษาด้านราษฎร และเคลวินผู้แทนขุนนาง

แน่นอนว่าราชาทรงมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่อาณาจักรของพระองค์เป็นดินแดนเสรี พระบิดาของแม็คกิลทรงภาคภูมิใจที่อนุญาตให้ขุนนางมีสิทธิมีเสียงในทุกเรื่อง ผ่านทางตัวแทนของพวกเขา เป็นการถ่วงดุลย์อำนาจระหว่างราชาและขุนนางที่ไม่ง่ายนักตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในขณะนี้อาจมีความกลมเกลียวกัน แต่ในช่วงเวลาอื่นอาจมีการลุกฮือขึ้นและช่วงชิงอำนาจกันระหว่างขุนนางและราชวงศ์ ซึ่งเป็นการถ่วงดุลย์อำนาจที่ดี

ขณะที่พระองค์สำรวจภายในห้อง ทรงสังเกตว่าที่ปรึกษาหายไปคนหนึ่ง คนที่ทรงอยากหารือด้วยมากที่สุด...อาร์กอน แต่ก็เป็นเรื่องปกติ อาร์กอนจะไปจะมาเมื่อใด ไม่อาจคาดเดาได้ แม้จะทำให้ทรงกริ้วเสมอ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ วิถีของดรูอิดนั้นเป็นเรื่องลึกลับสำหรับพระองค์ เมื่อไม่มีอาร์กอน ราชาแม็คกิลยิ่งรู้สึกรีบเร่งมากขึ้น พระองค์อยากให้เสร็จเรื่องโดยเร็ว เพื่อจะได้ไปทำอีกร้อยพันสิ่งที่รออยู่ก่อนพิธีอภิเษก

คณะที่ปรึกษานั่งล้อมกันรอบโต๊ะครึ่งวงกลม หันเผชิญหน้ากับพระองค์ ห่างกันทุกสิบฟุต แต่ละคนนั่งบนเก้าอี้ไม้โอ๊คโบราณสลักลวดลายอย่างปราณีต

Купите 3 книги одновременно и выберите четвёртую в подарок!

Чтобы воспользоваться акцией, добавьте нужные книги в корзину. Сделать это можно на странице каждой книги, либо в общем списке:

  1. Нажмите на многоточие
    рядом с книгой
  2. Выберите пункт
    «Добавить в корзину»